บทที่ 297 ปรารถนาจะลบทุกสิ่งออกไป
หนานกงเช่อมองหนานกงเยว่แล้วทำท่าเหมือนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ก็โดนคนที่อยู่ข้างกายปรามเอาไว้ก่อน “องค์รัชทายาท องค์หญิงไม่เหมาะที่จะจัดการเรื่องนี้จริงๆ พ่ะย่ะค่ะ พวกเราจำเป็นต้องเตรียมการด้วยวิธีอื่น” คนผู้นั้นมองหนานกงเช่อพลางกล่าว
ทว่าเขากลับรู้สึกเหยียดหยามหนานกงเช่ออยู่ภายในใจ เขาไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าเหตุใดคนไร้สมองเช่นนี้จึงได้เป็นองค์รัชทายาท
แม้หนานกงเช่อจะรู้สึกไม่พอใจ แต่เขาก็พยักหน้า “เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
“ข้าจะจัดการให้พ่ะย่ะค่ะ”
“เช่นนั้นคงต้องรบกวนเจ้าแล้ว” หนานกงเช่อพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ
เขาจะได้ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป
หนานกงเช่อทำเช่นนี้ เขายิ่งรู้สึกดูหมิ่นมากขึ้นแต่กลับรู้สึกเคารพนับถือหนานกงเยว่เป็นอย่างมาก น่าเสียดายที่นางเป็นองค์หญิงมิใช่องค์ชาย
ในขณะเดียวกัน ณ จวนตระกูลหลิง เซียวจื่อเซวียนยืนประจันหน้ากับหลิงหลัว ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยแววเย้ยหยัน “ทำไมหรือ ท่านกำลังรู้สึกเสียดายอย่างสุดซึ้งที่ปล่อยมือจากสมบัติล้ำค่าเช่นนั้นไปอยู่ใช่หรือเปล่า”
หลิงหลัวไม่อยากจะคุยกับนางในเวลานี้ เขานิ่งเงียบและไม่แม้แต่จะชายตามองนางเลยแม้แต่น้อย
เซียวจื่อเซวียนสัมผัสได้ว่าในหัวใจนางนั้นเย็นเยียบเมื่อเห็นท่าทีของหลิงหลัว อย่างน้อยเขาและนางก็อยู่กินเป็นสามีภรรยากันมาร่วมสองถึงสามปีแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็น่าจะมีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นบ้าง ทว่าชายผู้นี้กลับยังคงไร้หัวใจไม่เปลี่ยน
ไม่ใช่ว่านางควรจะรู้เรื่องนี้มาตั้งนานแล้วหรือ อาจกล่าวได้ว่าแม้หนิงเมิ่งเหยานั้นเป็นยอดดวงใจของเขาในวัยเด็ก แต่ชายผู้นี้กลับยอมแพ้เรื่องนางเพียงต้องการอำนาจมาไว้ในมือ นั่นล่ะหลิงหลัว ชายผู้เห็นแก่ตัว
“หลิงหลัว ท่านไม่พูดอะไรหน่อยหรือ ท่านยังจำถ้อยคำที่ท่านเอ่ยเมื่อตอนที่เราพบกันครั้งแรกได้หรือเปล่า ข้าเชื่อว่าท่านคงจะเอ่ยวาจาเช่นนั้นกับหนิงเมิ่งเหยาด้วยใช่ไหม น่าเสียดายนักที่นางฉลาดเป็นกรด ขณะที่ข้ากลับเป็นคนโง่เขลาที่หลงเชื่อคำพูดของท่านได้” เซียวจื่อเซวียนเยาะกับตัวเองแล้วเริ่มหัวเราะออกมา
สีหน้าของหลิงหลัวบิดเบี้ยวน่าเกลียดยิ่งกว่าเดิม เขาตวัดสายตามาจ้องเซียวจื่อเซวียน
“หุบปาก”
“ทำไมล่ะ หรือว่าข้าพูดจาจี้ใจดำจนทำให้ท่านไม่พอใจเข้า” เซียวจื่อเซวียนไม่เพียงแค่ยั่วโมโหเขาหนักขึ้น แต่นางยังมองเขาด้วยสายตาประชดประชัน
หากนางรู้ว่าวันนี้จะมาถึง แน่นอนว่าตอนนั้นนางคงจะไม่เลือกหลิงหลัว
หลิงหลัวมองเซียวจื่อเซวียนก่อนพูดขึ้นอย่างเย็นชาว่า “หากเจ้าอยากตาย ข้าสามารถเติมเต็มความปรารถนานั้นให้เจ้าได้”
“ตายหรือ ท่านคิดว่าข้ากลัวตายรึ” เซียวจื่อเซวียนหัวเราะเสียงดัง
นางสูญเสียทุกอย่างไปจนหมดสิ้น ในอดีตนั้นนางคิดว่าตนยังมีจวนตระกูลเซียวอยู่ แต่หัวใจของนางก็กลายเป็นน้ำแข็งเมื่อเห็นว่าบิดาของตนปฏิบัติกับหนิงเมิ่งเหยาเช่นไรระหว่างอยู่ในงานเลี้ยง
นางรู้ได้ว่าหนิงเมิ่งเหยานั้นคงจะเป็นคนพิเศษสำหรับเขา แล้วก็ยังมีมารดาของนางที่ทำท่าเหมือนจะรู้อะไรบางอย่างอยู่อีก
บางทีนางอาจจะกลับไปที่บ้านและถามเรื่องที่เกิดขึ้นนี้กับนางดู
หลิงหลัวมองเซียวจื่อเซวียนด้วยสายตาเย็นเฉียบอยู่ครู่ใหญ่ พลันเขาก็เอ่ยว่า “ข้าจะเตรียมเอกสารสำหรับการหย่าให้กับเจ้า แล้วปล่อยเจ้าไปเสีย”
คำพูดของเขาทำเอาเซียวจื่อเซวียนเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ นางจ้องมองหลิงหลัว “ท่านว่าอะไรนะ”
“ข้าบอกว่าข้าจะหย่ากับเจ้า ต่อแต่นี้ไป เจ้ากับข้าจะไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กันอีก” หลิงหลัวกล่าวอย่างเย็นชา
เซียวจื่อเซวียนรู้ว่าเขาเป็นคนโหดเหี้ยมยิ่งนัก แต่นางก็ไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะเป็นคนไร้ความเมตตาเช่นนี้
นางชี้นิ้วอันสั่นเทาใส่หลิงหลัว สีหน้าของนางซีดขาวจนผิดปกติ “หลิงหลัว ข้ามองท่านผิดไปจริงๆ ท่านคิดหรือว่าหลังจากหย่ากับข้าแล้วหนิงเมิ่งเหยาจะเปลี่ยนใจ ข้าบอกไว้ก่อนว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้แน่”
การทรยศก็คือการทรยศอยู่วันยังค่ำ แต่เขากลับตั้งใจจะใช้วิธีนี้เพื่อให้หนิงเมิ่งเหยากลับมาอยู่ข้างตน ช่างเป็นความคิดอันเพ้อฝันยิ่งนัก
“เจ้าไม่ต้องมาห่วงเรื่องของข้า”
เซียวจื่อเซวียนหัวเราะออกมาในทันที ไม่ว่าใครมาเห็นรอยยิ้มนั้นต่างก็ต้องขนลุกซู่ไปตามๆ กัน ”หลิงหลัว ท่านน่าจะมีข้อตกลงร่วมกับหนานกงเช่ออยู่มิใช่หรือ”
สีหน้าของหลิงหลัวพลันเปลี่ยนไป “เจ้าพูดจาไร้สาระอะไรอีก”
“ข้าพูดจาไร้สาระหรือ หลิงหลัว ท่านคิดจริงๆ หรือว่าข้าเป็นหญิงโง่เขลาเบาปัญญา ข้ารู้ทุกเรื่องที่ท่านทำดีเชียวล่ะ” นางรู้เรื่องนี้เข้าโดยบังเอิญ ตอนนั้นนางออกไปข้างนอกเป็นการส่วนตัวเพื่อไปซื้อของให้กับบุตรชาย แต่นางกลับเห็นหลิงหลัว พ่อของเขา รวมถึงหนานกงเช่อกำลังเดินเข้าไปในร้านอาหาร และสิ่งที่เห็นทำให้นางรู้สึกสงสัยขึ้นมา
นางจึงส่งคนเข้าไปสืบ และเรื่องเหนือความคาดหมายที่นางไม่คิดว่าจะได้รับรู้ก็ทำให้นางรู้สึกพอใจยิ่งนัก
หลิงหลัวมองเซียวจื่อเซวียน เมื่อผ่านไปครู่หนึ่งเขาจึงเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าต้องการอะไร”
“ข้าไม่ได้ต้องการอะไร เพียงอยากอยู่ที่จวนตระกูลหลิงต่อก็เท่านั้น”
บทที่ 298 ขวางหน้าประตู
หลิงหลัวมองเซียวจื่อเซวียนอย่างเงียบๆ “ข้าไม่ได้มีใจให้เจ้า”
เซียวจื่อเซวียนพยักหน้าและไม่รู้สึกแปลกใจเท่าใดนัก นางมองหลิงหลัว
“ท่านมีใจให้ผู้ใดกัน หนิงเมิ่งเหยาหรือ อย่าล้อข้าเล่นดีกว่า”
หากเขามีใจให้กับนางจริง หนิงเมิ่งเหยาก็คงไม่ได้เป็นภรรยาของท่านแม่ทัพ ป่านนี้นางคงได้เป็นชายาแห่งจวนหลิงอ๋องไปแล้ว
หลิงหลัวตวัดสายตามองเซียวจื่อเซวียน “เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับเจ้า”
“ก็ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าจริงๆ” เซียวจื่อเซวียนหัวเราะ นางอยากเห็นนักว่าหลิงหลัวจะทำให้หนิงเมิ่งเหยาเปลี่ยนใจได้อย่างไร
เมื่อมีชายที่ดีและมากความสามารถอย่างเฉียวเทียนช่างอยู่ข้างกาย นางจะยังชอบคนอย่างหลิงหลัวอยู่อีกหรือ เซียวจื่อเซวียนรู้สึกว่านี่เป็นไปไม่ได้เลย
หลังจากได้คำตอบที่ตนต้องการ เซียวจื่อเซวียนก็ไม่อยากมองหน้าหลิงหลัวอีก นางหันหลังเดินออกไป เมื่อกลับมาถึงห้องของตน นางก้มลงมองบุตรชายของตนที่อยู่ในเปล บนใบหน้าของนางมีสีหน้าอันเปี่ยมสุขของผู้เป็นแม่ปรากฏอยู่บนนั้น “ลูกแม่ แม่เหลือเจ้าเพียงผู้เดียวแล้ว ไม่ว่าอย่างไรแม่ก็จะเลี้ยงเจ้าให้ได้กินอิ่มท้องจนเติบใหญ่ อย่ากลัวไปเลย”
เมื่อมองร่างที่กำลังเดินจากไปของเซียวจื่อเซวียน ภายในใจของหลิงหลัวนั้นอัดแน่นไปด้วยคำพูดของนาง สีหน้าของเขาดูอับอาย เขาจะไม่เข้าใจความหมายที่เซียวจื่อเซวียนต้องการสื่อได้อย่างไร
แล้วมันยังไงหรือ เขามั่นใจว่าหนิงเมิ่งเหยาจะต้องกลับมาอยู่ข้างเขาแน่
เมื่อมีความคิดเช่นนั้นอยู่ในใจ หลิงหลัวจึงเข้าพบหลิงอ๋องและเล่าสิ่งที่ตนคิดไว้ให้เขาฟัง หลิงอ๋องเองก็เห็นด้วยกับการตัดสินใจของหลิงหลัว ตราบใดที่หลิงหลัวมีหนิงเมิ่งเหยาเป็นภรรยา จวนตระกูลเซียวจักต้องผงาดขึ้นอีกครั้งเป็นแน่ เมื่อถึงเวลานั้น แม้แต่เซียวชวี่เฟิงก็ยังต้องนอบน้อมต่อพวกเขา
เมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ เขามีหลายหนทางนักที่จะทำให้เซียวชวี่เฟิงต้องเสียใจที่เขาปฏิบัติกับจวนตระกูลหลิงเช่นนี้
“ข้ายกให้เจ้าจัดการเรื่องนี้ แต่เจ้าต้องจัดการให้รอบคอบล่ะ” หลิงอ๋องบอกกับหลิงหลัวด้วยท่าทางเคร่งเครียด
หลิงหลัวพยักหน้า “ข้าทราบขอรับ”
เขาต้องการประสบความสำเร็จยิ่งกว่าหลิงอ๋อง และเขาก็ยังคงมีใจให้หนิงเมิ่งเหยา ในเมื่อตอนนี้ยังพอมีโอกาสที่จะทำสองสิ่งนั้นให้สำเร็จได้ เขาจึงตอบตกลง
หลังจากได้รับการสนับสนุนจากหลิงอ๋อง หลิงหลัวจึงมุ่งหน้าไปยังจวนแม่ทัพ
เขาถูกขวางเอาไว้เมื่อมาถึงประตูทางเข้าจวน หลิงหลัวมองคนเหล่านั้น “ข้าต้องการพบแม่ทัพเฉียว”
“ท่านแม่ทัพไม่ว่างขอรับ” คนที่ยืนอยู่หน้าประตูบอกเขาโดยไม่แม้แต่จะกะพริบตา
“เขายุ่งเรื่องอันใดอยู่หรือ”
“พวกเราไม่ทราบขอรับ” คนพวกนี้ล้วนแต่กำลังโกหกหน้าตาย พวกเขาเพิ่งเห็นท่านแม่ทัพออกไปกับภรรยาของตน รวมถึงพี่สาวของนางและพี่เขยของนางด้วย ทั้งสี่ออกไปเดินเล่นกันข้างนอก แต่ท่านแม่ทัพสั่งเอาไว้ว่าเขาจะไม่พบใครทั้งนั้น ไม่ว่าคนผู้นั้นจะเป็นใครก็ตาม และแน่นอนว่าแม้แต่องค์ชายฉีและองค์ฮ่องเต้ก็ไม่มีข้อยกเว้น
หลิงหลัวตวัดสายตามองพวกเขา สีหน้าของคนเหล่านั้นไม่เหมือนคนที่กำลังโกหก เขาจึงทำได้เพียงแค่หันหลังกลับไปด้วยความเคลือบแคลงใจ
แต่ระหว่างทางเขาเห็นเฉียวเทียนช่างกำลังเลือกซื้อของอยู่กับหนิงเมิ่งเหยา ทั้งสองต่างมีท่าทางสบายๆ ไม่ได้ดูเหมือนว่ากำลังยุ่งวุ่นวายอะไรอยู่เลย
สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดน่ากลัวขึ้นในทันที เขาถูกตบตาเข้าให้แล้ว
หลิงหลัวเดินตรงเข้าไปหาพวกเขา “เหยาเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าจึงอยู่ที่นี่ได้เล่า”
หนิงเมิ่งเหยาเลิกคิ้วขึ้นแล้วมองเขา “เหตุใดข้าจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ ที่นี่ห้ามข้าเข้าเช่นนั้นหรือ”
“ข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น”
“แล้วเจ้าหมายความว่าอย่างไร” หนิงเมิ่งเหยากล่าวราวกับเสียดสีเขา การใช้ข้ออ้างเช่นนั้นในการเข้ามาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบของนาง ดูออกง่ายนักว่าสิ่งที่เขาต้องการคืออะไร
สีหน้าของหลิงหลัวแข็งกระด้าง เขามองสีหน้าอันบ่งบอกถึงความไม่พอใจของหนิงเมิ่งเหยา “เหยาเอ๋อร์ เจ้าจำเป็นต้องปฏิบัติต่อข้าเช่นนี้ด้วยหรือ”
หนิงเมิ่งเหยารู้สึกเหมือนโดนยั่วโมโหซึ่งๆ หน้า นางทำอะไรลงไปหรือจึงต้องถูกเขาติเตียนเช่นนั้น
“เทียนช่าง ข้าทำอะไรไปหรือ”
“ไม่นี่ กลับกันเถอะ พี่เขยกับคนอื่นๆ เองก็น่าจะกลับกันแล้ว” พวกเขาจองมื้ออาหารไว้ที่ร้านของเซียวฉีเทียน เขากับหนิงเมิ่งเหยาเพียงออกมาเดินเล่นกันได้ไม่นาน แต่ไม่คาดคิดเลยว่าจะต้องมาเจอคนที่ทำให้พวกตนรู้สึกสะอิดสะเอียนผู้นี้เข้า
หลิงหลัวมองเฉียวเทียนช่าง “เรื่องนี้เป็นเรื่องระหว่างข้ากับเหยาเอ๋อร์ ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า”
เฉียวเทียนช่างมองหลิงหลัวพร้อมรอยยิ้มจางๆ เขาเอ่ยขึ้นอย่างใจเย็นว่า
“นางเป็นภรรยาข้า เรื่องของนางก็คือเรื่องของข้า”
“เหยาเอ๋อร์เกลียดคนประเภทนั้นที่สุด”
“เหยาเหยา เจ้าเกลียดข้าหรือ”
“ทำไมข้าต้องเกลียดเจ้าล่ะ” ไม่ว่าเฉียวเทียนช่างจะแกล้งแสดงละครตบตาต่อหน้าหลิงหลัวหรือไม่ นางก็ไม่เคยเกลียดเขา
”หลิงหลัว เลิกยุ่งกับชีวิตของข้า ข้ามีชีวิตที่ดีอยู่แล้ว”