บทที่ 31 ส่งให้เจ้าแล้ว
เห็ดช่วงนี้ดีกว่าตอนที่หญิงสาวและหยางซิ่วเอ๋อร์มามากนัก มีเห็ดจำนวนมากงอกตามทาง และล้วนเป็นชนิดที่กินได้ หนิงเมิ่งเหยาเก็บทีละดอกใส่ตะกร้าบนหลัง
หนิงเมิ่งเหยาเตรียมตัวกลับตอนตะกร้าเต็ม ไม่อาจใส่เพิ่มได้อีกแล้ว บนทางเดินลงจากเขา หญิงสาวเจอเข้ากับเฉียวเทียนช่าง ในมือเขามีเหยื่อที่ล่ามาได้เหมือนครั้งก่อน
เฉียวเทียนช่างเห็นหนิงเมิ่งเหยามาก่อนหน้านี้แต่ไม่ได้เดินไปหา บัดนี้เห็นนางเดินมาหา เขาก็ผงกศีรษะไปทางนางแล้วเดินตามลงเขาอย่างเงียบงัน
หนิงเมิ่งเหยารู้สึกแปลกที่คนข้างหลังตามมาโดยไม่มีเสียงอะไรเลย นางผินหน้าไปดูชายข้างหลังตน “เมื่อกลับไปแล้ว ท่านขายสัตว์ที่ท่านล่าให้ข้าบ้างได้หรือไม่” นางเกิดนึกถึงน้ำปรุงรสเนื้อที่ตนเคยทำขึ้นมา แล้วสงสัยว่าตนจะใช้เนื้อกระต่ายหรือไก่ฟ้าแทนได้ไหม พวกมันจะรสชาติดีกว่าหรือไม่
“ตกลง”
หลังจากพูดคุยแลกเปลี่ยนด้วยประโยคทั่วไป ทั้งสองก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีก เฉียวเทียนช่างลอบสังเกตหนิงเมิ่งเหยา
นางน่าจะเป็นหญิงผู้งดงามที่สุดเท่าที่เขาเคยเจอ ไม่ใช่เพราะรูปร่างหน้าตานางสวยงาม แต่เพราะบรรยากาศรอบตัว นับว่าให้ความรู้สึกโดดเด่นที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา
ทั้งสองเดินลงเขาอย่างสงบเงียบ และไปที่สวนแสนงามของหนิงเมิ่งเหยา
“ข้าอยากได้กระต่ายป่า ไก่ฟ้าสองตัว ทั้งหมดเท่าไร” หนิงเมิ่งเหยาวางตะกร้าลงข้างตัวแล้วเงยหน้าขึ้นมองเฉียวเทียนช่าง ท่าทางตอนนางเอียงศีรษะเล็กน้อย ทำให้เฉียวเทียนช่างรู้สึกตาพร่า
ดวงตาของเขาส่องประกายเล็กน้อย ลดระดับศีรษะลงก่อนตอบ“สองร้อยอีแปะ”
“รอข้าสักครู่” นางเข้าไปในห้อง เมื่อกลับออกมา ก็ถือเหรียญจำนวนไม่น้อยมาส่งให้เฉียวเทียนช่าง
เฉียวเทียนช่างรับเหรียญแล้วเอาเหยื่อตัวใหญ่และอ้วนสุดให้หนิงเมิ่งเหยา
พอเห็นเหยื่อตัวอ้วนใหญ่สี่ตัวบนพื้น หนิงเมิ่งเหยารู้สึกทำอะไรไม่ถูกทั้งหมดนี้ดูอย่างไรก็เกินสองร้อยอีแปะ นางได้ของดีเหลือเกิน
นางหันไปมองเฉียวเทียนช่างที่กำลังจะไป ใจหนิงเมิ่งเหยารู้สึกไม่สงบ นางน่าจะให้น้ำปรุงรสที่จะทำแก่เขาสักหน่อย
เมื่อคิดดังนั้น หนิงเมิ่งเหยาก็เลิกคิดมากเรื่องนี้แล้วเริ่มตั้งใจทำความสะอาดเหยื่อ นางเหลือไก่ฟ้าเอาไว้ตัวหนึ่ง
หลังจากทำความสะอาดเหยื่อที่เหลือเสร็จ หนิงเมิ่งเหยานำโหลที่เพิ่งซื้อมาทำความสะอาดอย่างดี แล้วเริ่มทำน้ำปรุงรสเนื้อกระต่าย
นางยุ่งทั้งวัน จนสุดท้ายก็ทำน้ำปรุงรสจากกระต่ายสองตัวและไก่ฟ้าหนึ่งตัวเสร็จ
เมื่อทำน้ำปรุงรสเสร็จ หนิงเมิ่งเหยาชิมรสแล้วคิดว่าออกมาไม่เลวเลย แม้จะเทียบกับน้ำปรุงรสเนื้อวัวไม่ได้ แต่นับว่าค่อนข้างมีรสชาติ
นางเก็บน้ำปรุงรสอย่างระมัดระวัง หนิงเมิ่งเหยานำขวดขนาดเล็กออกมาสองใบแล้วแบ่งน้ำปรุงรสลงไปในนั้น นางตั้งใจจะแบ่งบางส่วนไปให้บ้านของหยางเล่อเล่อและเฉียวเทียนช่าง
หยางเล่อเล่อมองน้ำปรุงรสที่หนิงเมิ่งเหยาให้อย่างเอียงอาย “เหยาเหยา นี่คือ…”
“ข้าทำให้เจ้า” หนิงเมิ่งเหยาเก็บขวดไปแล้วมองหยางเล่อเล่ออย่างหงุดหงิด ท่าทางของนางทำให้หยางเล่อเล่ออดหัวเราะมิได้
“ตกลง เหยาเหยา เจ้าอยากเข้าไปในเมืองหรือเปล่า ข้าปักผ้าเสร็จแล้ว”
“ก็ได้ ไปกันเถอะ ของข้าก็เสร็จแล้ว”
หยางเล่อเล่อรีบผงกศีรษะ นางตั้งใจจะรอจนกว่าพวกเด็กจะไปพักค่อยไปส่งผ้าปักของนางแล้วซื้อด้ายกลับบ้านสักหน่อย
หลายวันมานี้ หนิงเมิ่งเหยาไม่เห็นเฉียวเทียนช่างลงเขามาเลย และค่อยๆ ลืมเรื่องจะให้น้ำปรุงรสเขา
วันนี้ พอพวกเด็กๆ ไปพัก หนิงเมิ่งเหยาก็พาหยางเล่อเล่อไปที่หอลั่วหยุน ตอนพวกนางเข้าไปข้างใน ท่านป้าลั่วกำลังแนะนำสินค้าเช่นเคย
เมื่อนางเห็นหญิงสาวสองคนเข้ามา นางรีบมาทักทาย “พวกเจ้าทั้งสองมาจนได้นะ” ผ้าปักที่หนิงเมิ่งเหยาส่งมายังไม่ได้ขายออกไป มีคนจำนวนมากอยากได้งานชิ้นนั้น พวกเขาเสนอราคากันไม่เบา แต่นางก็ยังไม่ขายแล้วปล่อยให้มีข้อต่อรองไว้เช่นนั้น
“ท่านป้าลั่ว” หนิงเมิ่งเหยาและหยางเล่อเล่อคำนับทักทาย หนิงเมิ่งเหยานำผืนผ้าปักออกมา แล้วดวงตาของท่านป้าลั่วก็เป็นประกายหลังมองเพียงแวบแรก งานชิ้นนี้ต่างจากชิ้นก่อนแต่วิเศษพอกัน
“ราคาขั้นต่ำหนึ่งร้อยห้าสิบตำลึง” ท่านป้าลั่วเพิ่มราคาให้หนิงเมิ่งเหยาอีกห้าสิบตำลึงเพราะผลงานปักครั้งก่อน หยางเล่อเล่อตาโต ‘หนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงและยังสูงขึ้นได้อีกอย่างนั้นหรือ’
“ไม่ต้องมองแล้ว ให้ท่านป้าลั่วดูงานของเจ้าแล้วชี้ทางเสียสิ” เมื่อเห็นหยางเล่อเล่อทำตาโตจ้องมาทางนางกับท่านป้าลั่ว หนิงเมิ่งเหยาจึงหยอกเอิน
หยางเล่อเล่อเขินอายเล็กน้อย นางถูจมูกแล้วหัวเราะ จากนั้นก็เอาปลอกหมอนออกมา
ท่านป้าลั่วตรวจดูชิ้นงานทีละชิ้น นางรู้สึกว่าเป็นงานที่ดีพอกัน แล้วให้ผลประเมินกับหยางเล่อเล่อ “ดีมาก”
ในตอนท้าย ผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวของหยางเล่อเล่อหกชิ้นขายออกไปในราคาสามสิบตำลึง ทำให้หยางเล่อเล่อยืนตะลึงงัน ‘มากถึงขนาดนั้น’
“เล่อเล่อ เจ้าต้องขยันเรียนรู้จากหนิงเมิ่งเหยานะ เจ้าจะได้ปักผ้าขั้นสูงได้เร็วๆ” ท่านป้าลั่วมองสีหน้างวยงงของหยางเล่อเล่อแล้วหลุดหัวเราะออกมา
บทที่ 32 ยืมย่อมต้องคืน
หยางเล่อเล่อรับเงินสามสิบตำลึงจากท่านป้าลั่วแล้วรีบผงกศีรษะลง นางรู้ดีว่าที่ตนขายได้ราคาสูงขนาดนี้เพราะหนิงเมิ่งเหยา
หลายวันที่ผ่านมา นางร่ำเรียนเย็บปักจากหนิงเมิ่งเหยา ตรงที่นางทำได้ไม่ดี หนิงเมิ่งเหยาก็ชี้ให้เห็น จนออกมาได้แบบนี้
“ท่านป้าลั่ว ข้าจะตั้งใจเรียน” หยางเล่อเล่อผงกศีรษะลงอย่างจริงจัง
หยางเล่อเล่อหันไปทางอื่น ครั้นเห็นคนข้างกายกำลังตั้งอกตั้งใจเลือกด้ายเย็บปัก น้ำตาก็รื้น หญิงสาวผู้นี้นิสัยเย็นชายิ่งนัก แต่กลับปฏิบัติต่อนางเป็นอย่างดี ทำให้ใจนางรู้สึกถึงความอบอุ่น
“ท่านป้าลั่ว ข้าอยากเอาชิ้นงานกลับไปปักสักหน่อย ท่านชี้แนะได้หรือไม่ ข้าควรเอาอะไรไปบ้าง” หยางเล่อเล่อเก็บตราประทับในมือไปแล้วพูดกับท่านป้าลั่วด้วยรอยยิ้ม
ท่านป้าลั่วครุ่นคิดแล้วหยิบเอาบางอย่างลักษณะคล้ายกับผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวแต่ไม่หวือหวาเท่าผืนก่อนหน้า มองเพียงแวบเดียวก็บอกได้ว่าเป็นคำขอของตระกูลใหญ่
เมื่อหยางเล่อเล่อเห็นก็ตัดสินใจไม่ถูก “ท่านป้าลั่ว ข้าจะทำได้จริงหรือ”
“มั่นใจในตัวเองเข้าไว้ แล้วเจ้าก็มีเมิ่งเหยาอยู่ด้วย เจ้าทำได้อยู่แล้ว” ท่านป้าลั่วลูบมือหยางเล่อเล่อพร้อมยิ้มให้กำลังใจนาง
ในตอนแรก นางทำดีกับหยางเล่อเล่อเพราะหนิงเมิ่งเหยา แต่ตอนนี้นางทำดีด้วยเพราะตัวหยางเล่อเล่อเอง หญิงผู้นี้มีความสามารถยืดหยุ่นและอุปนิสัยใจคอใช้ได้ เป็นเพื่อนกับนางไม่ใช่เรื่องยากเย็นสักนิดเดียว
หยางเล่อเล่อรับผ้าคลุมหน้าเจ้าสาวมาจากท่านป้าลั่วพลางยิ้มให้แล้วไปเลือกด้ายเย็บปัก ก่อนออกไปพร้อมหนิงเมิ่งเหยา
หยางเล่อเล่อเอาเงินยี่สิบจากสามสิบตำลึงที่ได้มาให้หนิงเมิ่งเหยาขณะพวกนางเดินออกจากหอลั่วหยุน
“อย่าพูดเชียวว่าข้าไม่ต้องรีบคืนเงินเจ้า เหยาเหยา ตอนนี้ตระกูลข้ามีเงิน ถึงพี่ชายข้ายังต้องใช้เงินอีกมากเป็นค่ายา แต่ข้าหาเงินให้ตระกูลได้แล้ว ดังนั้นข้าก็จะคืนเงินให้เจ้า เจ้าอย่าคิดมากเลย” หยางเล่อเล่อกล่าวอย่างเขินอาย
นางอยากจะใช้อีกสิบตำลึงที่เหลือซื้อยาให้หยางอี้และปลากับกระดูกอีกสักหน่อยกลับบ้าน และยังต้องซื้อหมึกให้หลานชายของนางอีก
หนิงเมิ่งเหยามองสีหน้าจริงใจของหยางเล่อเล่อแล้วจำต้องยอมรับเงินยี่สิบตำลึงในมือนางมา
“ก็ได้ ถ้าเจ้าต้องการอะไร บอกข้าแล้วกัน”
“แน่นอนอยู่แล้ว ข้าไม่เกรงใจเจ้าหรอก”
สองหญิงสาวยิ้มและหัวเราะด้วยกันบนถนนช่างเป็นภาพแสนงดงามสำหรับสองอันธพาลประจำเมือง หญิงสาวสองนางที่มีเงินติดตัว ถ้าพวกเขาขโมยมาได้ คงจะทำตามใจได้ไปพักหนึ่ง
เมื่อคิดได้ดังนั้น ทั้งสองคนจึงแอบตามหนิงเมิ่งเหยาและหยางเล่อเล่อไป
ฝีเท้าหนิงเมิ่งเหยาค่อยๆ ชะลอ สายตานางชำเลืองดูยังด้านหลังจากนั้นนางดึงหยางเล่อเล่อไปซื้อของใช้จำเป็น
หลังจากใช้เวลาราวครึ่งชั่วยาม ทั้งสองก็ซื้อทุกอย่างที่ต้องการครบหมดแล้ว
“เหยาเหยา ไปกินข้าวที่บ้านข้าไหม” หยางเล่อเล่อมองหนิงเมิ่งเหยาพร้อมเอ่ยชวน
“ตกลง”
เมื่อสองหญิงสาวเดินไปถึงบริเวณที่มีคนน้อยลง ชายสองคนโผล่มาขวางทางพวกนาง พวกเขาใช้รอยยิ้มที่ใครเห็นเข้าก็รู้สึกอึดอัดใจ
หยางเล่อเล่อดึงหนิงเมิ่งเหยาไปข้างหลังตัวเองโดยไม่ทันคิดแล้วจ้องมองพวกเขาด้วยความระแวดระวัง “พวกเจ้าต้องการอะไร”
“พวกข้าต้องการอะไรน่ะรึ อันดับแรกเลย พวกข้าแค่อยากได้เงินของพวกเจ้า แต่ตอนนี้ พอเห็นว่าพวกเจ้าสวยขนาดไหน…จะไม่หาความสำราญเสียหน่อยก็ดูจะผิดไป” หนึ่งในนั้นลูบคางตัวเองพลางทำสายตากะลิ้มกะเหลี่ยมองพวกนาง
สายตาไม่ปิดบังยั่วโมโหหยางเล่อเล่อจนหน้านางขึ้นสีแดงเข้ม นางหันไปพูดกับหนิงเมิ่งเหยา “เหยาเหยา ระวังตัวนะ หาโอกาสแล้ววิ่งไปเสีย”
หนิงเมิ่งเหยาพินิจหยางเล่อเล่อ นางเข้าใจว่าอีกฝ่ายหมายถึงอะไร หยางเล่อเล่อคิดจะให้นางวิ่งไปคนเดียว
หนิงเมิ่งเหยาเอื้อมมือไปลูบมือของหยางเล่อเล่อแล้วเอ่ย “ไปกันเถอะ” นางใช้มือหนึ่งถือของและอีกมือดึงมือหยางเล่อเล่อ อยากจะไปจากคนสองคนนี้
อันธพาลทั้งสองเห็นหนิงเมิ่งเหยาไม่สนพวกตนก็เดือดดาล เตรียมปล่อยหมัดจะต่อยหญิงสาว
หยางเล่อเล่ออุทานตกใจ หนิงเมิ่งเหยารีบปล่อยมือหยางเล่อเล่อและของที่นางถืออยู่ หยางเล่อเล่อมัวคว้าจับของที่โยนมาทางตน ตัวนางเอนไปข้างหลัง แล้วหยางเล่อเล่อก็ได้ยินเสียงกรีดร้อง