บทที่ 223 ความกังวลของเฉียวเจิ้งหง
เฉียวเทียนช่างนั้นทราบดีว่าคงไม่มีฮ่องเต้องค์ใดที่อยากให้ขุนนางของตนเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักลอบค้าเกลือเช่นนี้ แต่ไม่เพียงแค่เฉียวเจิ้งหงจะเอาตัวเองเข้าไปมีเอี่ยว เขากลับลักลอบค้ามันในปริมาณมหาศาลเสียอีก
เมื่อฮ่องเต้ทรงทราบเรื่องที่เกิดขึ้น เฉียวเทียนช่างก็รู้ได้ทันทีว่าตระกูลเฉียวคงจะถึงกาลอวสานเสียแล้ว และในที่สุดคนทั้งตระกูลคงจะต้องถูกประหารไปตามๆ กัน
เป็นเรื่องเข้าใจได้ที่เซียวชวี่เฟิงนั้นจะโมโหจนเลือดขึ้นหน้าเสียขนาดนี้ การนำเรื่องนี้มาบอกให้เขาทราบนั้น นอกจากเฉียวเทียนช่างจะทำคุณงามความดีให้กับฮ่องเต้แล้ว ในขณะเดียวกัน เรื่องนี้ก็เป็นประโยชน์ต่อตัวของเขาเองอีกด้วย
เฉียวเจิ้งหงรู้สึกอยู่ไม่สุขหลังจากกลับมาจากจวนแม่ทัพ เขาเรียกตัวเฉียวหลินผู้เป็นหัวหน้าข้ารับใช้ให้เข้ามาหา
ด้วยเพราะเป็นคนสนิทของเฉียวเจิ้งหง เฉียวหลินจึงรู้ถึงการกระทำผิดของเขาดี
“นายท่าน เกิดอะไรขึ้นหรือขอรับ” เฉียวหลินรู้สึกสงสัยกับความกังวลใจของเฉียวเจิ้งหง นี่ไม่เหมือนกับตัวเขาในยามปกติ
เฉียวเจิ้งหงเล่าความจริงให้เฉียวหลินฟังว่าเฉียวเทียนช่างรู้เข้าเสียแล้วว่าตระกูลเฉียวนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องในการลักลอบค้าเกลือ
“นายท่าน สิ่งที่เราต้องทำในยามนี้คือการทำลายทุกอย่างที่อาจจะเป็นหลักฐานขอรับ” เฉียวหลินตริตรองเรื่องนี้ เขาเชื่อว่าเฉียวเทียนช่างคงแค่รู้ แต่ยังไม่มีหลักฐานอยู่ในมือ มิฉะนั้น คงจะไม่ปล่อยให้พวกเขาหลุดมือไปง่ายๆ เช่นนี้แน่นอน
“ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ตอนนี้ข้ากำลังคิดอยู่ว่าเฉียวเทียนช่างจะกล้ายื่นมือมาจัดการกับตระกูลเฉียวจริงๆ หรือไม่” แม้กระทั่งยามนี้ เฉียวเจิ้งหงก็ยังคงมีความเชื่อว่าในเมื่อตนเป็นบิดาของเฉียวเทียนช่าง เช่นนั้นแล้วต่อให้เขาจะดื้อรั้นหรืออกตัญญูถึงเพียงใด เขาก็คงไม่กล้าทำเรื่องเช่นนั้นแน่
แต่เฉียวหลินกลับคิดตรงกันข้าม “นายท่านขอรับ ท่านทำร้ายนายน้อยสามไปมิใช่หรือขอรับ ข้าได้รับรายงานมาว่าภรรยาของเขาแท้งลูกเพราะนายน้อยหนึ่งและเฉียวโม่พยายามใช้กำลังลักพาตัวนาง ข้าไม่คิดว่าเขาจะปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ นะขอรับ”
เขารู้ดีว่าเฉียวเทียนช่างเป็นคนเช่นไร พวกเขาตัดความสัมพันธ์ทั้งหมดกับคนผู้นั้นไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นต่อให้จะเกี่ยวพันกันทางสายเลือด แต่เขาก็คงไม่มีทางปิดตาทำเป็นมองข้ามเรื่องนี้ไปง่ายๆ แน่
เฉียวเทียนช่างเพียงส่งคนของตนเข้าไปสืบเรื่องการลักลอบค้าเกลือเพราะว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เขาไม่พอใจ จุดประสงค์ของเขาคือการทำให้ตระกูลเฉียวล่มจม แล้วเขาจะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดมือไปเช่นนั้นหรือ
เฉียวเจิ้งหงมองเฉียวหลินอย่างเป็นกังวล เขาเพิ่งรู้ถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับภรรยาของเฉียวเทียนช่างเมื่อเช้านี้นี่เอง สำหรับเขานั้นผู้สืบสกุลนั้นไม่ได้มีความสลักสำคัญแต่อย่างใด ทว่าเมื่อดูจากการแสดงออกของเฉียวเทียนช่าง ดูเหมือนว่าเขาจะให้ความสำคัญกับเด็กคนนั้นมาก
“ท่านวางแผนจะทำเช่นไรขอรับ นายท่าน” เฉียวหลินเป็นกังวล พวกเขาจะต้องเริ่มลงมือในตอนนี้ มิฉะนั้น เรื่องราวคงตึงมือขึ้นมาอีกมาก หากเฉียวเทียนช่างได้หลักฐานมาไว้ในมือ
เฉียวเจิ้งหงโบกมือและถอนหายใจ “เจ้าตัดสินใจเอาแล้วกันว่าจะทำเช่นใด”
เฉียวหลินพยักหน้าก่อนออกไปสั่งการกับคนของตน
พอได้ข่าวเรื่องตระกูลเฉียวส่งคนของตัวเองมาเพื่อทำลายหลักฐานทั้งหมด หลินจือโยวก็ส่งกำลังสองสามนายออกไปเพื่อสะกดรอยตาม จนกระทั่งไปถึงบ้านร้างแห่งหนึ่งซึ่งตั้งอยู่ห่างไกล
บ้านหลังนั้นมีทุกสิ่งที่ตระกูลเฉียวทำกำไรได้จากการลักลอบค้าเกลือ
เมื่อพบตำแหน่งที่ตั้ง พวกเขาก็จัดการส่งข่าวให้กับเฉียวเทียนช่างในทันที
เฉียวเทียนช่างรู้สึกพึงพอใจกับผลลัพธ์ที่ได้ยิ่งนัก เขาแจ้งหนิงเมิ่งเหยาก่อนนำคนของตนไปที่บ้านหลังนั้น
เมื่อเฉียวเทียนช่างออกไปพร้อมกับคนของตน ดูเหมือนว่าทั้งสองฝ่ายนั้นต่างกำลังโรมรันเข้าต่อสู้กันอยู่พอดี
การต่อสู้เกิดขึ้นเพราะคนของเฉียวเจิ้งหงพยายามทำลายหลักฐานทั้งหมด แต่คนทางฝั่งของเฉียวเทียนช่างไม่สามารถให้พวกเขาทำลายของพวกนั้นได้
เฉียวเทียนช่างพาคนของตนเข้าไปที่ลานบ้าน ที่นั่น เขาพบหลักฐานทั้งหมดรวมถึงสมุดบัญชีที่บันทึกเกี่ยวกับการลักลอบค้าเกลือของเฉียวเจิ้งหงเอาไว้ด้วย เขายกยิ้มมุมปากเมื่อสังเกตเห็นว่าจำนวนของมีค่าจากในรายงานการสืบค้นของตนกับที่อยู่ในมือนั้นไม่ตรงกัน จำนวนการลักลอบค้าเกลือซึ่งถูกบันทึกไว้ในสมุดบัญชีเล่มนี้กินขอบเขตการลักลอบค้าเกลือทั้งหมดของเมืองเซียวไปร่วมสามสิบส่วน
พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ เฉียวเจิ้งหงนั้นถือหุ้นในการลักลอบค้าเกลือของเมืองเซียวอยู่ถึงสามสิบส่วนด้วยกัน
เฉียวเทียนช่างไม่เพียงแค่พบสมุดบัญชี แต่เขายังพบเงินที่พวกของเฉียวเจิ้งหงได้จากการลักลอบค้าเกลือมาด้วย
เขาไม่มีทางปล่อยให้เงินเหล่านั้นหลุดมือไปแน่ๆ เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงสั่งให้คนของตนจัดการขนย้ายเงินทั้งหมดไปที่จวนของตัวเอง
แน่นอนว่าเฉียวเจิ้งหงต้องได้รับรายงานเรื่องโกลาหลเช่นนี้เป็นแน่ แต่ถึงแม้ว่าเขาอยากจะทำอะไร เขาก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย คนของเฉียวเทียนช่างนั้นล้วนแต่เป็นพลทหารผ่านสมรภูมิรบซึ่งถูกฝึกมาอย่างดีด้วยฝีมือของเฉียวเทียนช่างเอง แล้วคนของเฉียวเจิ้งหงจะไปต่อกรกับพวกเขาได้เช่นไร
“บ้าเอ๊ย เฉียวเทียนช่างมันกำลังวางแผนเล่นงานข้า” เฉียวเจิ้งหงคงเสียชาติเกิดหากยังไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้
เฉียวเทียนช่างแจ้งเรื่องนี้กับเขาเพราะต้องการแหวกหญ้าให้งูตื่น แล้วให้เขาไปจัดการทำลายหลักฐานการลักลอบค้าเกลือโดยเร็วที่สุด เมื่อหลักฐานทั้งหมดถูกย้ายไปไว้ในจุดเดียวกันเพื่อรอการทำลาย เขาจะได้สะกดรอยตามและเก็บเอาหลักฐานพวกนั้นทั้งหมดไปในครั้งเดียว
บทที่ 224 หาวิธีการรับมือ
“นายท่านขอรับ เรื่องราวมีแต่จะยุ่งยากขึ้นอีก ตอนนี้สมุดบัญชีทุกเล่มตกอยู่ในมือของนายน้อยสามแล้วขอรับ” เฉียวหลินหน้านิ่วคิ้วขมวด
แรกเริ่มเดิมที ด้วยเพราะเกรงว่าจะมีปัญหาอะไรเกิดขึ้น พวกเขาจึงซ่อนเงินเอาไว้ที่บ้านหลังอื่นซึ่งตั้งอยู่ห่างจากจวนออกไป แต่ใครจะรู้เล่าว่าผลสุดท้ายจะเป็นเช่นนี้
“ข้ารู้แล้ว เช่นนั้นพวกเราควรทำเช่นไรดี ใช่ว่าเราจะบุกจวนแม่ทัพได้เสียด้วย” บางทีพวกเขาอาจจะไม่ได้เพิ่มกำลังองครักษ์ แต่ก็ยังอาจจะมีองครักษ์ลับ ที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดได้ หากบุกเข้าไปก็มีแต่จะพาตัวเองให้เดินเข้าไปสู่กับดักเท่านั้น
เฉียวเทียนช่างและคนอื่นๆ ต่างก็ไม่ได้พบอุปสรรคใดในระหว่างการเดินทางกลับ คนที่ยังมีชีวิตอยู่จากการบุกโจมตีครั้งนั้นเพียงแค่ขากรรไกรเคลื่อนและถูกนำตัวกลับไปที่จวนแม่ทัพพร้อมกับทรัพย์สินเหล่านั้น
หนิงเมิ่งเหยารู้สึกตาพร่าไปกับหีบใส่เงินจำนวนมากมายซึ่งวางอยู่ตรงหน้า
“เยอะยิ่งนัก” หนิงเมิ่งเหยายิ้ม “องค์ฮ่องเต้ควรจะได้มาเห็นกับตาตัวเองว่าขุนนางของตนนั้นร่ำรวยเพียงใด”
“ข้าส่งคนไปรายงานชวี่เฟิงแล้ว” เฉียวเทียนช่างกล่าวราวกับเป็นเรื่องธรรมดา
หนิงเมิ่งเหยาชะงักแล้วก็หันไปมองใบหน้าอันเคร่งเครียดของเฉียวเทียนช่าง ก่อนนางจะยิ้มออกมา
ดูเหมือนว่าตระกูลเฉียวคงพาตัวเองมาเจอปัญหาใหญ่เข้าเสียแล้ว ถึงแม้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนี้จะยังไม่เพียงพอต่อการดับไฟโทสะของนางได้ก็ตามที
หลังจากนั้นราวสี่เค่อ ทั้งเซียวชวี่เฟิงและเซียวฉีเทียนก็มาถึงจวนแม่ทัพ สีหน้าของเซียวชวี่เฟิงดำคล้ำในทันทีที่เห็นเงินทองตรงหน้า
ไอ้เจ้า **** เฉียวเจิ้งหง
“นี่คือพวกของที่ได้มาจากบ้านหลังนั้น รวมถึงสมุดบัญชีด้วย” เฉียวเทียนช่างส่งสมุดบัญชีให้กับเซียวชวี่เฟิง
เมื่อเขาพลิกหน้ากระดาษของสมุดบัญชีดู สีหน้าของเซียวชวี่เฟิงก็ยิ่งคล้ำขึ้นไปอีก เขาต้องยอมรับจริงๆ ว่าเฉียวเจิ้งหงนั้นช่างกล้านัก เขาไปได้ความกล้าพรรค์นี้มาจากไหนกัน
ดูเหมือนว่าสิ่งที่จะรับประกันความปลอดภัยของเขาได้นั้นคงมีเพียงแค่ราชโองการ แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้มันถูกนำมาใช้เสียแล้ว จึงไม่มีสิ่งใดที่สามารถเป็นเกราะคุ้มภัยให้กับตระกูลเฉียวได้อีก
“เจ้าวางแผนไว้ว่าจะทำเช่นใด” หลังจากเซียวชวี่เฟิงอ่านสมุดบัญชีจนเสร็จ เขาก็หันไปถามความเห็นของเฉียวเทียนช่างด้วยใบหน้าบอกบุญไม่รับ
“อย่างไรเสียเราก็ไม่ได้รีบอะไร”
“ไม่รีบรึ” เซียวชวี่เฟิงขมวดคิ้ว เขาคาดการณ์เอาไว้ว่าพวกเขาคงจะรีบลงมือในทันที ดังนั้นคำตอบของเขาจึงทำให้ตนแปลกใจ
เฉียวเทียนช่างพยักหน้า “สิ่งที่ข้าวางแผนไว้คือการทำลายพวกมันให้สิ้นซาก เมื่อเหยาเหยาลงมือในส่วนของนาง ข้าจะไปจัดการพวกมันในราชสำนักเสียให้สิ้น”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น เซียวชวี่เฟิงและเซียวฉีเทียนส่งสายตามองไปที่สองสามีภรรยาและได้ข้อสรุปว่าคงจะเป็นการดีที่สุดหากไม่ไปทำให้พวกเขาไม่พอใจ เพราะแผนการแก้แค้นของพวกเขานั้นช่างน่าสยดสยองเหลือเกิน
จะเกิดอะไรขึ้นหากหนิงเมิ่งเหยาลงมือน่ะหรือ ไม่เพียงแต่ช่องทางการเงินของพวกมันจะถูกปิดกั้น และคงจะมีอีกหลายคนที่จะต้องเจอกับปัญหาใหญ่
“ข้าจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการสถาปนาของเมืองเซียว แต่ทุกคนที่ข้องเกี่ยวกับทั้งสามตระกูลนั้นจะต้องได้รับโทษ” หนิงเมิ่งเหยาผู้ซึ่งเงียบเสียงอยู่ครู่ใหญ่จู่ๆ ก็พูดขึ้น
นางต้องการใช้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เพื่อลงโทษและเป็นตัวอย่างให้คนอื่นๆ ได้เห็น นี่จะเป็นการทำให้พวกมันรู้ว่าพวกเขาไม่ใช่คนที่ใครๆ จะมาหาเรื่องด้วยได้
สองพี่น้องลอบมองกันและกันก่อนถอนหายใจ “เช่นนั้นก็ดี”
หนิงเมิ่งเหยาเลิกคิ้ว ความประทับใจที่นางมีต่อทั้งสองดูจะมีการพัฒนาขึ้นมาบ้าง ดูเหมือนว่าพี่น้องของเฉียวเทียนช่างนั้นจะเป็นคนดีจริง
“แล้วผลการสืบของอีกสองตระกูลเป็นเช่นไร” เซียวชวี่เฟิงขมวดคิ้วและมองเฉียวเทียนช่าง พวกเขาจำเป็นต้องรู้จุดอ่อนของทั้งสามตระกูลก่อนจึงจะสามารถนำมันไปใช้กับพวกมันได้ และเมื่อเวลานั้นมาถึง การนำจุดอ่อนพวกนี้ไปจัดการกับพวกมันในราชสำนักก็คงจะเป็นเรื่องไม่ยากเย็นอะไรนัก
ริมฝีปากของเฉียวเทียนช่างโค้งเป็นรอยยิ้ม “จวนตระกูลหลิงกำลังซ่องสุมกำลังพลของตัวเอง ในขณะที่จวนตระกูลเซียวนั้นเกี่ยวข้องกับการยักยอกเงินจำนวนหลายล้าน”
เซียวฉีเทียนอ้าปากค้างอย่างไม่เชื่อหู จวนตระกูลหลิงกำลังพยายามซ่องสุมกองทัพขนาดใหญ่อยู่งั้นหรือ ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาตกใจยิ่งกว่านั้นเห็นจะเป็นเรื่องที่จวนตระกูลเซียวทำการยักยอกเงินจำนวนหลายล้านเสียมากกว่า
พูดอีกอย่างก็คือ เงินหลวงที่ควรจะมีไว้ใช้จ่ายให้กับราษฎรนั้นล้วนถูกยัดเข้ากระเป๋าตัวเองแทน แล้วสุดท้ายมันจะเหลือไปถึงมือประชาชนสักเท่าไหร่กัน
ตั้งแต่เซียวชวี่เฟิงขึ้นครองบัลลังก์ ตัวเมืองได้ประสบกับภัยพิบัติธรรมชาติมาสามหน มหันตภัย ภัยแล้ง และพายุหิมะ ทั้งหมดนั้นล้วนส่งผลกระทบกับพื้นที่ขนาดใหญ่หลายจุดของทั้งเมืองไปด้วย เงินจำนวนสามล้านตำลึงเงินถูกนำออกมาจากท้องพระคลัง อาหารและหยูกยาก็ถูกจัดหาอย่างดี เมื่อได้รู้เรื่องการยักยอกเงิน เซียวชวี่เฟิงก็รู้ซึ้งว่าท่านลุงอันเป็นที่รักของตนนั้นเป็นคนละโมบเพียงใด
ในราชสำนักนั้นมีทั้งขุนนางที่กังฉินและตงฉิน และเขาเองก็ทำเป็นเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ไม่สนใจผู้ที่มีส่วนในการฉ้อโกงเล็กๆ น้อยๆ ทว่าใครจะไปคาดคิดว่าลุงของเขาจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการยักยอกเงินจำนวนมหาศาลเช่นนี้