บทที่ 209 เด็กจากไปแล้ว
สีหน้าเซียวฉีเทียนถมึงทึง เขาสงสัยเกี่ยวกับตัวตนแท้จริงของคนพวกนี้ พวกเขาฝึกฝนมาอย่างดี แต่ดูไม่เหมือนนักฆ่า ที่จริงแล้วพวกเขาเหมือนนักรบหน่วยกล้าตายมากกว่าเสียด้วยซ้ำ เป็นไปได้ว่าเป็นองครักษ์ลับ
แต่เขานึกสับสนว่าใครจะเกลียดชังหนิงเมิ่งเหยาถึงขั้นส่งทหารเช่นนี้มาฆ่านาง “ส่งคนไปตรวจสอบว่าใครอยู่เบื้องหลังคนพวกนี้ ข้าต้องการรู้ภายในวันนี้”
“พ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท”
เหล่าคนที่ทำงานให้เฉียวเทียนอวี๋ถูกคนของเซียวฉีเทียนจับและเอาตัวไป เฉียวเทียนอวี๋เสียใจต่อการกระทำของตนยิ่งนัก ดูท่าแล้วพวกเขาจะต้องเป็นผู้รับผิด
“กลับกันเถอะ”
เขาเร่งม้าเต็มกำลัง พาหนิงเมิ่งเหยากลับไปยังจวนก่อนจะส่งคนไปที่วังหลวงเพื่อเรียกหมอหลวงมาดูแลให้แน่ใจว่าอาการของหนิงเมิ่งเหยาทรงตัว และชีวิตนางไม่เป็นอันตราย
เซียวฉีเทียนมองยังพี่ชายของตน รู้สึกปวดหัวหนัก “ท่านพี่ คราวนี้ท่านเจอปัญหาใหญ่แล้ว”
“เกิดอะไรขึ้น” เซียวชวี่เฟิงไม่เคยเห็นด้านนี้ของน้องชายตนมาก่อน
“ข้าหาตัวหนิงเมิ่งเหยาเจอ แต่อาการนางไม่สู้ดีนัก” ไม่ใช่เพียงแย่ แต่เรียกได้ว่าเลวร้ายเลยทีเดียว มีรอยฟกช้ำมากมายบนร่างนาง และนางเสียเลือดมากเกินไป
หากพวกเขาช้าไปกว่านี้อีกก้าวเดียว เขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าสุดท้ายแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
เซียวชวี่เฟิงวางพู่กันในมือลงบนแท่นวาง แล้วมองยังน้องชายด้วยสีหน้าจริงจัง “เกิดอะไรขึ้น บอกข้ามาให้ชัดๆ”
“ลูกของหนิงเมิ่งเหยาจากไปแล้ว ข้าไม่กล้าบอกเฉียวเทียนช่าง” เซียวฉีเทียนร้าวรานยิ่ง เขารู้ว่าสุดท้ายไม่ช้าก็เร็ว เฉียวเทียนช่างก็ต้องรู้เรื่องนี้
เซียวชวี่เฟิงขมวดคิ้ว “เจ้ารู้หรือยังว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้” เฉียวเทียนอวี๋และคนของเขาได้รับคำสั่งกำชับนักหนาว่าห้ามทำร้ายนาง พวกเขาไม่มีทางอยู่เบื้องหลังการโจมตีนี้แน่นอน เซียวชวี่เฟิงมั่นใจว่ามีคนอื่นแทรกแซง
เซียวฉีเทียนเม้มปากแล้วเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนจะเอ่ยขึ้น “เรื่องนี้น่าจะเกี่ยวกับท่านลุงของเรา คนพวกนี้มาจากจวนของเขา”
“แจ้งข่าวนี้ให้เทียนช่างรู้เสีย รวมถึงเรื่องที่เกิดกับหนิงเมิ่งเหยา” เซียวชวี่เฟิงมองเซียวฉีเทียนแล้วออกคำสั่ง
เขาคิดว่าเมื่อเฉียวเทียนช่างรู้เรื่องนี้ ชายหนุ่มจะต้องกลับมาแน่นอน สำหรับด้านหนิงเมิ่งเหยา การคาดเดาว่านางจะมีปฏิกิริยาเช่นใดเมื่อรู้เรื่องหลังนางตื่นขึ้นมาแล้วนั้นไม่ยากเลย สิ่งที่พวกเขาต้องทำตอนนี้คือเก็บปัญหานี้ให้ห่างจากพวกเขาและจากเมืองเซียว
เขากังวลว่าหนิงเมิ่งเหยาอาจจะทำบางอย่างไร้เหตุผลหลังรู้เรื่องนี้ และอาจลงเอยด้วยการลากคนบริสุทธิ์ไปเกี่ยวข้องด้วย
“ข้ารู้ พอเขากลับมาที่นี่และหนิงเมิ่งเหยาตื่นเมื่อไร เกรงว่าเมืองหลวงคงต้องเตรียมตัวเผชิญหน้ากับเหตุการณ์นองเลือด” เซียวฉีเทียนถอนหายใจยาว เรื่องนี้เกี่ยวพันกับตระกูลเฉียวและตระกูลเซียว จวนหลิงเองดูจะมีส่วนร่วมกับเหตุการณ์นี้ด้วยเช่นกัน พวกเขาจะรอดจากเรื่องนี้ไปโดยไร้รอยขีดข่วนหรือไม่ล้วนขึ้นอยู่กับทั้งสอง
เซียวชวี่เฟิงไม่สนใจเรื่องนี้แม้แต่น้อย ตราบใดที่เขาไม่โดนลากเข้าไปพัวพันด้วย ก็ย่อมไม่ใช่กิจของเขา จะอย่างไร ตระกูลเซียวก็ได้อิสระมามากเกินไปแล้วในหลายปีมานี้ ถึงเวลาสั่งสอนบทเรียนเสียที
เซียวฉีเทียนไม่ได้อยู่ที่วังหลวงนานนัก เขาส่งจดหมายไปหาเฉียวเทียนช่างทันทีที่กลับไปถึงจวนตัวเอง
หลังจากได้รับข่าว เฉียวเทียนช่างก็รีบเร่งมุ่งหน้าไปเมืองหลวงทันที ดวงตาเขาเบิกกว้างและโกรธเกรี้ยวเมื่อได้อ่านจดหมาย ใครที่ได้เห็นต่างบอกได้ว่าสถานการณ์ไม่ดีนัก
“นายน้อย เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูหรือเจ้าคะ” ชิงซวงและคนอื่นที่ตามมาถามหลังจากเห็นสีหน้าน่ากลัวและดวงตาแดงก่ำของเขา ราวกับว่าเขาเป็นภูตผีร้าย ใจนางเต้นระรัวด้วยความหวาดวิตก นางคิดกับตัวเอง เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนู
หลินจือโยวและคนที่เหลือไม่เคยเห็นเฉียวเทียนช่างเป็นเช่นนี้มาก่อน และต่างกังวลเรื่องเขา
“นายท่าน ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า”
“จากไปแล้ว” เฉียวเทียนช่างพึมพำแผ่วเบา ความรู้สึกสิ้นหวัง เจ็บปวดและโกรธเกลียดดังก้องอยู่ในเสียงเขา
เมื่อได้ยินเขา ทุกคนต่างเกร็ง “นายท่าน…อย่าทำให้พวกข้ากลัวสิ เกิดอะไรขึ้นกันแน่” เขาบอกว่าจากไปแล้ว แต่อะไรเล่าที่จากไป ภรรยาของเขาหรือ เขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่
“เด็กจากไปแล้ว” เขาตั้งตารอคอยวันที่บุตรของพวกเขาเกิดมาโดยตลอด แต่บัดนี้กลับมีข่าวแจ้งมาว่าเด็กน้อยที่เขารอคอยจากไปแล้ว เด็กน้อยที่เขายังไม่ได้ทำความรู้จักจากไปแล้ว และทั้งหมดเป็นเพียงเพราะคนพวกนั้นอย่างนั้นหรือ
หลินจือโยวและคนอื่นตกใจ นายน้อยหมายความว่าภรรยาของเขาตั้งครรภ์อยู่ และนางแท้งบุตร
ข่าวนี้ทำให้หลินจือโยวและคนที่เหลือเป็นกังวล ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมเฉียวเทียนช่างจึงมีสีหน้าน่ากลัวขนาดนั้น
“จือโยว เขียนจดหมายไปหาฮ่องเต้ในนามของข้า บอกเขาว่าข้าจะกลับไปราชสำนัก”
บทที่ 210 ตื่น
หลินจือโยวหดคอแล้วรีบวิ่งไปด้านข้างเพื่อเขียนจดหมาย คราวนี้คนร้ายพวกนั้นจบสิ้นแล้ว พวกเขาต่างรู้กันดีว่านิสัยเจ้านายพวกเขาเป็นเช่นไร
ตอนนี้เขาต้องการกลับไปยังราชสำนักอย่างไม่คาดฝัน ดูเหมือนว่าคนที่ทำร้ายพี่สะใภ้ของพวกเขาต้องเจอกับโชคร้ายแน่แท้แล้ว
ชิงซวงชำเลืองมองสีหน้าของเฉียวเทียนช่าง ใจนางเดือดดาลด้วยความเกลียดชังต่อคนร้ายไม่แพ้กัน “นายน้อย รีบไปหาคุณหนูกันเถอะเจ้าค่ะ”
“ได้ ไปกันเถอะ” เฉียวเทียนช่างผงกศีรษะลง เขาเพียงปรารถนาจะพบหนิงเมิ่งเหยาเดี๋ยวนี้ ส่วนพวกคนร้ายเหล่านั้น เขาจะตอบแทนให้อย่างสาสม แต่ตอนนี้เขาจะปล่อยให้พวกนั้นรอไปก่อน
ทั้งกลุ่มรีบมุ่งหน้าไปเมืองหลวง
ก่อนพวกเขาจะเข้ามาในเมืองหลวง เซียวชวี่เฟิ่งได้รับแจ้งแล้วว่าเฉียวเทียนช่างกำลังกลับมายังราชสำนัก เขาไม่ยินดีนักที่ได้รับข่าวนี้ กลับกันเสียด้วยซ้ำ เขาเป็นกังวลเพราะไม่อาจบอกได้ว่าเฉียวเทียนช่างจะกระทำสิ่งใดในสถานการณ์เช่นนี้
เพียงแค่ได้รู้ข่าวนี้ เขาก็ตัดสินใจถึงขั้นนี้แล้ว เซียวชวี่เฟิงไม่รู้ว่าชายหนุ่มจะตัดสินใจสุดโต่งเพียงไรเมื่อเห็นรอยช้ำทั่วตัวหนิงเมิ่งเหยา
เขารู้ว่าเฉียวเทียนช่างก็เป็นเหมือนเขา เห็นได้ชัดว่าเฉียวเทียนช่างเห็นหนิงเมิ่งเหยาเป็นผู้ฉุดเขาขึ้นมาจากความทุกข์และเขายังได้ยินมาจากฉีเทียนว่าทั้งสองคาดหวังเรื่องบุตรมากแค่ไหน
ฮ่องเต้เหยียดแผ่นหลังแล้วนวดบริเวณหว่างคิ้วอย่างเหนื่อยอ่อน ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็ต้องให้คำอธิบายแก่สามีภรรยาคู่นี้ ไม่เช่นนั้นแล้วเรื่องนี้คงไม่จบลง
เฉียวเทียนช่างมาถึงในยามจื่อ หลังจากได้รับแจ้งว่าเขากลับมาแล้ว เซียวฉีเทียนรีบออกไปต้อนรับชายหนุ่ม
“ข้าเสียใจด้วย เฉียวเทียนช่าง ทั้งหมดนี้เป็นความผิดของข้า” เซียวฉีเทียนมองสีหน้าน่ากลัวของเฉียวเทียนช่างอย่างรู้สึกผิด
เฉียวเทียนช่างปรายตามองเซียวฉีเทียนแล้วเอ่ยอย่างแผ่วเบา “ไม่สำคัญหรอก เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า”
เขาเข้าใจชัดแจ้งว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเซียวฉีเทียนแม้แต่น้อย และเขารู้อีกด้วยว่าถ้าเซียวฉีเทียนไปไม่ทัน หนิงเมิ่งเหยาอาจจะตายไปแล้ว ฉะนั้นเขาจะกล่าวโทษอีกฝ่ายได้เช่นไรกัน
“ข้าอยากเจอเหยาเหยา” เฉียวเทียนช่างกล่าวเสียงแหบพร่า
เซียวฉีเทียนนำทางเฉียวเทียนช่างไปยังบ้านหลังเล็กที่หนิงเมิ่งเหยาพักอยู่ “นางยังนอนไม่ได้สติอยู่เลย”
“เกิดอะไรขึ้น”
“เฉียวเทียนอวี๋และพวกที่เหลือคงกลัวว่านางจะหนี จึงใช้ผงทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงกับนางในปริมาณมากเกินไป เมิ่งเหยาเลยช่วยเหลือตัวเองไม่ได้เลย” เซียวฉีเทียนรู้ว่าหนิงเมิ่งเหยารู้ศิลปะป้องกันตัวบางอย่าง ย่อมต้องมีการใช้ผงปริมาณมากกับนาง นางจึงไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้แม้แต่น้อย
เฉียวเทียนช่างกำหมัดแน่น ดวงตาโชนด้วยโทสะ
“ชิงซวง เข้ามาข้างในกับข้า”
“เจ้าค่ะ นายน้อย”
ทั้งสองเข้าไปในห้องด้วยกัน ทันทีที่เข้าไป ทั้งสองเห็นหนิงเมิ่งเหยานอนอยู่บนเตียง ร่างของนางอยู่ใต้ผ้าผืนบาง ใบหน้านางซีดเซียว มีรอยช้ำบนหน้านาง โดยเฉพาะบริเวณหน้าผากซึ่งมีผ้าพันแผลพันอยู่
“ชิงซวง ดูเหยาเหยา” มือเฉียวเทียนช่างสั่นระริก เมื่อได้เห็นว่านางนอนอย่างเงียบสงบ ไม่กระดุกกระดิก ใจเฉียวเทียนช่างก็ปวดร้าวแทน เจ้าพวกนั้นที่บังอาจทำร้ายนาง เขาจะไม่ปล่อยให้มันรอดไปสักคนเดียว ส่วนพวกคนที่ทำร้ายลูกที่ยังไม่ทันได้ลืมตาดูโลกของเขา เขาจะทำให้ชีวิตพวกมันทรมานยิ่งกว่าตาย
ชิงซวงเดินไปข้างเตียงแล้วตรวจดูอาการบาดเจ็บของหนิงเมิ่งเหยา เมื่อเห็นรอยแผลช้ำม่วงเขียว ใจเฉียวเทียนช่างยิ่งเจ็บปวด นี่เป็นความผิดของเขาเอง ถ้าเขาไปเร็วกว่านี้ เรื่องคงไม่ลงเอยเช่นนี้
เฉียวเทียนช่างกดข่มความเหนียวเหนอะที่เกาะตัวหนาไว้ในลำคอ ทว่ารอยเปื้อนเลือดตรงมุมปากเขาทำให้คนอื่นรู้ว่าสภาพร่างกายเขาเองไม่ได้ดีไปกว่ากัน
ชิงซวงมองไปเห็นรอยเลือดตรงมุมปากเฉียวเทียนช่าง สีหน้านางเปลี่ยนไป “นายน้อย”
“ข้าไม่เป็นไร เจ้าดูเหยาเหยาก่อน” เฉียวเทียนช่างเช็ดคราบเลือดตรงมุมปากออกแล้วมองหนิงเมิ่งเหยาที่ยังนอนอยู่บนเตียง
ชิงซวงมีความแค้นสุมในใจ ทว่าค่อยๆ เลือนหายไปครั้นเห็นสภาพของเฉียวเทียนช่าง บัดนี้นางเป็นห่วงเขายิ่งนัก
หลังจากตรวจดูอาการบาดเจ็บของหนิงเมิ่งเหยา ชิงซวงเอ่ย “หมอหลวงที่มาก่อนหน้านี้ดูแลบาดแผลบนตัวคุณหนูแล้ว หากพักรักษาตัวสักระยะ คุณหนูก็น่าจะดีขึ้นส่วนแผลบนใบหน้า ข้ามีขี้ผึ้งลบรอยแผลเป็น พอแผลของนางหายดีแล้ว ทาขี้ผึ้งลงไป รอยแผลเป็นก็จะหายไปเอง แต่ร่างกายคุณหนูได้รับบาดเจ็บสาหัส นางต้องได้รับการดูแลอย่างดี” มิฉะนั้นแล้ว ต่อไปนางอาจจะมีบุตรได้ยาก แม้ชิงซวงจะไม่ได้เอ่ยออกมา แต่เฉียวเทียนช่างก็พอเดาออก
“ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าไปได้”
“นายน้อย ให้ข้าดูอาการท่านด้วยเถอะเจ้าค่ะ”