ทุกสายตาจดจ้องไปที่ฉินเฉิงที่กำลังกินดื่มอยู่ในตอนนั้นทันที
สายตาของพวกเขาค่อนข้างซับซ้อน มีทั้งคนสงสารและเหยียดหยาม มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่แสดงความกังวลออกมาอย่างเป็นห่วง
ฉินเฉิงวางปูที่กำลังกินอยู่ในมือ ลุกขึ้นและพูดว่า “ใช่ผมเอง สวัสดีครับเฝิงกง”
และสิ่งที่แปลกไปก็คือเฝิงกงทำแค่พยักหน้าและไม่ได้พูดอะไร
ฉินเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย หรือว่าเฝิงกงคนนี้คิดที่จะปล่อยเขาไปจริงๆ?
“จริงเหรอ จะไปทั้งๆอย่างนี้เหรอ?” ฉินเฉิงพูดออกมาเบาๆ
คุณปู่ซูส่ายหน้าและพูดออกมาว่า “ไม่มีทาง เขาเพิ่งจะออกมาจากการฝึกวิชา คนอย่างเขาไม่มีทางปล่อยนายอย่างแน่นอน”
เจ้าแห่งลมปราณหูพูดออกมาว่า “มันคงจะไม่ใช่แบบนั้น ฉันกับเขาเป็นศัตรูกันมาตั้งหลายปี และวันนี้เขาขึ้นไปอยู่ในจุดสูงสุดของพลัง ความเป็นไปได้ที่เขาจะพุ่งเข้าหาฉันมันมีมาก”
ฉินเฉิงมองไปที่เจ้าแห่งลมปราณหู เขาพบกว่าเจ้าแห่งลมปราณหูเป็นคนที่มีพลังปราณแข็งแกร่งมาก แต่เมื่อเอามาเทียบกับเฝิงกงแล้วต้องบอกเลยว่าอาจจะด้อยกว่าอยู่เล็กน้อย ถ้าหากทั้งสองคนต้องสู้กันจริงๆเกรงว่าเจ้าแห่งลมปราณหูอาจจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
งานเลี้ยงเริ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างก็มีช่วงเวลาที่ดีในการกิน ดื่ม และสนุกสนาน
และในตอนนั้นจู่ๆปี้เสี่ยวเหยาก็วิ่งเข้ามา
เขารีบวิ่งมาอยู่ตรงหน้าของฉินเฉิง พูดด้วยสีหน้าที่ตกใจว่า “พี่…พี่ใหญ่ ฉันสามารถใช้สถานะของสำนักงานความมั่นคงเพื่อปกป้องพี่จากเฝิงกงได้”
ฉินเฉิงหันไปมองเข้า “ถ้ามันลำบากนายก็อย่าฝืนตัวเองเลย”
จากนั้นปี้เสี่ยวเหยาก็พูดออกด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า “เนื่องจากฉันได้ป่าวประกาศต่อหน้าทุกคนแล้วว่าพี่เป็นพี่ใหญ่ของฉัน ฉันไม่สามารถทนดูพี่ตายไปโดยที่ให้ฉันอยู่เฉยๆได้”
ฉินเฉิงหันมาพยักหน้าชื่นชมและพูดออกมาไปว่า “ไม่เลว ดูเหมือนที่เขาพูดกันว่าสามพรสวรรค์แห่งเมืองหลวง นายปี้เสี่ยวเหยาคู่ควรกับมันที่สุด”
ปี้เสี่ยวเหยาไม่ได้พูดอะไร และนั่งลงข้างๆฉินเฉิง
ส่วนด้านนอกของงานมีทหารจำนวนมาก อาวุธพร้อมมือ เห็นได้อย่างชัดเจนว่าปี้เสี่ยวเหยาเป็นคนพาคนเหล่านี้มา
“คิดไม่ถึงจริงๆว่าเฝิงกงจะปล่อยนายไปแบบนี้” ในตอนนั้นเฉินจงแห่งตระกูลเฉินก็เดินเข้ามา
เขาเดินมาพร้อมกับผู้หญิงที่เซ็กซี่มาก
ฉินเฉิงไม่ทันพูดอะไร ปี้เสี่ยวเหยาก็ลุกขึ้นมาทันทีและพูดว่า “เฉินจง กับนายแค่ฉันคนเดียวก็พอแล้ว”
“กับนาย?” เฉินจงหัวเราะออกมา “ตอนนี้นายที่นับถือคนอื่น เรียกคนอื่นว่าพี่ใหญ่ นายคิดว่านายยังคู่ควรจะเป็นคู่ต่อสู้ของฉันอย่างนั้นเหรอ?”
“ไม่ต้องพูดมาก พวกเราออกไปลองกันดูสักตั้งไหม?” พลังปราณของปี้เสี่ยวเหยาเริ่มเคลื่อนไหว เขาต้องการที่จะต่อสู้
เฉินจงหัวเราะและพูดออกมาว่า “ปี้เสี่ยวเหยา จำสภาพตอนที่แพ้ฉันไปครั้งที่แล้วไม่ได้เรหอ? ทำไม นายยังอยากจะแพ้ฉันต่อหน้าคนมากมายขนาดนี้อยู่อีกอย่างนั้นเหรอ?”
และในตอนนั้นจู่ๆก็มีฝ่ามือกระทบเข้ามายังใบหน้าของเขา ทำให้ร่างกายของเขากระเด็นออกไปกระแทกกับโต๊ะที่อยู่ด้านหน้าอีกหลายโต๊ะ
“ถ้าหากยังพูดจาไม่สุภาพแบบนี้อยู่อีก ฉันจะไม่สนใจและฆ่านายที่นี่ตอนนี้เลย” ฉินเฉิงพูดออกไป
เฉินจงจับไปที่หน้าของตนเอง ลุกขึ้นมาและตวาดใส่ฉินเฉิง “แกกล้ามาลงมือกับฉันที่นี่อย่างนั้นเหรอ? ฉินเฉิง แกนี่มันกล้า….”
“ตู้ม!”
ครั้งนี้ฉินเฉิงถีบไปที่หน้าอกของเฉินจงเต็มๆ ทำให้ร่างของเฉินจงกระเด็นออกไปนอกงาน!
เขากระอักเลือดออกมาเป็นลิตร รอยฝ่ามือบนใบหน้าของเขาทำให้เขารู้สึกอับอายเป็นอย่างมาก
“ยังจะพูดอะไรอีกไหม?” ฉินเฉิงมองไปที่เฉินจงและถามออกมาอย่างเยือกเย็น
เฉินจงกัดฟันแน่น พูดอะไรไม่ออกสักคำ
นี่เป็นฉากที่ทำให้ผู้คนตกฝจมาก สีหน้าบอกพวกเขาเต็มไปด้วยความสงสัย
“ทายาทรุ่นที่สองที่เป็นพรสวรรค์ของเมืองหลวง คนหนึ่งถูกทำให้หมดสภาพ คนหนึ่งกลายไปเป็นลูกศิษย์ สวนอีกคนก็เพิ่งจะกระเด็นออกไปเมื่อกี้”
“ดูเหมือนว่าทันสามคนจะเป็นอดีตไปแล้ว”
“ในรุ่นของเด็กหนุ่ม ดูเหมือนว่าฉินเฉิงจะยืนอยู่ในจุดสูงสุด แน่นอนสิ่งที่ยืนยันก็คือเขาสามารถมีชีวิตได้มาถึงตอนนี้”
เมื่อได้ยินการสนทนาของทุกคน ลูกศิษย์ของเจ้าแห่งลมปราณหู เหลียนจี้เทียนก็ยิ้มและพูดออกมาว่า “อะไรคือพรสวรรค์ทั้งสาม ถ้าหากว่าอาจารย์ไม่ถ่อมตัวแบบนี้ คนอย่างพวกเขาจะมาอวดดีแบบนี้ได้อย่างไร”
ฉินเฉิงหันไปมองเหลียนจี้เทียน แววตาของเขามีความรู้สึกที่ไม่พอใจแสดงออกมาให้เห็น
“จี้เทียน อย่างพูดจาไร้สาระ!” เจ้าแห่งลมปราณหูดุเขาออกมาทันที
ถึงแม้ว่าเหลียนจี้เทียนจะเงียบปากไปแล้ว แต่สายตาของเขาก็ยังเต็มไปด้วยความดูถูกเหยียดหยาม
“อยู่ต่อหน้าเฝิงกงนายยังกล้าลงมือ ฉินเฉิงนายนี่มันจะหยิ่งผยองเกินไปแล้ว” มีคนพูดออกมาในความมืด
“ฮ่าฮ่า นี่แหละคือความบ้าของชายหนุ่ม เข้าใจได้ๆ”
เฝิงกงกำลังอยู่บนเวที เขายังคงไม่มีการแสดงออกใดๆ เพราะนั่นมันไม่ใช่เรื่องของเขา
“พี่ไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยตัวเอง” ปี้เสี่ยวเหยาที่อยู่ด้านล่างของเวทีพูดออกมา
ฉินเฉิงยิ้มและพูดออกมา “นายเรียกฉันว่าพี่ใหญ่ ฉันก็ต้องดูแลนายเป็นธรรมดา”
ปี้เสี่ยวเหยาผงะ คำๆนี้เป็นคำที่เขาใช้พูดกับคนอื่นมาโดยตลอด ที่เป็นครั้งแรกที่ถูกคนอื่นมาพูดด้วย มันจึงทำให้เขารู้สึกแปลกๆเล็กน้อย
“ขอบคุณทุกท่านที่มาร่วมงานในวันนี้” และในตอนนั้นเองเฝิงกงที่เงียบมาโดยตลอดก็เอ่ยปากขึ้น
เขายืนอยู่บนเวที กวาดสายตามองมาที่ทุกคน จากนั้นก็พูดออกมาว่า “ฉันรู้ว่าวันนี้มียอดฝีมือมาจากที่ต่างๆมากมาย และฉันเองก็อยากจะขอคำแนะนำจากทุกคน ไม่ทราบว่าพอจะมีใครยินดีที่จะแลกเปลี่ยนเทคนิคกับฉันหน่อยไหม?”
ตอนนี้ทั้งงานอยู่ในความเงียบสงบ เฝิงกงที่อยู่ในขั้นเจ้าแห่งพลังปราณ ใครจะไปกล้าวัดฝีมือกับเขา?
“หลายปีที่ผ่านมาตระกูลเฝิงอยู่อย่างถ่อมตัวมาโดยตลอด หลายคนอาจจะลืมไปแล้วว่ามีฉันอยู่ และก็ลืมไปแล้วว่าที่ตระกูลเฝิงอยู่ด้วย” เฝิงกงพูดออกมาต่อ
เป็นอย่างที่ทุกคนคิด เฝิงกงต้องการกลับมายึดอำนาจคืน
“ไม่มีใครเลยหรอ?” เฝิงกงถามออกมาอีกครั้ง จากนั้นสายตาของเขาก็มองมาที่เจ้าแห่งลมปราณหู
เจ้าแห่งลมปราณหูส่งเสียงออกมา ในตอนที่เขากำลังจะยืนขึ้น ในตอนนั้นจู่ๆก็มีเสียงของชายชราคนหนึ่งดังขึ้น “อ่า ฉันก็อายุปูนนี้แล้ว คงต้องลองขยับไม้ขยับมือบ้างแล้ว”
ชายชราคนนี้อายุประมาณหกสิบปี ผมหงอกทำให้เขาดูแก่กว่าวัย
“ใช่ปรมาจารย์ลู่ไหม?” ดูเหมือนใครบางคนจะจำชายชราคนนี้ได้ จึงอุทานออกมา
“ปรมาจารย์ลู่? ใช่ผู้ที่มีพรสวรรค์เมื่อหลายสิบปีที่ผ่านมาไหม?”
“ไหนบอกกันว่าปรมาจารย์ลู่ตายไปแล้วไง? ทำไมเขายังมีชีวิตอยู่?”
คนที่ถูกเรียกว่าปรมาจารย์ลู่ลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เดินไปหาคุณปู่ซูและซ้อนมือเพื่อทำความเคารพ “สวัสดีเฝิงกง”
เฝิงกงเหลือบมองไปที่เขา และพูดอย่างเย่อหยิ่ง “ปรมาจารย์ลู่ มันไม่ง่ายสำหรับคุณที่จะมีชีวิตอยู่ในวัยนี้ กลับบ้านและใช้ชีวิตที่เหลือของคุณดีกว่า”
ปรมาจารย์ลู่หัวเราะออกมาดังลั่นและพูดออกมาว่า “ในฐานะที่เป็นนักรบ จะกลัวตายได้อย่างไร?และยิ่งไปกว่านั้นนายกับฉันปรมาจารย์เหมือนกัน ฉันจะไม่แพ้คนอย่างนาย ”
เมื่อเสียงของเขาเงียบลง ปรมาจารย์ลู่ก็กระโดดขึ้นไปบนเวที
เฝิงกงพูดออกมาว่า “ในเมื่อปรมาจารย์ลู่ดื้อรั้นถึงเพียงนี้ ฉันก็คงต้องทำเต็มความสามารถของฉันแล้ว”
ปรมาจารย์ลู่ไม่พูดมาก เขาค่อยๆยกมือขึ้นและรวบรวมแสงสีขาวในฝ่ามือของเขา
เขาใช้นิ้วชี้ขึ้นไปในอากาศในทันที และแสงสีขาวก็ก่อตัวเป็นมังกรสีน้ำเงินจางๆ!
“นี่คือกระบวนท่าที่ฉันใช้เวลาหลายสิบปีในการค้นคว้า และฉันก็ไม่เคยใช้มันมาก่อน ขอให้เฝิงกงได้โปรดชี้แนะด้วย” ปรมาจารย์ลู่ตะโกนแล้วดันมือไปข้างหน้า และมังกรสีน้ำเงินก็พุ่งขึ้นไปในอากาศ!
เสียงกรีดร้องของมังกรสีเงินดังเข้าไปในหูของทุกคน เพียงชั่วพริบตามังกรตัวนั้นก็พุ่งเข้าไปหาเฝิงกงอย่างสุดกำลัง!
เฝิงกงพ่นลมอย่างเย็นชา เขายกนิ้วขึ้น และก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อยมังกรตัวนั้นก็หายไปในพริบตา!
ทุกคนต่างตื่นตกใจ ขนาดเป็นปรมาจารย์เหมือนกัน แต่ทำไมความแตกต่างถึงได้มากขนาดนี้?!
สีหน้าของปรมาจารย์ลู่เปลี่ยนไปทันที กระบวนท่ามังกรสีเงินที่เขาใช้เวลาค้นคว้ามามากกว่าสิบปีถูกทำลายในชั่วพริบตา!
“เฝิงกงนี่สุดยอดสมคำร่ำลือจริงๆข้าน้อยขอ….เอื๊อ!” ในตอนที่ปรมาจารย์ลู่กำลังยอมรับความพ่ายแพ้ จู่ๆเฝิงกงก็ยกฝ่ามือขึ้นและโจมตีมาที่หน้าอกของปรมาจารย์ลู่!
ปรมาจารย์ลู่กระเด็นออกมาทันที ร่างของเขากำลังจะตกลงมาจากเวที!
ฉินเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ค่อยๆยกมือขึ้น ใช้ออร่าอ่อนๆจากฝ่ามือของเขาไปพยุงร่างของปรมาจารย์ลู่เอาไว้
“เอ๊ะ?” เฝิงกงขมวดคิ้ว ดวงตาของเขาดูไม่พอใจเล็กน้อย
หลังจากที่ฉินเฉิงพยุงร่างของปรมาจารย์ลู่ขึ้นมาแล้ว เขาลุกขึ้นและพูดออกมาว่า “เฝิงกงผู้มีทักษะสุดยอด ทำไมต้องฆ่าชายชราคนนี้ด้วย? ยิ่งไปกว่านั้นปรมาจารย์ลู่เขาก็ยอมรับความพ่ายแพ้แต่โดยดีแล้ว”
เฝิงกงพูดออกมาว่า “ในสายตาของฉัน ไม่มีการยอมแพ้ มีแต่การตายเท่านั้น”