บทที่ 291 อิจฉาเจียนบ้า
แน่นอนว่าหลิงหลัวไม่ปล่อยให้เป็นเช่นนั้น เขาในตอนนี้กำลังนึกเสียใจที่ตอนนั้นตนเลือกเซียวจื่อเซวียน หากเขาไม่ได้เลือกนาง ในเวลานี้เขาคงเป็นคนที่ทุกคนต้องอิจฉาตาร้อนไปแล้ว และคนที่ยืนอยู่เคียงข้างหนิงเมิ่งเหยาก็คงไม่ใช่เฉียวเทียนช่าง
หลิงหลัวมองหนิงเมิ่งเหยาด้วยสีหน้าเจ็บปวด เขากัดฟันและเอ่ยว่า “ข้าจะไม่ยอมแพ้เช่นนี้แน่” เขาจะคว้าหนิงเมิ่งเหยาให้กลับมาอยู่ในมือคู่นี้ของตนให้ได้
ในยุคที่พวกเขาจากมา เขาและหนิงเมิ่งเหยาถูกลิขิตให้ครองคู่กัน และโชคชะตาเช่นนั้นคือสิ่งที่เฉียวเทียนช่างไม่มี เขาไม่เชื่อว่าหนิงเมิ่งเหยาจะลืมเรื่องนั้นไปได้
ภายในหัวใจของนาง นางต้องโกรธในสิ่งที่เขาเลือกอย่างแน่นอน นั่นจึงเป็นสาเหตุให้นางปฏิบัติกับเขาเช่นนี้
ยิ่งขบคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้มากเท่าใด หลิงหลัวก็ยิ่งคิดว่ามันมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นเช่นนั้น เขาจ้องหนิงเมิ่งเหยา ความบ้าคลั่งที่พร้อมจะฉกชิงบางสิ่งปรากฏอยู่ภายในดวงตาของเขา
หนิงเมิ่งเหยาขมวดคิ้วให้กับสายตานั้น นางไม่ชอบให้ใครใช้สายตาเช่นนั้นมามองตน และนางรู้สึกขยะแขยงยิ่งนัก
“เทียนช่าง ข้าไม่ชอบสายตาของเขา” หนิงเมิ่งเหยานิ่วหน้า
ร่างของเฉียวเทียนช่างไม่ขยับ แต่หลิงหลัวกลับกระเด็นออกไป ความเร็วนั้นทำให้ผู้คนโดยรอบถึงกับตกตะลึง ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้าง เฉียวเทียนช่างเก่งขนาดนี้เชียวหรือ
หลิงหลัวร่วงลงบนพื้นและกระอักเลือดออกจากปาก เขาลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบากและเช็ดหยดเลือดที่อยู่ตรงมุมปากของตน “เหยาเอ๋อร์ กลับมาอยู่ข้างข้า แล้วข้าจะลืมเรื่องทั้งหมดระหว่างเจ้ากับเฉียวเทียนช่าง”
เซียวฉีเทียนกลั้นหัวเราะไม่อยู่ เขาหัวเราะเสียงดังหลังจากได้ยินคำพูดของหลิงหลัว แม้แต่ภูติผีก็คงนึกหวาดหวั่นหากพบเข้ากับคนไร้ยางอายเช่นนี้ คงมีแต่หลิงหลัวเท่านั้นที่กล้าพูดคำพูดเช่นนี้ออกมา
ท่านอ๋องและฮูหยินเห็นตรงกันกับหลิงหลัว บัดนี้พวกเขาต่างก็นึกเสียใจยิ่งนัก เหตุใดในตอนนั้นพวกเขาจึงคัดค้านไม่ให้หลิงหลัวอยู่กับหนิงเมิ่งเหยากัน
ฮูหยินขมวดคิ้วแน่น นางรู้สึกว่าทั้งหมดนั้นเป็นความผิดของหนิงเมิ่งเหยา หากนางแอบทิ้งคำใบ้เรื่องฐานะของตนไว้ให้พวกเขา เช่นนั้นแล้วเรื่องมันก็คงไม่ลงกลายเป็นเช่นนี้
แค่นึกถึงความยิ่งใหญ่ทั้งหมดที่นางต้องสูญเสียไป จิตใจนางก็เต็มไปด้วยความเกลียดชัง
ท่ามกลางผู้คนที่มาจากจวนตระกูลหลิง เซียวจื่อเซวียนนับว่าเป็นผู้ที่รู้สึกโกรธแค้นนางมากที่สุด ในตอนที่นางจวนจะเสียทุกอย่างไปนั้น นางก็ยังเจ็บตัวอย่างแสนสาหัสไปด้วย
“เมิ่งเหยา ใครๆ ต่างก็มีเวลาที่ทำตัวเหลวไหลกันทั้งนั้น และก็เป็นดังเช่นที่หลิงหลัวว่า พวกเราไม่ถือสาในสิ่งที่เจ้าทำหรอก”
หนิงเมิ่งเหยารู้สึกขยะแขยงคำพูดของฮูหยินหลิง เซียวชวี่เฟิงและเซียวฉีเทียนมองเฉียวเทียนช่างอย่างนึกสนใจว่าเขาจะทำอย่างไรต่อ พลันร่างของทั้งสองก็ต้องสั่นสะท้านเมื่อเห็นใบหน้าอันดำทะมึนของเฉียวเทียนช่างซึ่งมีรอยยิ้มระรื่นปรากฏอยู่
“ดีจริงที่ข้ายังไม่ทันได้ทานอาหารเที่ยง มิฉะนั้นเห็นทีคงอาเจียนออกมาแล้ว ยังมีคนหน้าไม่อายเช่นนี้อยู่บนโลกอีกหรือ แล้วคนผู้นั้นเป็นถึงท่านอ๋องเชียว” เหมยรั่วหลินมองหลิงอ๋องด้วยความรังเกียจ
ใบหน้าของหลิงอ๋องเย็นชา เขาข่มความไม่พอใจของตนลงเมื่อนึกถึงฐานะของเหมยรั่วหลิน
เหมยรั่วหลินมองหลิงอ๋องด้วยรอยยิ้มจางๆ แล้วนางก็หันไปหาหนิงเมิ่งเหยา “เหยาเอ๋อร์ พวกข้าพอใจในตัวน้องเขยผู้นี้มาก อย่าเอาเจ้าคนอัปลักษณ์นี้กลับมาเชียว”
“พี่เหมย สมองข้าปกติดี” หนิงเมิ่งเหยาลดสายตาลงและกล่าวอย่างใจเย็น
เหมยรั่วหลินสบายใจยิ่งนักเมื่อได้ยินเช่นนั้น
หนานกงเช่อมองหนิงเมิ่งเหยา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง “ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็จะต้องได้ตัวหนิงเมิ่งเหยา” ตราบใดที่เขาได้ตัวหนิงเมิ่งเหยามา เขาก็ไม่ต้องกังวลเรื่องราชบัลลังก์อีกต่อไป
หนานกงเยว่ส่งสายตาหาหนานกงเช่อ “ถ้าเจ้าอยากตาย ก็ลองดูสิ” หนานกงเยว่เยาะ
สีหน้าของหนานกงเช่อเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ “หนานกงเยว่ อย่าคิดว่าเพียงเพราะเจ้าช่วยข้ามาหลายครั้ง แล้วเจ้าจะเข้ามายุ่มย่ามเรื่องของข้าได้”
หนานกงเยว่ยิ้มหยันเมื่อเห็นหนานกงเช่อไม่สนใจอะไรเช่นนี้
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ก็แล้วแต่เจ้า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับข้า”
เจ้าหมอนี่คิดว่าตนจะสามารถต่อกรกับหนิงเมิ่งเหยาได้ง่ายๆ หรือ ผู้หญิงที่ทำให้ทงเป่าไจลงมือได้ถึงขั้นนี้จะเป็นคนที่ไปหาเรื่องได้ง่ายๆ เช่นนั้นหรือ
สีหน้าของหนานกงเช่อเริ่มแข็งกระด้าง เขาพ่นลมฮึดฮัดและไม่พูดอะไรออกมาอีก แม้จะไม่มีความช่วยเหลือจากนาง เขาก็ยังสามารถเอาบัลลังก์มาไว้ในมือได้ และเมื่อเวลานั้นมาถึง…. สีหน้าร้ายกาจฉายวาบขึ้นมาบนใบหน้าของหนานกงเช่อ ใครหน้าไหนที่ขัดขวางเขา มันผู้นั้นจะต้องพบกับความตาย
“ฝ่าบาท หากไม่มีเรื่องอันใดแล้ว พวกหม่อมฉันขอตัวกลับก่อนเพคะ” นางอยากรู้ว่าเหตุใดจู่ๆ เหมยรั่วหลินจึงมาปรากฏตัวที่นี่และเปิดเผยฐานะของนางเช่นนี้
บทที่ 292 บุคคลลึกลับ
เซียวชวี่เฟิงมองไปที่หนิงเมิ่งเหยาและคนอื่นๆ แล้วพยักหน้า
“ไปเถอะ”
หนิงเมิ่งเหยาพาคนที่เหลือกลับ หลิงหลัวมองร่างหนิงเมิ่งเหยาที่กำลังเดินลับสายตาไปด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง
เสนาบดีเว่ยซึ่งจับตาดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดอยู่นั้นสังเกตเห็นว่าองค์ฮ่องเต้ดูไม่แปลกใจเท่าใดนักหลังจากทรงทราบว่าหนิงเมิ่งเหยาเป็นหัวหน้าของทงเป่าไจ
นั่นหมายความว่าพระองค์ทรงทราบเรื่องนี้มานานแล้ว ความคิดนั้นทำให้เสนาบดีเว่ยขนลุกซู่ หากเป็นเช่นนั้น เขาคงต้องระวังตัวเอาไว้เสียแล้ว
เขาหันไปหาเว่ยจื่อซินก่อนเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดว่า “ข้าไม่สนใจว่าเจ้ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่เจ้าควรพักสิ่งที่คิดเอาไว้เสีย อย่าสร้างปัญหาให้ข้า มิฉะนั้นอย่าหาว่าข้าทำตัวหยาบคาย”
ขณะนี้ไม่ใช่เวลาที่นางจะสามารถทำอะไรตามใจตัวเองได้ หากศักดิ์ของหนานกงเยว่ยังเทียบกับหนิงเมิ่งเหยาไม่ได้ ฉะนั้นแล้วบุตรสาวของขุนนางผู้หนึ่งจะสู้ได้อย่างไร
เว่ยจื่อซินมองเสนาบดีเว่ยด้วยความไม่พอใจ นางอยากจะโต้กลับ ทว่าเว่ยเค่อซินที่อยู่ข้างๆ กลับเอ่ยขึ้นมาก่อน “หากเจ้าคิดจะลากคนทั้งตระกูลจมลงสู่โคลนตม เจ้าจะลองดูก็ได้”
ชื่อเสียงของทงเป่าไจนั้นไม่ใช่ใครก็ตามจะไปหาเรื่องได้ง่ายๆ
บนใบหน้าของเว่ยจื่อซินปรากฏสีหน้าบิดเบี้ยวขึ้นยามเมื่อนางมองเว่ยเค่อซิน “เจ้าไม่จำเป็นต้องแส่มายุ่งเรื่องของข้า ข้าว่าเจ้าคงจะอิจฉาสินะ”
เว่ยเค่อซินมองเว่ยจื่อซินอย่างล้อเลียน มุมปากของนางมีรอยยิ้มเหยียดหยันปรากฏอยู่ “อิจฉาหรือ เจ้ามีอะไรให้ข้าต้องอิจฉาด้วยหรือ”
ทั้งรูปกายภายนอกและความสามารถ นางมีดีกว่าเว่ยจื่อซินมากนัก จะมีอะไรให้นางต้องอิจฉาอีกหรือ
ครั้งนี้เสนาบดีเว่ยไม่ได้ตำหนิเว่ยเค่อซิน เขามองเว่ยจื่อซินแล้วขึ้นเสียงว่า “พี่สาวของเจ้าพูดถูกแล้ว เจ้าควรจะรู้สถานะของตนเสียบ้าง” แล้วเขาก็หันหน้าไปหาฮูหยินเว่ย “จับตาดูนางไว้ หากเกิดอะไรขึ้นข้าจะถือว่าเป็นความรับผิดชอบของเจ้า”
เดิมทีฮูหยินเว่ยเห็นด้วยกับการให้บุตรสาวของตนขึ้นเป็นภรรยาของท่านแม่ทัพแทนที่หนิงเมิ่งเหยา ทว่าบัดนี้ตัวตนของหนิงเมิ่งเหยากลับเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือ ชนิดที่บุตรสาวทั้งสองของนางไม่สามารถเทียบได้
หลังจากถอนหายใจออกมา ฮูหยินเว่ยก็มองบุตรสาวของตนและกล่าวขึ้นอย่างสิ้นหวัง
“จื่อซิน ยอมแพ้เสียเถิด”
“ไม่ ข้าอยากแต่งงานกับเขา ไม่ว่าต้องแลกด้วยอะไร ข้าก็จะแต่ง” เว่ยจื่อซินยังไม่คิดที่จะยอมแพ้ มิหนำซ้ำยังพูดเช่นนั้นออกมา
สีหน้าของเสนาบดีเว่ยแปรเปลี่ยนเป็นไม่น่ามองภายในพริบตา ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรเช่นนั้นหรือ จะบอกว่าแม้จะเป็นต้นเหตุให้ทั้งตระกูลต้องพินาศสิ้น นางก็ไม่สนใจเลยสักนิดเดียวหรือ
ทุกการกระทำตกอยู่ในสายตาของเซียวชวี่เฟิง เมื่อเขาได้ยินคำพูดของตระกูลเว่ยมุมปากของเขาก็กระตุก หญิงผู้นี้ถึงตายก็คงไม่ยอมแพ้แน่ นางหาเรื่องถูกโบยโดยแท้
เพราะการแสดงคั่นรายการที่เกิดขึ้น งานเลี้ยงจึงไม่ได้สิ้นสุดลงตามกำหนดการที่วางเอาไว้ แต่เซียวชวี่เฟิงไม่ใส่ใจ เขากลับยิ้มออกมาเสียด้วยซ้ำ เขาเบนสายตาไปยังหลิงอ๋องและตระกูล แล้วบนใบหน้าก็ปรากฏรอยยิ้มหยันขึ้นมา
หลังจากหนิงเมิ่งเหยาพาเหมยรั่วหลินและคนอื่นๆ กลับมาถึงจวนแม่ทัพ นางโบกมือให้ข้ารับใช้กลับออกไปก่อนหันไปมองเหมยรั่วหลินและอวี้เฟิง “พี่เหมย พี่เขย วันนี้พวกท่านมาปรากฏตัวที่นี่ด้วยเหตุใดกัน มิหนำซ้ำพวกท่านยัง…”
สีหน้าของเหมยรั่วหลินเคร่งเครียดต่างจากปกติ นางมองหนิงเมิ่งเหยา “เหยาเหยา เตรียมตัวไว้ มีคนกำลังสืบเรื่องของเจ้าอยู่ พวกเราทำเช่นนั้นลงไปเพื่อปกป้องเจ้า”
“มีคนกำลังสืบเรื่องของข้าหรือ ใครกัน” หนิงเมิ่งเหยาขมวดคิ้ว นางคอยจัดการเรื่องต่างๆ อยู่เบื้องหลังและยังไม่ได้ทำอะไรเป็นที่สะดุดตานัก ทว่าในตอนนี้กลับมีคนพยายามสืบเรื่องนางอยู่เช่นนั้นหรือ
เหมยรั่วหลินส่ายหน้า “พวกข้าเองก็ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร รู้เพียงแค่คนผู้นั้นเป็นคนจากเมืองหลิง” หากไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ พวกเขาก็คงจะไม่เปิดเผยฐานะของหนิงเมิ่งเหยาออกมา
แม้ตอนนี้เฉียวเทียนช่างจะคอยปกป้องหนิงเมิ่งเหยาอยู่ แต่พวกเขาก็ยังนิ่งนอนใจไม่ได้ มีเพียงแค่การเปิดเผยฐานะของนางเท่านั้นที่จะสามารถทำให้พวกเขาสบายใจขึ้นมา
ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นใคร หลังจากรู้ฐานะของหนิงเมิ่งเหยาแล้วพวกมันคงไม่กล้าลงมือทำอะไรแน่ อย่างไรเสีย ทงเป่าไจก็ไม่ใช่กลุ่มคนที่จะมาหาเรื่องกันได้ง่ายๆ
หนิงเมิ่งเหยาพยักหน้า “เมืองหลิง… หรือจะเกี่ยวข้องกับหนานกงเช่อ” นางคิดถึงการมาเยี่ยมเยือนของหนานกงเช่อ
เหมยรั่วหลินพูดด้วยความดูถูก “ไม่เกี่ยวหรอก หนานกงเช่อไม่มีอำนาจเช่นนั้น แต่เจ้าไม่ต้องเป็นกังวล เราสังเกตเห็นว่าคนผู้นั้นดูเหมือนจะไม่ได้มีเจตนาร้าย แต่ตอนนี้เราก็ยังไม่แน่ใจว่าจุดประสงค์ของเขาคืออะไรกันแน่”
เพราะเหตุนี้เองพวกเขาจึงเร่งลงมือก่อน