บทที่ 343 การสนทนาลับภายในห้องหนังสือ
“เรื่องนั้นคงขึ้นอยู่กับความสามารถของหลิงหลัว แต่เรายังคงต้องพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ด้วยก็ และหากเจ้าต้องการให้ช่วยอันใด เหยาเหยาบอกว่านางพร้อมจะให้การสนับสนุนเสมอ” เฉียวเทียนช่างเอ่ยด้วยท่าทางเคร่งเครียดขณะมองเซียวชวี่เฟิง
เซียวชวี่เฟิงพยักหน้ารับ “หากเป็นเช่นนั้น ข้าจะไม่เกรงใจแล้วกัน”
เฉียวเทียนช่างหัวเราะ หลังจากทั้งสองปรึกษาหารือร่วมกันอยู่ครู่ใหญ่ เขาจึงกลับออกไป
กลับมาที่หลิงหลัว ภายในหัวของเขานั้นเต็มไปด้วยคำพูดของหนิงเมิ่งเหยาหลังจากกลับมาจากจวนแม่ทัพ
เมื่อเขาเดินถึงห้องหนังสือของตนก็พบว่าหลิงอ๋องรออยู่ข้างในแล้ว หลิงหลัวขมวดคิ้วเมื่อเห็นหลิงอ๋องอยู่ในห้องหนังสือของตัวเอง “ท่านพ่อ เหตุใดท่านจึงมาอยู่ที่นี่ได้”
หลิงอ๋องพยักหน้า “ข้ามีบางสิ่งต้องบอกเจ้า”
หลิงหลัวมองใบหน้าอันเคร่งขรึมของเขาอย่างสงสัย สุดท้ายก็พยักหน้าแล้วโบกมือบอกให้คนที่ซ่อนตัวอยู่ออกจากห้องไป หลิงหลัวนั่งลงแล้วหันไปหาหลิงอ๋อง “ท่านพ่อ พูดมาเลยขอรับ”
“หลัวเอ๋อร์ เจ้าต้องพักเรื่องหนิงเมิ่งเหยาเอาไว้ก่อน ตอนนี้เรามีเรื่องที่สำคัญกว่าต้องทำ” หลิงอ๋องมองหลิงหลัวด้วยสายตาเคร่งเครียด หลิงหลัวไม่เคยเห็นเขามีท่าทีเช่นนี้มาก่อน
มีความแน่วแน่บางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีอยู่ในนั้น
“ท่านพ่อ ท่านหมายความว่าอย่างไร”
“เจ้าเองก็รู้ใช่หรือไม่ว่าตระกูลของฮ่องเต้นั้นระแวดระวังตระกูลของพวกเราอยู่ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ตระกูลของเราคงสิ้นซากในมือของพวกเขาแน่” หลิงอ๋องเอ่ยขณะมองบุตรชายของตน
หลิงหลัวรับฟังเงียบๆ โดยไม่เอ่ยอะไรออกมา เขารู้เรื่องนี้อยู่แล้ว เซียวชวี่เฟิงและคนอื่นๆ นั้นดูระแวดระวังตระกูลของตนอยู่จริง
“หลัวเอ๋อร์ พวกเรามีแต่ต้องเดิมพันเท่านั้น” หลิงอ๋องกัดฟันพลางมองหน้าหลิงหลัว
ไม่สำเร็จก็ตาย นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขา
หลิงหลัวมองหลิงอ๋องอย่างงุนงง “ท่านพ่อ ท่านหมายความว่าอย่างไร”
“ข้าหมายความว่า ตอนนี้มีโอกาสเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น”
“ท่านพ่อ มันคืออะไรหรือ” หลิงหลัวครุ่นคิดอยู่ครู่ใหญ่แล้วเอ่ยถามขึ้นในที่สุด
มีเพียงแค่การยืนอยู่บนจุดสูงสุดเท่านั้นที่จะทำให้พวกเขาสามารถใช้ชีวิตได้โดยปราศจากความหวาดกลัว และสามารถเอาสิ่งที่พวกตนปรารถนามาไว้ในมือได้
แต่สิ่งที่หลิงหลัวไม่รู้คือเรื่องนี้อาจทำให้ตัวเองต้องตายในสภาพศพไม่สวยในตอนสุดท้าย
สองพ่อลูกปรึกษากันอยู่ในห้องหนังสือเป็นเวลานาน หลิงอ๋องยิ้มกว้างตอนเดินออกไป ทว่าภายในห้องหนังสือ หลิงหลัวยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ของตนด้วยดวงตาซึ่งมีทั้งความแน่วแน่และความสับสนผสมกันอยู่
เขาผุดลุกขึ้นและเดินไปยังช้ันหนังสือ ก่อนหยิบเอาภาพวาดทั้งหมดออกมาแล้วมองคนผู้หนึ่งบนภาพเหล่านั้น ใบหน้าของเขามีประกายอันตรายผุดขึ้นมา หากเขาไม่สามารถครอบครองนางได้ เช่นนั้นเขาก็จะไม่ยอมให้ผู้ใดได้ครอบครองนางเช่นกัน
เขาถือภาพวาดทุกภาพไปยังบานหน้าต่าง จุดไฟเผาแล้วปล่อยให้พวกมันร่วงลงสู่สระน้ำเบื้องล่าง
หลังหลิงหลัวมองรอยยิ้มอันงดงามของคนในภาพผู้นั้นที่กำลังเลือนหายไปในเปลวไฟอย่างแช่มช้า ดวงตาของเขาเองก็ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นเย็นเยียบ มิหนำซ้ำในดวงตาคู่นั้นยังมีความบ้าคลั่งปรากฏอยู่ภายในอีกด้วย
หลังจากเผาภาพวาดของหนิงเมิ่งเหยาจนหมดสิ้น หลิงหลัวจึงก้มหน้าลงมองในสระน้ำที่เต็มไปด้วยขี้เถ้า ใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวด้วยความโหดเหี้ยม
เขาหันหลังเดินจากไป หลังจากปิดประดู เขาจึงมุ่งหน้าไปยังห้องของเซียวจื่อเซวียน
เมื่อมาถึง เขายืนอยู่ตรงทางเข้า เซียวจื่อเซวียนกำลังอุ้มลูกน้อยวัยเจ็ดเดือนและหยอกล้อกันอยู่ภายใน เด็กคนนั้นส่งเสียงราวกับกำลังพูดอะไรบางอย่างออกมา ส่วนเซียวจื่อเซวียนก็กำลังมองลูกด้วยสายตาอันเปี่ยมไปด้วยความรัก
ภาพอันอบอุ่นนั้นทำให้สายตาของหลิงหลัวค่อยๆ เหม่อลอยออกไป
เมื่อก่อนเขาเคยนึกฝันถึงภาพเช่นนี้ เขาเคยนึกถึงการมีลูกกับหนิงเมิ่งเหยา เขาจะทำชิงช้าไว้ในสวน เขาจะผลักชิงช้าให้ลูกขณะที่นางนั่งเย็บผ้าอยู่ข้างกัน
ทว่าบัดนี้ความคิดเหล่านั้นมันกลับพังทลายลงไปจนไม่เหลือชิ้นดี และเขากลับต้องมาเห็นความอบอุ่นเช่นนั้นจากผู้หญิงที่เขาแสนรังเกียจแทน
“ลูกจ๋า สุดที่รักของแม่ เจ้าต้องโตมาเป็นคนที่รู้ความนะ” เซียวจื่อเซวียนไม่รู้ว่าหลิงหลัวยืนอยู่ตรงหน้าประตู นางมองลูกของตนขณะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
หลิงหลัวเดินเข้าไปหาเซียวจื่อเซวียนโดยไม่รู้ตัว แล้วกอดนางไว้จากด้านหลัง
การถูกกอดอย่างกะทันหันทำเอาเซียวจื่อเซวียนสะดุ้งจนเกือบทำลูกหล่นจากมือ
นางสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันแสนคุ้นเคยจึงขมวดคิ้วขึ้นมา ชายผู้นี้คิดจะทำอะไรกัน
“เจ้า…”
“ขอข้ากอดเจ้าสักพัก” หลิงหลัวซุกหน้าลงบนไหล่ของเซียวจื่อเซวียนขณะเอ่ยเบาๆ
เซียวจื่อเซวียนขมวดคิ้ว นางอยากจะขัดขืน แต่สุดท้ายก็ยอมทำตามความต้องการของเขาและทำได้เพียงปล่อยให้เขากอดนางไว้เงียบๆ
บทที่ 344 เพียงใช้ชีวิตต่อไปเรื่อยๆ เช่นนี้
หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดหลิงหลัวก็ผละออกจากเซียวจื่อเซวียน เขาเอื้อมมือไปอุ้มเด็กในอ้อมแขนของนาง
ทารกน้อยไม่หวาดกลัวคนแปลกหน้า เจ้าหนูใช้ดวงตากลมโตสีดำจ้องมองหลิงหลัวพลางเอียงศีรษะเล็กน้อย ดูคล้ายกับหลิงหลัวยิ่งนัก หลิงหลัวจึงนึกเอ็นดูเด็กคนนี้ขึ้นมา
ทารกน้อยสุขภาพดีและอ้วนท้วนสมบูรณ์ เป็นข้อพิสูจน์ว่าเซียวจื่อเซวียนดูแลเขาเป็นอย่างดี
“ท่าน… เกิดอะไรขึ้น” เซียวจื่อเซวียนค่อนข้างรู้สึกอึดอัดเมื่ออยู่กับหลิงหลัวในสภาพนี้
นางรู้สึกสับสน ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งบอกไปว่าต้องการหย่ากับนาง แต่ภายในชั่วพริบตากลับกลายมาเป็นเช่นนี้ไปได้ ตัวตนที่แท้จริงของหลิงหลัวคือคนไหนกันแน่
ใบหน้าของหลิงหลัวมีรอยยิ้มบางๆ ปรากฏอยู่ “ไม่มีอะไร ตอนนี้สมองข้าปลอดโปร่งขึ้นแล้ว”
“หืม”
“เมื่อก่อนข้าเคยนึกภาพการมีลูกสักสองสามคนกับหนิงเมิ่งเหยา หลังจากนั้นพวกเราจะพาลูกออกไปเล่นในสวน สมัยนั้นข้าคิดอะไรไว้ในหัวหลายอย่างนัก” หลิงหลัวเยาะตัวเองเมื่อคิดถึงเรื่องในอดีต
เซียวจื่อเซวียนกัดริมฝีปากเมื่อเขาพูดเรื่องอดีตที่เกี่ยวกับหนิงเมิ่งเหยาขึ้นมา นี่เขากำลังอวดนางอยู่หรือว่าในอดีตเขานั้นมีความสุขมากเพียงใด
“สมัยก่อนข้าเคยคิดว่าไม่ว่าข้าจะทำอะไรลงไป สุดท้ายแล้วนางก็คงกลับมาอยู่ข้างกายข้าแน่ แต่วันนี้ข้าตระหนักได้แล้วว่าข้าคิดผิด ผิดอย่างมหันต์” เมื่อนึกถึงสายตาอันเต็มไปด้วยจิตสังหารยามเมื่อนางมองเขาขึ้นมา ภายในดวงตาของหลิงหลัวก็ไหววูบด้วยความรู้สึกดูถูกถางถางที่มีให้กับตัวเอง
ดูเหมือนนางคิดอยากฆ่าเขาขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
“ทำไมล่ะ”
“มันเป็นเพราะข้าเปลี่ยนไป และนางเองก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เป็นดังที่นางกล่าว เราต่างก็มีชีวิตเป็นของตัวเอง เราไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้ ทั้งยังไม่สามารถกลับไปเป็นอย่างที่เราเคยเป็นได้ด้วย ข้าเคยคิดที่จะทำลายชีวิตนาง เพราะหากข้าไม่สามารถครอบครองนางได้ เช่นนั้นแล้วผู้ใดก็มิอาจครอบครองนางได้เช่นกัน” หลิงหลัวก้มหน้าลง ไม่อาจรู้ได้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
เซียวจื่อเซวียนนั่งเงียบๆ อยู่ด้านข้าง นางไม่ได้พูดอะไรขัดขึ้นมาและกำลังรอให้เขาพูดต่อ
“แต่เมื่อข้ายืนอยู่ตรงทางเข้าเมื่อครู่ ข้าเห็นเจ้ากำลังเล่นกับลูก แล้วข้าก็นึกถึงสิ่งที่ข้าเคยคิดไว้ในอดีตขึ้นมาได้ บางทีนี่ต่างหากคือชีวิตที่ข้าต้องการ” ทว่าตอนนี้ระหว่างพวกเขาทั้งสองนั้นมีช่องว่างอันยากเกินกว่าจะข้ามไปได้ขวางกั้นเอาไว้อยู่
เซียวจื่อเซวียนรู้สึกสับสนจับต้นชนปลายไม่ถูกขณะมองหลิงหลัว ชายผู้นี้หมายความว่าอย่างไรกัน
”ท่าน… ท่านหมายความว่าอย่างไร”
“ข้าอยากจะใช้ชีวิตอยู่กับเจ้าและลูกต่อ เพียงแค่ใช้ชีวิตเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ” หลิงหลัวมองเซียวจื่อเซวียนขณะเอ่ยขึ้นด้วยท่าทีจริงจัง “เมื่อก่อนข้าไม่นึกชอบเจ้าเลยจริงๆ ข้ารู้สึกว่าเจ้าเข้ามาทำลายความสุขของข้ากับนาง แต่พอมาคิดอีกทีตอนนี้ ข้าต่างหากที่เป็นคนทำลายความสุขของพวกเรา เจ้าไม่เกี่ยวอะไรด้วยเลย”
เขาเป็นคนตัดสินใจเลือกเอง แล้วเขาจะโยนความผิดทั้งหมดไปให้เซียวจื่อเซวียนได้เช่นไร
ขณะนี้เซียวจื่อเซวียนยังคงไม่อาจบรรยายความรู้สึกข้างในลึกๆ ของตนออกมาเป็นคำพูดได้ นางรู้เพียงแค่ตอนนี้นางกำลังรู้สึกสับสนยิ่งนัก นางไม่รู้ว่าควรจะตอบหลิงหลัวด้วยสีหน้าเช่นไรดี
ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขากำลังพูดเรื่องนี้ออกมาเพื่อโน้มน้าวจิตใจนางหรือเปล่า
เมื่อก่อนนางอยากให้หนิงเมิ่งเหยาตายไปเสีย มิหนำซ้ำยังไม่เคยคิดจะปล่อยให้นางรอดไปได้ง่ายๆ
แต่ในเวลาต่อมา เมื่อมีอะไรเกิดขึ้นกับลูกของตน นางก็จะนึกถึงหนิงเมิ่งเหยาเสมอ แค่ลูกป่วยนางก็ใจหายกระวนกระวายขนาดนี้แล้ว แต่นางกลับพรากลูกน้อยที่ยังไม่ทันได้เกิดของหนิงเมิ่งเหยาไป หนิงเมิ่งเหยาจะต้องรู้สึกเจ็บปวดเพียงใดกัน
บางทีอาจจะเป็นเพราะเหตุนั้น นางจึงไม่หลงเหลือความแค้นใดๆ ต่อหนิงเมิ่งเหยาอีก สุดท้ายแล้วนางก็เป็นคนที่เข้าไปยุ่มย่ามกับความสัมพันธ์ของคนทั้งสองเอง หนิงเมิ่งเหยาหลบทางให้ตั้งแต่แรกและไปใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบสงบ โดยไม่เคยคิดจะแข่งขันอะไรกับนางเลย มีแต่นางเองที่ไม่เคยปล่อยวาง
หลิงหลัวมองเซียวจื่อเซวียน เขาเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความสับสนในยามที่นางมองเขา “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่เชื่อข้า”
”ข้าไม่เชื่อท่าน เพราะข้าไม่รู้ว่าท่านกำลังโกหกข้าอยู่หรือเปล่า” นางไม่รู้ว่าจะเชื่อคำพูดของหลิงหลัวดีหรือไม่ แต่ก็รู้สึกตื่นเต้นอยู่ลึกๆ เมื่อนางได้ยินคำพูดเช่นนั้น นางรู้ว่าตนอยากจะเลี้ยงลูกร่วมกันกับหลิงหลัว ไม่ว่าในอนาคตตอนเขาโตขึ้นจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม
หลิงหลัววางลูกน้อยลงในอ้อมแขนของเซียวจื่อเซวียน แล้วจึงโอบกอดทั้งแม่และลูกไว้ในอ้อมกอดของตัวเอง เขาพูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า “เชื่อใจข้าอีกสักครั้งได้ไหม”
เซียวจื่อเซวียนมองไปที่หลิงหลัวด้วยสายตาจริงจัง เมื่อเวลาผ่านไปครู่หนึ่งนางจึงพยักหน้าให้ นางจะลองเดิมพันดู เดิมพันว่านางจะชนะแล้วได้ความสุขมาไว้ในมือ หรือจะแพ้แล้วต้องเจ็บอีกครั้ง