บทที่ 333 ช่วยท่านตามหานาง
หนานกงเยี่ยนเห็นว่าเฉียวเทียนช่างตกอยู่ในภวังค์ จึงเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “หากเจ้าถามเทียนช่าง ก็จะเข้าใจเรื่องนี้มากขึ้น บางทีเขาอาจจะเข้าใจข้าอย่างถ่องแท้ก็ได้”
หนิงเมิ่งเหยาอึ้ง ดูเหมือนว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงๆ เพราะเทียนช่างมีตำแหน่งสูงในเมืองเซียว แม้ว่าจะไม่อาจเทียบเท่ากับหนานกงเยี่ยนได้ แต่ตำแหน่งของเขาเป็นรองเพียงเซียวชวี่เฟิงและเซียวฉีเทียนเท่านั้น
เฉียวเทียนช่างไม่จำเป็นต้องโค้งคำนับต่อหน้าขุนนางเซียวเสียด้วยซ้ำ
หากตระกูลเฉียวไม่เอาตัวนางไป จนทำให้พวกเขาต้องสูญเสียลูก เขาก็ไม่ต้องกลับมายังราชสำนักแห่งนี้
“มีตำแหน่งสูงแล้วอย่างไร ยิ่งอยู่ในตำแหน่งที่สูงเท่าไหร่ ก็ยิ่งเข้าใกล้ศูนย์กลางแห่งอำนาจมากเท่านั้น แต่มันมิได้ยิ่งใหญ่เหมือนที่คนทั่วไปเห็นกันหรอก หากข้าเลือกได้ ก็ขออยู่ที่หมู่บ้านไป๋ซานอย่างสงบกับเจ้าไปตลอดชีวิตดีกว่า” แม้ว่าสถานที่แห่งนั้นอาจจะไม่ได้ดีที่สุด แต่เป็นที่ที่ดีที่สุดสำหรับเขา
หนิงเมิ่งเหยามองเฉียวเทียนช่าง ก่อนจะยิ้ม โดยไม่รู้สึกกังขาในคำพูดนั้นแม้แต่น้อย
เมื่อหนานกงเยี่ยนเห็นว่าลูกสาวมีความสุข จึงเผยรอยยิ้มออกมา “แม่ของเจ้าต้องสุขใจอย่างมาก หากเห็นว่าตอนนี้เจ้ามีความสุขเช่นนี้”
หนิงเมิ่งเหยาหันหน้าไปมองเขา ก่อนจะเห็นว่าใบหน้าของอีกฝ่ายดูยินดีปรีดา แต่ก็ยังสัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่างขาดหายไป และน่าจะเป็นเพราะเซียวเฉิงหย่านั่นเอง
หนานกงเยี่ยนมองหญิงสาว “ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ สิ่งที่ชะโลมใจข้าได้ดีที่สุด คือการได้พบเจ้า”
“แต่…”
“ไม่เป็นไร ตราบใดที่ยังมีข่าวคราว ข้าจะต้องหานางเจอในสักวัน” เมื่อหนานกงเยี่ยนพบลูกสาวของตนเอง จึงรู้สึกมั่นใจมากขึ้น และคิดว่าสักวันหนึ่ง เขาจะต้องตามหานางผู้เป็นที่รักและกลับมาอยู่เป็นครอบครัวเดียวกันได้อีกครั้ง
หนิงเมิ่งเหยามองผู้เป็นพ่อ และรู้สึกเจ็บปวด นางไม่รู้เลยว่าเขาผ่านพ้นช่วงเวลาหลายปีนั้นมาได้อย่างไร โดยทำได้เพียงค้นหาภรรยาและลูกของตนไปเรื่อยๆ ทั้งที่ไม่รู้ว่าทั้งคู่จะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมานั้น เขาต้องเผชิญกับความหวังและความผิดหวังมากมายเพียงใดกัน เพียงเพื่อที่จะมีความสุขยามที่ได้พบนางในที่สุด
“ท่านพ่อ ข้าจะตามหานางด้วยกันกับท่านด้วย” หนิงเมิ่งเหยาเอ่ยโดยไม่รู้ตัวอ และไม่เคยคิดว่าตนเองจะเรียกเขาเช่นนั้นออกไป
หนานกงเยี่ยนตกตะลึง แววตานั้นเปี่ยมล้นด้วยความสุข “เจ้า…เรียกข้าว่าอะไรนะ”
“ท่านเป็นพ่อของข้ามิใช่หรือ” หญิงสาวเอ่ยอย่างจริงจัง ขณะมองอีกฝ่าย การเรียกเขาเช่นนั้น ก็ไม่ได้ยากเกินจะเข้าใจนัก
หนานกงเยี่ยนผงกศีรษะ “ใช่ เจ้าคือลูกสาวของข้า และข้าคือพ่อของเจ้า”
ช่วงเวลานั้น หนานกงเยี่ยนทำตัวราวกับเป็นเด็กน้อยที่มองหนิงเมิ่งเหยาอย่างตื่นเต้น “เหยาเอ๋อร์ เรียกข้าอีกสักสามสามครั้งได้หรือไม่”
หนิงเมิ่งเหยาเข้าใจความรู้สึกของอีกฝ่ายดี เมื่อเขาได้รับสิ่งที่ต้องการแล้ว จึงเกิดความกลัวว่าจะสูญเสียมันไป ทำให้เขาไม่อยากเชื่อ นางจึงเรียกเขาเช่นนั้นอีกสองสามครั้ง
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าเฉียวเทียนช่างเดินออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ และบ้านหลังนี้ก็เหลือเพียงหนิงเมิ่งเหยากับพ่อของนางเท่านั้น
เมื่อเฉียวเทียนช่างยืนอยู่ด้านนอก และได้ยินเสียงอันตื่นเต้นของหนานกงเยี่ยน ริมฝีปากของชายหนุ่มก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม
แม้ว่าก่อนหน้านี้หนิงเมิ่งเหยาจะคัดค้านเรื่องนี้ แต่เขาก็คิดว่าสุดท้ายแล้ว นางเองก็อยากจะตามหาบุพการีของตนเช่นกัน
เหลยอันยืนอยู่ข้างๆ ชายหนุ่ม ก่อนมองเขา “นายท่าน ข้าไม่เคยคิดเลยว่าพี่สะใภ้จะเป็นคนสูงศักดิ์เช่นนี้”
“แล้วทำไมหรือ” ไม่ว่าเหยาเหยาจะเป็นคนสูงศักดิ์เพียงใด แต่นางก็คือภรรยาของเขา ความจริงข้อนี้ไม่อาจเปลี่ยนแปลง และไม่มีผู้ใดสามารถเปลี่ยนมันได้
เหลยอันกะพริบตาและเงียบปากลงอย่างจำยอม เพราะยังไม่อยากจะโดนถล่ม
หลังจากเฉียวเทียนช่างมองเหลยอัน เขาก็เลิกคิ้วขึ้น
“หากเจ้าไม่รู้เรื่องอะไร ก็อย่าพูดดีกว่า”
“นายท่าน ข้าผิดไปแล้ว” เหลยอันอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา ทำไมกันนะ ตอนนี้เขารู้สึกว่าเจ้านายของตนนั้นดูน่ากลัวยิ่งกว่าเก่า
“ไปเรียกคนมาเตรียมอาหารเถอะ” เฉียวเทียนช่างยังคงฟังบทสนทนาด้านในด้วยรอยยิ้ม
“ขอรับ”
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง หนิงเมิ่งเหยาก็เดินออกมาด้วยดวงตาแดงระเรื่อ ก่อนจะเห็นว่าเฉียวเทียนช่างยืนรออยู่ด้านนอก “เทียนช่าง ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ด้านนอกเล่า”
ชายหนุ่มหันหน้าไปมองหญิงสาวอย่างไม่พอใจ “ดูดวงตาของเจ้าสิ เหมือนกับกระต่ายน้อยที่เลี้ยงในหมู่บ้านไป๋ซานเลย”
“เจ้าน่ะสิที่เป็นกระต่ายน้อย”
“ก็ได้ ข้ายอมเป็นกระต่าย แต่เจ้าอย่าร้องเลยนะ หัวใจของข้าปวดร้าวไปหมดแล้ว” เฉียวเทียนช่างพูดอย่างไม่พอใจขณะเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาให้หนิงเมิ่งเหยา
หญิงสาวยิ้มและผงกศีรษะ “ได้ ข้าเข้าใจแล้ว ข้าจะไม่ร้องไห้แล้ว”
“ดีแล้ว”
หนานกงเยี่ยนยืนอยู่ที่ประตูขณะมองดูคู่สามีภรรยา ในตอนนั้น ความสัมพันธ์ของเขากับหย่าเอ๋อร์ก็เป็นเช่นนี้ แต่โชคชะตาช่างโหดร้ายนัก ทำให้พวกเขาต้องแยกจากกันมานานขนาดนี้
บทที่ 334 นางคือองค์หญิงของข้า
บ่ายวันนั้น หนานกงเยี่ยนยังคงอยู่ที่จวนแม่ทัพและทานอาหารร่วมกับเฉียวเทียนช่างและหนิงเมิ่งเหยา ก่อนจะจากไปในตอนกลางคืน โดยในช่วงบ่าย เขาบอกหญิงสาวว่าจะเปิดเผยตัวตนของนางที่วังหลวงในวันรุ่งขึ้น และจะไม่ขัดขวางพวกเขาในการลงโทษคนพวกนั้น
ลูกสาวของหนานกงเยี่ยนจะต้องไม่ถูกรังแกง่ายๆ
คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวพึงพอใจอย่างมาก
เช้าวันรุ่งขึ้น ขณะที่หนิงเมิ่งเหยาและเฉียวเทียนช่างกำลังออกจากบ้านนั้น ก็พบว่าหนานกงเยี่ยนมารออยู่ตรงประตูแล้ว
“ท่านพ่อ ทำไมท่านถึงไม่เข้ามาด้านในเล่า” หลังจากสงบใจมาทั้งคืน หญิงสาวก็ยอมรับว่าหนานกงเยี่ยนคือพ่อของตน
เมื่อวานนี้ ทั้งสองได้ประกอบพิธีตรวจสายสัมพันธ์โลหิต และผลลัพธ์ที่ออกมานั้นก็เป็นไปตามคาด
“พวกเจ้ากำลังจะออกมาอยู่แล้ว ข้าเลยรอด้านนอก”
หนิงเมิ่งเหยาไม่รู้จะตอบเช่นไร จึงทำได้เพียงมองเฉียวเทียนช่าง และแล้วทั้งสามคนจึงมุ่งหน้าไปยังวังหลวง
เมื่อทั้งสามมาถึง ก็พบว่านอกจากเหล่าทูตจากเมืองหลิงแล้ว หนานกงเยว่และหนานกงเช่อก็มาถึงแล้วเช่นกัน
ท่าทีของพวกเขาเปลี่ยนไป หลังจากเห็นว่าหนานกงเยี่ยนเข้ามาพร้อมกับหนิงเมิ่งเหยาและเฉียวเทียนช่าง
หนานกงเยว่มองทั้งสองสลับกันไปมา จนในที่สุดเขาก็แน่ใจว่าทั้งคู่รู้แล้วว่าพวกเขาคือพ่อลูกกัน
‘บ้าเอ๊ย แผนการเดิมพังพินาศจนได้’
ตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงการหลอกล่อหนานกงเยี่ยน หากเขาไม่โดนดึงเข้าไปเกี่ยวในตอนที่หนิงเมิ่งเหยาและคนอื่นๆ กำลังจะแก้แค้นก็คงจะดี
“ดูเหมือนว่าผู้สำเร็จราชการจะมีความสุขอย่างมากทีเดียว” เซียวชวี่เฟิงเลิกคิ้วและมองดูหนานกงเยี่ยนที่ดูแตกต่างจากเขาคนเดิมอย่างสิ้นเชิง
“ข้าพบลูกสาวของข้าแล้ว จึงรู้สึกอิ่มเอมเป็นธรรมดา” เขามองหนิงเมิ่งเหยาด้วยแววตารักใคร่ โดยสายตานั้นคือสายตาที่คนเป็นพ่อมองลูกสาวของตนเอง
ก่อนหน้านี้ หนานกงเยว่เพียงคาดการณ์ แต่หลังจากได้ยินคำยืนยันจากหนานกงเยี่ยนแล้ว เขาจึงแสดงท่าทีถมึงทึงออกมาอย่างชัดเจน
“ยินดีด้วย ท่านอา” หนานกงเยว่ขบฟันกรอดและพูดด้วยท่าทีเคร่งขรึม
หนานกงเยี่ยนมองเขาก่อนตะคอกอย่างเย็นชา “พวกเจ้าบังอาจมาแตะต้องลูกสาวของข้า”
หนานกงเยว่รู้ดีว่ามันจะลงเอยเช่นไร เป็นเรื่องยากที่เขาจะแก้ตัวว่าไม่ได้ทำอะไร
“ท่านอา พวกเราไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลยนะ” หนากงเช่อร้องตะโกนอยู่เพียงผู้เดียว ส่วนหนานกงเยว่ที่ยืนอยู่ด้านข้างนั้นเงียบ ไม่พูดอะไร “นี่เป็นละครตบตาที่เมืองเซียวจัดฉากขึ้น พวกเขาเพียงต้องการให้เราจ่ายค่าชดเชย และนั่นเป็นเพียงแค่ข้ออ้างเท่านั้น”
เมื่อหนิงเมิ่งเหยาได้ยินวาจาของหนานกงเช่อ จึงพูดเย้ยหยัน “ในเมื่อองค์รัชทายาทหนานกงเอ่ยเช่นนั้น เราก็ไม่อาจบังคับอะไรได้ ฝ่าบาทเพคะ ยกให้หม่อมฉันจัดการเรื่องนี้เองได้หรือไม่เพคะ” หนิงเมิ่งเหยาหันหน้ามองเซียวชวี่เฟิง
“ตกลง” เดิมทีเรื่องนี้ก็เกี่ยวข้องกับพวกเขาอยู่แล้ว จึงไม่มีปัญหาที่จะให้พวกเขาเป็นคนจัดการเอง เขายินดีรับชมการแสดงชุดนี้
ท่าทีของหนานกงเช่อเปลี่ยนไป เขามองเซียวชวี่เฟิงอย่างไม่อยากเชื่อว่าฮ่องเต้ของเมืองจะส่งต่อเรื่องนี้ให้กับหนิงเมิ่งเหยาเป็นคนจัดการ แต่หลังจากคิดถึงตัวตนที่แท้จริงของหญิงสาวแล้ว เขาก็เข้าใจได้ทันที
หนานกงเยี่ยนเดินมาอยู่ข้างๆ หนิงเมิ่งเหยา ก่อนมองหนานกงเช่อและคนอื่นๆ แล้วจึงเปล่งเสียงออกทางจมูก “เหยาเอ๋อร์ เอาคืนพวกที่มารังแกเจ้า พวกมันทำให้เจ้าเลือดออก ดังนั้นพวกเราจะต้องทำให้พวกมันเสียเลือดเป็นสองเท่า หรือจะเอาคืนด้วยชีวิตของพวกมันเลยก็ยังได้” วาจาของหนานกงเยี่ยนนั้นเหี้ยมโหด เขาไม่สนใจสักนิดว่าสองคนนั้นคือหลานชายของตนเอง
เมื่อทูตรับฟังคำของหนานกงเยี่ยน ท่าทีของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างมาก
“ผู้สำเร็จราชการ พวกเขาทั้งสองเป็นองค์ชาย”
“แล้วอย่างไรหรือ เหล่าองค์ชายทำร้ายลูกสาวของข้าได้เช่นนั้นรึ” หากเฉียวเทียนช่างไม่มีคนมากความสามารถอยู่ข้างกาย ก็ไม่รู้เลยว่าลูกสาวของเขาจะยังสบายดีอยู่หรือไม่
หนานกงเยี่ยนไม่กล้าที่จะคิดถึงเรื่องนั้นเลย หากลูกสาวของเขาต้องเสียชีวิตด้วยน้ำมือของคนพวกนี้ เขาก็อยากจะเป็นผู้ฆ่าคนพวกนั้นเอง
หนิงเมิ่งเหยารู้สึกอบอุ่นหัวใจ เพราะหนานกงเยี่ยนเลือกนาง มิใช่เมือง หญิงสาวไม่เคยคิดว่าเขาจะทำเช่นนั้น แต่นางก็รู้สึกอุ่นใจอย่างยิ่งที่ได้รับการปกป้องดูแลแบบนี้ มันแตกต่างจากการเอาใจใส่ของเฉียวเทียนช่าง แต่หญิงสาวก็ชอบมันมากและรู้สึกอุ่นไปทั้งหัวใจ ราวกับ… เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นไม่สำคัญอีกต่อไป เขาคือพ่อของนาง!
“ขอบคุณมาก ท่านพ่อ”
“ไม่ต้องขอบคุณข้าหรอก เจ้าจะกำจัดพวกเขาด้วยวิธีใดก็ได้ ทำตามที่เจ้าต้องการเถอะ” หนานกงเยี่ยนไม่กะพริบตา และพูดอย่างไม่ลังเล
ตั้งแต่ตอนที่ยังไม่ได้รับความเอาใจใส่จากหนานกงเยี่ยน หนิงเมิ่งเหยาก็ตั้งใจไว้อยู่แล้วว่าจะสั่งสอนบทเรียนให้กับทั้งสองคนนั้นและเมืองหลิง และตอนนี้มีผู้เป็นพ่อมาตามใจ นางจะไม่ยอมอ่อนข้อให้อีกแล้ว
Related