บทที่ 325 เหล่าชาวบ้านผู้เรียบง่าย
เมื่อเฉียวเทียนช่างสังเกตเห็นสีหน้าของหนิงเมิ่งเหยา จึงยื่นมือออกไปบีบมือนางเอาไว้
ไม่ช้าก็เร็ว พวกเขาจะกลับมาที่นี่อีกครั้ง
“อืม เข้าใจแล้ว” หยางอี้รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่การกลับมาของทั้งคู่ ก็พิสูจน์ได้ว่าพวกเขาคิดถึงสถานที่แห่งนี้ ซึ่งมันก็ดีมากเกินพอแล้ว
เมื่อหนิงเมิ่งเหยาเห็นท่าทีของเขา จึงยิ้มให้เฉียวเทียนช่าง
“พี่ใหญ่หยาง คืนนี้เชิญท่านลุงหยางและคนอื่นๆ มาทานข้าวเย็นด้วยกันสิ” ตอนที่หญิงสาวเพิ่งมาอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ ก็ได้รับความช่วยเหลือมากมายจากตระกูลนี้
“แน่นอน ท่านพ่อพูดถึงพวกเจ้าทั้งสองคนตลอดเลย เขาต้องมีความสุขมากแน่ หากรู้ว่าพวกเจ้ากลับมาแล้ว” หยางอี้หัวเราะเบาๆ ก่อนเอ่ย
“ถ้าเช่นนั้น พี่ใหญ่หยางควรจะกลับเร็วหน่อยนะ” หนิงเมิ่งเหยาหัวเราะเช่นกัน ผู้คนในหมู่บ้านมักจะจดจำคนที่มอบสิ่งดีๆ ให้กับพวกเขาเสมอ
หยางอี้ส่ายศีรษะ “ไม่เป็นไร ข้าจะกลับไปเมื่อถึงเวลา”
“พี่ใหญ่หยางคงจะยุ่งน่าดู ถ้าอย่างนั้นข้ากับเทียนช่างจะออกไปเดินเล่นข้างนอกกัน” หลังจากไม่ได้กลับมาเป็นเวลานาน หญิงสาวจึงอยากจะเดินเล่นข้างนอกบ้าง
“ได้เลย พวกเจ้าไปกันเถอะ”
หนิงเมิ่งเหยาและเฉียวเทียนช่างออกไปพร้อมกัน และพบเจอผู้เฒ่าหลายคนในหมู่บ้าน ทุกคนต่างทักทายทั้งคู่อย่างดีอกดีใจ เว้นเพียงคนหนึ่งเท่านั้น
เมื่อนางเฉินเห็นทั้งสองคนก็แสดงสีหน้าถมึงทึง ก่อนมองพวกเขาราวกับจะกลืนกิน
“เชอะ ทำตัวราวกับเศรษฐี พวกเขากลับมาเพราะไม่อาจเอาตัวรอดจากข้างนอกได้น่ะสิ” นางเฉินถ่มน้ำลายและพูดอย่างเย็นชา
เฉียวเทียนช่างที่เดินอยู่ด้านหน้าหรี่ตาพลางคิดแผนการในใจ
หลังจากมองนางเฉิน ชายหนุ่มก็ตัดสินใจจะพัฒนาสถานที่แห่งนี้ให้เจริญตามความเหมาะสม เช่น ห้ามมิให้ชาวบ้านบางคนอยู่ที่นี่ต่อไป เพื่อช่วยลดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต
“ท่านแม่พูดเรื่องอะไร”
“เปล่าสักหน่อย” นางเฉินรีบส่ายศีรษะ นางกลัวว่าจะสร้างปัญหาให้ลูกชายคนเล็ก และไม่กล้าทำการใดให้เขาเสียชื่อเสียง
หลังจากหยางฮว๋ายมองหน้าผู้เป็นแม่ ก็หันหลังกลับเข้าบ้าน ตราบใดที่นางไม่ก่อเรื่อง เขาก็จะไม่เซ้าซี้อะไร
“อย่าใส่ใจคนเช่นนั้นเลย” หนิงเมิ่งเหยามองไปที่ใบหน้าเคร่งขรึมของสามีก่อนจะเอ่ยขึ้น
พวกเขาไม่จำเป็นต้องให้ความสนใจคนประเภทนั้น “ข้ารู้ ข้าเพียงคิดเรื่องอื่นอยู่น่ะ”
“หืม”
“ข้ายังคิดไม่ออก เมื่อถึงเวลานั้น ข้าจะบอกเจ้าเอง” ชายหนุ่มต้องการสร้างความประหลาดใจให้หญิงสาว ดังนั้นเขาจึงไม่บอกนางล่วงหน้า
เมื่อหนิงเมิ่งเหยาเห็นว่าเขาไม่อยากจะบอก นางจึงไม่ถามต่อ และหลังจากเดินรอบหมู่บ้านกันเสร็จ ทั้งคู่จึงมุ่งหน้าไปทางหลังเขา ซึ่งตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วงแล้ว จึงมีผลไม้ป่ามากมาย
เฉียวเทียนช่างพาหญิงสาวขึ้นไปบนยอดเขา เมื่อนางเห็นบรรดาผลไม้ป่ามากมายหลายชนิดมีทั้งสีแดงและสีเหลือง นางก็อารมณ์ดีขึ้นทันที
หลังจากชายหนุ่มยินยอม ทั้งสองจึงเก็บเกี่ยวผลไม้กันมาจำนวนมาก จนไม่อาจถือพวกมันได้มากกว่านี้อีกแล้ว หนิงเมิ่งเหยาจึงกลับบ้านอย่างพึงพอใจ
เมื่อทั้งคู่กลับมาถึง ก็เป็นเวลาเลิกงานของคนงานในโรงงานพอดี ทุกคนต่างตกตะลึงเมื่อเห็นทั้งสองคน ก่อนจะวิ่งไปยืนห้อมล้อมสามีภรรยาคู่นี้อย่างตื่นเต้น
ทุกคนต่างสลับกันพูดคุยและไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบว่าทั้งสองคนว่าสบายดีหรือไม่ ข้างนอกเป็นอย่างไร และบอกให้กลับมาอยู่ที่นี่ หากพวกเขาไม่สบายใจที่จะอยู่ข้างนอกนั่น
เมื่อเห็นว่าผู้คนเป็นกังวล หนิงเมิ่งเหยาจึงอึดอัดจนทนไม่ไหว “ขอบคุณสำหรับความห่วงใยของทุกคนมาก เทียนช่างและข้าสบายดี พวกข้าเพียงกลับมาเพื่อตรวจดูสิ่งต่างๆ เท่านั้น”
เมื่อได้ยินคำตอบของหญิงสาว ผู้คนจึงสบายใจขึ้น ก่อนจะพูดคุยกับทั้งคู่อีกสักพัก แล้วจากไป
หลังจากพวกเขากลับ หนิงเมิ่งเหยาก็เช็ดเหงื่อตรงหน้าผากของตน และมองชายหนุ่มข้างกายอย่างอดไม่ได้ จากนั้นจึงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงหดหู่ “พวกเขากระตือรือร้นกันเกินไป ข้ารู้สึกอึดอัดใจเล็กน้อย”
เฉียวเทียนช่างลูบศีรษะหญิงสาว “ดีแล้วที่หมู่บ้านแห่งนี้เรียบง่ายและซื่อตรงเช่นนี้”
หนิงเมิ่งเหยายิ้มและพยักหน้า มันดีมากจริงๆ
“เทียนช่าง ในอนาคตไม่ว่าพวกเราจะอยู่ที่ใด แต่ที่นี่จะยังคงเป็นบ้านของพวกเราใช่ไหม” ทันใดนั้น หญิงสาวก็เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่ม
สถานที่แห่งนี้คือที่ที่พวกเขารู้จักกัน ตกหลุมรักกัน และแต่งงานกัน มันจึงเป็นสถานที่สุดพิเศษที่เต็มไปด้วยความทรงจำมากมายของหญิงสาว
“แน่นอน”
ชายหนุ่มคิดเช่นเดียวกันกับนาง จึงเห็นด้วยอย่างยิ่ง
“ไปเตรียมตัวกันเถอะเราเชิญท่านลุงหยางและคนอื่นๆ มาร่วมทานอาหารเย็นด้วยกัน” หนิงเมิ่งเหยารู้สึกพึงพอใจ ขณะลากเฉียวเทียนช่างไปยังห้องครัว
บทที่ 326 เจ้าทำให้ข้าขวัญเสีย
แม้ว่าช่วงนี้ พวกเขาจะไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่ แต่ก็ยังมีอาหารมากมาย และเมื่อพวกเขาเห็นวัตถุดิบในครัวแล้ว ก็พบว่าไม่ต้องเตรียมการอะไรมากมายนัก
“คุณหนู ทำไมท่านจึงไม่อยู่ที่นี่กับนายน้อยตลอดไปเลยเจ้าคะ” สาวใช้เบิกตากว้างขณะมองหนิงเมิ่งเหยาและเฉียวเทียนช่าง
“ที่นั่นมีเรื่องราวเกิดขึ้นนิดหน่อย พวกเราจึงยังต้องกลับไปน่ะ” นางกลับมาที่นี่เพื่อพักผ่อน
สาวใช้ก้มหน้าลงอย่างผิดหวัง
หนิงเมิ่งเหยายิ้มโดยไม่พูดอะไร ก่อนจะยื่นผักในมือให้อีกฝ่าย “เอานี่ไปล้างเถอะ”
หลังจากสาวใช้จากไป หญิงสาวจึงเริ่มจัดเตรียมส่วนอื่นๆ โดยมีเฉียวเทียนช่างคอยช่วยเหลือใกล้ๆ
ดวงตาของชายหนุ่มเต็มไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อเห็นนางเตรียมอาหารอย่างกระฉับกระเฉง เป็นเรื่องดีจริงๆ ทำเรื่องเช่นนี้บ้างเป็นบางครั้งก็ไม่เลว
เมื่อท้องฟ้าเริ่มมืดลง ครอบครัวของหยางจู้ก็มาถึงที่บ้าน หลังจากหยางจู้รู้ว่าหนิงเมิ่งเหยาและเฉียวเทียนช่างกลับมา เขาก็อยากจะมุ่งหน้ามาที่นี่ทันที ติดตรงที่เขายังทำธุระของตนไม่เสร็จ
เมื่อหนิงเมิ่งเหยาได้ยินเสียง จึงเดินออกจากครัวไปดู แต่ก่อนที่หญิงสาวจะเห็นผู้มาเยือน คนๆ หนึ่งก็กระโจนเข้าใส่และกอดนางแน่น
“เจ้าทำให้ข้าใจไม่ดีเลย” คนผู้นั้นคือเล่อเล่อที่เพิ่งกลับบ้านมาสองสามวัน และกำลังเตรียมตัวจากไปอีกครั้ง
หยางเล่อเล่อจะออกจากหมู่บ้านอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น แต่เมื่อพี่ชายของนางมาถึงบ้าน และบอกว่าเหยาเหยากลับมาที่นี่ นางก็แทบจะมุ่งหน้ามาหาหญิงสาวทันที แต่พี่ชายรั้งตัวนางไว้ ก่อนบอกว่าทั้งสองคนไปเดินเล่นหลังเขากันอยู่
ในตอนนั้น ทั้งหนิงเมิ่งเหยาและเฉียวเทียนช่างต่างหายตัวไปโดยไม่บอกกล่าว หลังจากนั้นชิงจู๋และคนอื่นๆ ก็จากไปด้วยเช่นกัน นางเคยถามชิงจู๋ แต่ก็ไม่ได้ความอะไร นอกจากบอกว่าทั้งคู่สบายดีและจะกลับมา
ในช่วงสองสามเดือนที่หยางเล่อเล่อทำงานอยู่นั้น นางก็คิดถึงสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นกับหนิงเมิ่งเหยาและคนอื่นๆ ‘เกิดเรื่องอะไรขึ้นจนทำให้พวกเขากลับมาไม่ได้กันนะ’
“ข้าสบายดีและกลับมาแล้วนี่ไง” หนิงเมิ่งเหยารู้สึกชอบสหายที่ดีอย่างนางจริงๆ
หยางเล่อเล่อคลายกอดหญิงสาว ก่อนจะพูดขึ้นอย่างจริงจัง
“คราวหน้า เจ้าอย่าทำให้ข้าขวัญเสียเช่นนี้อีกนะ”
หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะอย่างขึงขัง “ตกลง ข้าจะไม่ทำให้เจ้าเสียขวัญอีกแล้ว”
“ดีมาก”
เฉียวเทียนช่างถือจานอาหารออกมา ก่อนจะเห็นหยางเล่อเล่อกอดภรรยาของตนพลางร่ำไห้ เขาขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจนัก ‘ผู้หญิงคนนี้พยายามจะทำอะไรกัน’
“เอาล่ะ เราค่อยคุยกันหลังทานอาหารเสร็จเถอะ”
“ตกลง”
ทั้งสองตระกูลนั่งด้วยกัน หยางจื้อรู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่งที่พบกับหนิงเมิ่งเหยา “พี่เมิ่งเหยา”
หยางเล่อเล่อเอื้อมมือไปเขกกระบาลหลานชาย “เจ้าต้องเรียกว่าอาต่างหากเล่า หากเจ้าเรียกนางว่าพี่ การนับรุ่นก็มั่วไปหมดน่ะสิ” เขาเรียกหยางเล่อเล่อว่าอา แต่กลับเรียกเมิ่งเหยาว่าพี่ นี่มันไม่สับสนไปหมดหรือ
หยางจื้อลูบศีรษะของตน “อาคิดแต่จะรังแกข้า”
“เจ้าเด็กบ้า”
“จื้อเอ๋อร์มานี่สิ การเรียนของเจ้าในสถานศึกษาเป็นเช่นไรบ้าง” หนิงเมิ่งเหยาโบกมือ ก่อนเรียกให้เขามานั่งใกล้ๆ เมื่อเห็นหยางจื้อดูสง่างามและแข็งแรง ดวงตาของนางก็เต็มไปด้วยความอ่อนโยน
หากไม่ใช่เพราะอุบัติเหตุในครั้งนั้น ตอนนี้ลูกของนางก็คงจะคลอดแล้ว
“อาจารย์ทั้งหลายดีมาก แต่ข้าก็ยังชอบการสอนของท่านอามากกว่า” แม้ว่าเหล่าอาจารย์จะสอนบทเรียนเดียวกับหญิงสาว แต่วิธีการสอนของนางนั้นเข้าใจได้ง่ายกว่านัก โชคดีที่เขามีพื้นฐานการเรียนที่หนักแน่นพอ จึงเรียนรู้ในสถานศึกษาได้อย่างง่ายดาย
“ดีแล้ว”
อาหารมื้อนี้ถือเป็นมื้อแห่งความสนุกสนานและกลมเกลียว หนิงเมิ่งเหยาดูแลหยางจื้ออย่างดี เห็นได้ชัดว่านางชื่นชอบเขาอย่างมาก
หลังจากทานอาหารเสร็จ เฉียวเทียนช่างก็พูดคุยกับหยางอี้และคนอื่นๆ ส่วนหญิงสาวพูดคุยกับหยางเล่อเล่อ นางหยางและคนอื่นๆ
นางหยิบยกเหตุการณ์บางอย่างในเมืองหลวงมาเล่าให้หยางเล่อเล่อและคนอื่นๆ ฟัง จากนั้นหยางเล่อเล่อจึงเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ “ผู้คนที่นั่นนิสัยเสียขนาดนั้นเลยหรือ ชาวบ้านที่นี่นิสัยดีกว่าเยอะเลย”
หญิงสาวรู้สึกเช่นเดียวกันว่าในหมู่บ้านแห่งนี้ช่างดีกว่าหลายเท่าตัวนัก
“ต่อไปอย่าไปที่นั่นนะ เจ้าจะได้ไม่ถูกรังแก”
หนิงเมิ่งเหยายิ้มและไม่ตอบอะไร นางยังต้องกลับไปที่นั่น เพียงแต่ยังไม่ใช่ตอนนี้เท่านั้น
ทุกคนพูดคุยกันจนดึกดื่น จากนั้นหยางจู้และตระกูลของเขาจึงจากไป
หนิงเมิ่งเหยาถอนหายใจอย่างโล่งอกหลังจากทุกคนกลับไป ก่อนจะอาบน้ำ และนอนบนเตียง มองขึ้นไปข้างบน ราวกับกำลังคิดอะไรบางอย่าง
Related