บทที่ 267 เพิ่มหวงเหลียนหนึ่งชั่ง
เฉียวเทียนช่างลอบมองหนานกงเช่อโดยไม่พูดอะไร เพียงยกชาขึ้นจิบทีละนิด
ไม่มีใครกล่าวอะไรอยู่ครู่หนึ่ง
ความเงียบไม่ได้ปกคลุมอยู่นานนักเมื่อหนิงเมิ่งเหยากลับมากับชิงเซวียนและคนอื่นๆ
พอเห็นหนานกงเช่ออยู่ในสวน แววตาหนิงเมิ่งเหยาก็มีประกายรังเกียจ
“เหยาเหยา เจ้ากลับมาแล้ว” ใบหน้าเฉียวเทียนช่างแสดงความรักใคร่เต็มเปี่ยมเมื่อเห็นหนิงเมิ่งเหยา
หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะ “ใช่ ข้ามีเรื่องต้องจัดการ ร่างกายเจ้ายังไม่หายดี เจ้าออกมาข้างนอกทำไม”
“ข้าไม่เป็นอะไร ไม่ต้องห่วง” เฉียวเทียนช่างยิ้มพลางอธิบาย
เมื่อหนานกงเช่อมาถึง เขาก็ทนนอนนิ่งๆ บนเตียงไม่ได้
หนิงเมิ่งเหยาขมวดคิ้วแล้วปรายตาไปทางหนานกงเช่อ “ชิงซวง ตรวจชีพจรท่านแม่ทัพใหญ่เสีย”
“เจ้าค่ะ คุณหนู”
ชิงซวงเดินไปหาเฉียวเทียนช่าง เขาทำอะไรไม่ถูกขณะให้ตรวจชีพจร
หลินจือโยวนึกขบขัน
“นายท่าน ท่านมีหมอส่วนตัวแล้วหรือ” หลินจือโยวมองชิงซวงอย่างหยอกเย้า
ชิงซวงพลันพุ่งมืออีกข้างออกไป ตรงปลายนิ้วนางมีเข็มเงิน “ถ้าเจ้ายังไม่หุบปาก ข้าจะทำให้เจ้าพูดไม่ได้อีกต่อไป ”
หลินจือโยวใบ้กิน มองชิงซวง “เกรงว่าข้าคงไปยั่วโมโหเจ้าเข้าแล้วสินะ”
“ปิดปากไม่มีหูรูดของเจ้า แล้วเลิกรบกวนขณะที่ข้ากำลังตรวจชีพจรท่านแม่ทัพใหญ่” ชิงซวงมองหลินจือโยวอย่างเหยียดหยาม
หลินจือโยวฉีกยิ้ม พินิจมองชิงซวง สาวน้อยนางนี้ทำให้เขายิ่งอยากยั่วโมโหนาง
“ท่านแม่ทัพสบายดีเจ้าค่ะ แต่ท่านยังต้องดื่มยาที่เหลืออีกสองชาม” ชิงซวงหดมือเก็บแล้วบอกอย่างสุขุม
เฉียวเทียนช่างที่ค้างมือไว้ชะงักแล้วเอ่ยอย่างจนใจ “ชิงซวง เจ้ากำลังล้างแค้นข้าอยู่หรือ” ทำไมยาพวกนั้นจึงขมนัก
เขาอดสงสัยไม่ได้ว่าชิงซวงเติมหวงเหลียน หวงเหลียนเข้าไปเต็มกำมือ ไม่อย่างนั้นแล้วชาจะรสขมเพียงนี้ได้เช่นไร
ชิงซวงถลึงตามองเฉียวเทียนช่าง “ครั้งต่อไปที่ท่านแม่ทัพทำให้คุณหนูเป็นกังวล ข้าจะเติมหวงเหลียนอีกชั่งใส่ในยาท่านอย่างไม่ลังเลเลย”
ตาเฉียวเทียนช่างกระตุก สาวน้อยนางนี้ช่างกล้าพูดจานัก
ถ้าเติมหวงเหลียนลงไปอีกชั่ง เขาจะยังดื่มยาไหวหรือ ดื่มเข้าไปเขาคงกินอะไรไม่ได้อีกเป็นเดือน
นางวางสองมือลงบนอกพลางยิ้มบางๆ ให้เฉียวเทียนช่าง “ถ้าท่านแม่ทัพไม่อยากดื่มยาใส่หวงเหลียนอีกชั่ง ก็ขอให้ท่านกรุณาดูแลตัวเองให้ดีด้วยเจ้าค่ะ” ชิงซวงเผยยิ้มกว้างส่องประกายเสียจนฉียวเทียนช่างปวดหัว นี่เขาต้องมาเจอกับข้ารับใช้ประเภทไหนกัน
“พรืด…ฮ่าฮ่า นายท่าน ข้าสงสัยเสียจริงว่ายาเติมหวงเหลียนอีกหนึ่งชั่งรสชาติเป็นเช่นไร” เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาดังลั่นขณะที่พูดออกไป
เฉียวเทียนช่างถลึงตาใส่หลินจือโยว จากนั้นก็เอ่ยเสียงเย็น “ชิงซวง ไปเตรียมยาเติมหวงเหลียนอีกชั่งมาให้หลินจือโยว ให้เขาดื่มมันเข้าไปเสีย”
“เจ้าค่ะ ท่านแม่ทัพใหญ่” ชิงซวงค่อยๆ หันหลังแล้วเดินไป
หนานกงเช่อนั่งอยู่ที่โต๊ะ มองดูการพูดจาแปลกๆ ของคนพวกนี้ แต่ก็เข้ากันได้ดี
ผู้เป็นนายทำตัวไม่เหมือนเป็นนาย ข้ารับใช้ปฏิบัติตัวไม่สมเป็นข้ารับใช้ เขารู้สึกอบอุ่นใจขึ้นมาอย่างประหลาด ช่างเป็นความรู้สึกที่แปลกใหม่นัก
“คนของจวนแม่ทัพใหญ่เฉียวช่างน่าสนใจจริงๆ” หนานกงเช่อกล่าวอย่างคลุมเครือ
ยากจะบอกว่าสิ่งที่เขากล่าวออกมานั้นหมายถึงอะไร
หนิงเมิ่งเหยาขมวดคิ้ว จ้องมองหนานกงเช่อ “ท่านอิจฉาหรือ แล้วท่านต้องการอะไรจึงมาที่นี่กัน”
“ภรรยาของท่านแม่ทัพใหญ่ดูจะไม่ชอบข้าเท่าไรนัก” หนานกงเช่อขมวดคิ้วมองหนิงเมิ่งเหยา
หนิงเมิ่งเหยาไม่อยากทำตัวหน้าไหว้หลังหลอกกับคนแบบนี้ “มีตรงไหนของท่านที่ข้าต้องชอบหรือ”
“เจ้า…” หนานกงเช่อเดือดดาล ไม่เคยมีใครแสดงความรังเกียจต่อหน้าเขาเช่นนี้มาก่อน
“เหตุใดองค์รัชทายาทหนานกงจึงมาที่นี่” เฉียวเทียนช่างกล่าวขึ้นมาได้จังหวะพอดิบพอดี
หนานกงเช่อมองไปทางเฉียวเทียนช่าง หลังจากคิดถึงสาเหตุที่ตนมาที่นี่ เขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อข่มโทสะ
“ข้ามาเพื่อถามบางอย่างจากภรรยาของท่านแม่ทัพ ไม่ทราบว่าบิดามารดาของเจ้าเป็นใคร” หนานกงเช่อมองหนิงเมิ่งเหยาอย่างพินิจพิเคราะห์พร้อมเอ่ยถาม มีประกายในแววตาที่อธิบายไม่ได้ปรากฏอยู่
นอกจากเฉียวเทียนช่างและคนอื่นที่เห็นแววคาดหวังในตาของหนานกงเช่อ หนิงเมิ่งเหยาก็เห็นเช่นกัน
“ข้าไม่รู้ว่าบิดามารดาของข้าเป็นใคร หากองค์รัชทายาทหนานกงรู้ ข้าก็จะขอบพระคุณท่านมาก” หนิงเมิ่งเหยาเน้นหนักตรงคำว่า ‘ขอบพระคุณ’
บทที่ 268 ดูเหมือนใครสักคน
หนานกงเช่อขมวดคิ้วมองหนิงเมิ่งเหยา หญิงนางนี้เป็นอย่างไรกัน ทำไมจึงมองเขาด้วยสายตาทิ่มแทง
“ภรรยาของท่านแม่ทัพ ดูเหมือนระหว่างเราจะมีเรื่องเข้าใจผิดกันใช่หรือไม่” หนานกงเช่อกล่าวอย่างหมดหนทาง ตามองหนิงเมิ่งเหยา
หนิงเมิ่งเหยาปรายตามองหนานกงเช่อ แล้วเอ่ย “ข้าว่าไม่มี”
“ในเมื่อไม่มี เหตุใดข้ารู้สึกว่าเจ้ามีอคติต่อข้าเล่า” หนานกงเช่อมีสีหน้าหมดคำพูดยามมองหนิงเมิ่งเหยา สีหน้าเขาดูสงสัยอยู่เล็กน้อย
หนิงเมิ่งเหยานึกขบขัน นางมองหนานกงเช่อแล้วเย้า “อคติต่อท่านหรือ ท่านเป็นใครข้าจึงต้องมีอคติต่อท่าน”
“หนิงเมิ่งเหยา ดูเหมือนเจ้าจะล้ำเส้นไปแล้วนะ”
“ใครกันแน่ที่ล้ำเส้น หนานกงเช่อ ท่านคิดว่าข้าไม่รู้เจตนาของท่านหรือ มาถามว่าบิดามารดาข้าคือใครอย่างนั้นรึ ต่อไปท่านคงจะบอกว่ารู้ว่าบิดามารดาข้าเป็นใคร และบอกว่าข้าดูเหมือนใครในเมืองหลิงสินะ” หนิงเมิ่งเหยากล่าวน้ำเสียงแดกดัน
หนานกงเช่อตอบหนิงเมิ่งเหยาไม่ได้
เขารู้สึกเช่นนั้นจริง ว่าหนิงเมิ่งเหยาดูคล้ายใครบางคน คนผู้นั้นมีตำแหน่งเป็นรองใครคนหนึ่งเพียงผู้เดียว และอยู่เหนือคนอีกนับหมื่นในเมืองหลิง
กระทั่งตัวเขาเองยังต้องยอมเก็บเขี้ยวเล็บอย่างนอบน้อมต่อหน้าคนผู้นั้น
“ข้าอยากจะขอขอบคุณองค์รัชทายาทหนานกงสำหรับความเห็นของท่าน แต่จวนแม่ทัพใหญ่ไม่ต้อนรับท่าน กรุณากลับไปด้วย” หนิงเมิ่งเหยาไม่รู้ว่าไยตนจึงเกลียดชายคนนี้นัก
หนานกงเช่อข่มอารมณ์โกรธแล้วมองหนิงเมิ่งเหยา “ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อข้าหรือไม่ แต่เจ้าดูเหมือนใครคนหนึ่งจริงๆ”
หนิงเมิ่งเหยาหัวเราะอย่างดูแคลน “ขอบคุณที่บอกข้า แต่ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ขอเชิญองค์รัชทายาทหนานกง”
หนานกงเช่อรู้สึกเดือดดาลในอก แต่ก็ยอมลุกขึ้นแล้วไปด้วยสีหน้าถมึงทึง
หลังจากหนานกงเช่อไป เฉียวเทียนช่างมองไปยังหลินจือโยวและเหลยอัน ทั้งสองเข้าใจทันทีและพากันลุก เดินออกไป
เฉียวเทียนช่างส่งท่านยายฉิน ชิงเสวี่ย และคนอื่นๆ ออกไปด้วยเช่นกัน เหลือพวกเขาเพียงสองคนในสวน
“เหยาเหยา บอกข้ามาที วันนี้เจ้าเป็นอะไร” ตั้งแต่นางกลับมาแล้วเห็นหนานกงเช่อเข้า เขาบอกได้อย่างชัดเจนว่าอารมณ์ของหนิงเมิ่งเหยาผิดปกติ แทบเรียกได้ว่านางอยู่ไม่เป็นสุขเกินไป
หนิงเมิ่งเหยาสูดลมหายใจเข้าแล้วมองเฉียวเทียนช่าง “อันที่จริงแล้ว ข้ารู้ว่าเขาหมายถึงใคร คนผู้นั้นคือผู้สำเร็จราชการเมืองหลิง หนานกงเยี่ยน ข้าเคยพบเขาครั้งหนึ่ง เป็นชายที่เข้าใจยากที่สุดเท่าที่ข้าเคยพบ เขาเป็นชายรูปงาม แล้วเราสองคนก็ดูคล้ายกันมากกว่าห้าสิบส่วน”
“อะไรกัน เจ้าจะบอกว่าเจ้าอาจเป็นบุตรสาวของผู้สำเร็จราชการเมืองหลิงหรือ” ดวงตาเฉียวเทียนช่างเบิกกว้าง เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับชื่อเสียงของหนานกงเยี่ยน เขาเป็นผู้ใจบุญแห่งเมืองหลิง กระทั่งฮ่องเต้เมืองหลิงเองยังให้ความเคารพนับถือเขา ทว่าเขาอายุล่วงเลยวัยสี่สิบและยังไม่คิดแต่งงาน
“ข้าก็ไม่มั่นใจนัก ข้าส่งคนในทงเป่าไจไปสืบเรื่องนี้ แต่ก็สืบมาได้เพียงว่าหนานกงเยี่ยนมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับองค์หญิงใหญ่ของเมืองเซียว เซียวเฉิงหย่า จากนั้นองค์หญิงใหญ่ก็หายตัวไป หนานกงเยี่ยนอยู่ที่ใดก็เป็นปริศนา” หนิงเมิ่งเหยาไม่อาจปกปิดเรื่องใดก็ตามจากเฉียวเทียนช่างได้ นางจึงบอกเขาทุกอย่าง
เฉียวเทียนช่างเอื้อมมือไปลูบหลังหนิงเมิ่งเหยา “เจ้าคิดว่าหนานกงเช่อมาที่นี่ทำไม”
“จริงสิ ผู้สำเร็จราชการหนานกงเยี่ยนมีตัวตนที่ลึกลับในเมืองหลิงมาโดยตลอด องค์ชายทุกคนในเมืองหลิน รวมถึงหนานกงเช่อต่างก็อยากจะชนะใจเขาเพื่อให้เขาสนับสนุนตัวเอง ข้าเกรงว่าเขามาเริ่มที่ข้าเพื่อการนั้น” หนิงเมิ่งเหยาไม่กล้าพูดว่านางเดาทางความคิดหนานกงเช่อได้หมด แต่ก็พอจะคาดเดาได้เป็นส่วนใหญ่
เฉียวเทียนช่างเข้าใจ เขาผงกศีรษะ “ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าถึงรู้สึกไม่ดีต่อเขา”
“จริงสิ มีคนกำลังช่วยข้าสืบเรื่องนี้เช่นกัน เทียนช่าง เจ้าต้องจำไว้ ไม่ว่าหนานกงเช่อจะถามอะไรเจ้า เจ้าห้ามบอกเขาเป็นอันขาด” นางไม่อยากตกเป็นเบี้ยของใคร
คิดอยากจะใช้นางเป็นเบี้ย ก็ต้องดูด้วยว่าตนเองมีความสามารถพอหรือไม่
เฉียวเทียนช่างยิ้มแล้วผงกศีรษะ “แน่นอน ข้าเข้าใจ ไม่ต้องกังวลไป ข้ารู้ว่าต้องทำอะไร”