ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน – ตอนที่ 383 เมืองบุปผาอันคึกคัก + บทที่ 384 เทศกาลชมดอกไม้

บทที่ 383 เมืองบุปผาอันคึกคัก

หลิ่วหานเยียนมองหลิ่วหานรั่วอย่างไม่พอใจ “ทำไมล่ะ”

“สองคนนั้นไม่ใช่คนธรรมดา เจ้าไม่สังเกตหรือว่าพวกเขาสวมชุดผ้าไหมหยุนจิ่นเนื้อดีอยู่” หลิ่วหานรั่วไม่ได้ไร้สมองเหมือนกับหลิ่วหานเยียน

เมื่อครู่เพิ่งมีราชโองการถูกส่งมา เนื้อความสั่งว่าให้บุตรสาวของขุนนางในเมืองบุปผาทุกนางเข้ารับการคัดเลือกตัวที่วังหลวง นางเองก็เป็นเด็กสาวอัจฉริยะแห่งเมืองบุปผา ดังนั้นจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่นางต้องเข้ารับการคัดเลือกด้วย

นางเองก็คิดเช่นนั้นอยู่เหมือนกันเมื่อได้ยินหลิ่วหานเยียนบอกว่านางเป็นถึงว่าที่ฮองเฮา นางมีทั้งหน้าตาและความสามารถ สำหรับนางแล้ว การจะคว้าตำแหน่งในวังหลวงจึงไม่ใช่เรื่องที่ไกลเกินเอื้อมเลยแม้แต่น้อย ยิ่งกว่านั้น นางยังมีความมั่นใจเต็มเปี่ยมในการแข่งขันเพื่อชิงตำแหน่งฮองเฮาอีกด้วย

แต่นางกลับรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีหลังจากคนทั้งสองมาถึงในวันนี้ ยิ่งโดยเฉพาะกับหญิงผู้นั้น เมื่อหนิงเมิ่งเหยามองนาง นางรู้สึกราวกับว่าหญิงผู้น้ันสามารถมองตัวตนของนางได้อย่างทะลุปรุโปร่ง และนั่นทำให้นางรู้สึกไร้หนทางที่จะต่อกรได้

“ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วมันทำไมหรือ พวกเขาอาจจะเป็นคนในตระกูลพ่อค้าชั้นต่ำอะไรพรรค์นั้นก็ได้” หลิ่วหานเยียนเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจเท่าใดนัก

หลิ่วหานรั่วมองน้องสาวของตนแต่ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา นางสัมผัสถึงบรรยากาศของพ่อค้าจากคนทั้งสองไม่ได้เลยสักนิดเดียว แต่กลับมีบรรยากาศความองอาจผ่าเผยของชนชั้นสูงปรากฏอยู่รอบตัวทั้งสองแทน โดยเฉพาะกับบุรุษผู้นั้น

กลับไปทางหนิงเมิ่งเหยาและเฉียวเทียนช่าง หลังจากทั้งสองกลับมาถึงห้อง หนิงเมิ่งเหยานั่งลงบนม้านั่งและนั่งเล่นถ้วยชาในมือ ประกายแห่งความเย้ยหยันปรากฏอยู่ในดวงตาของนาง “ทำไมข้าไม่เห็นเคยได้ยินเรื่องชวี่เฟิงกำลังจะเลือกว่าที่ฮองเฮาเลย”

“อาจเป็นเพราะการคัดเลือกนางสนมครั้งที่แล้วล่มไปดังนั้นครั้งนี้เขาคงอยากจะเลือกใครสักคนจากเมืองใกล้ๆ แทนกระมัง ซึ่งนั่นคงรวมถึงเมืองบุปผาด้วย” เฉียวเทียนช่างเสนอความคิดเห็นขึ้นเพื่อคลายความสงสัยของหนิงเมิ่งเหยา

หนิงเมิ่งเหยาเลิกคิ้ว “ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็เถอะ แต่คนพวกนี้ไม่ทำตัวยโสโอหังเกินไปหน่อยหรือ ยังไม่ทันจะมีอะไรเกิดขึ้นเลยแท้ๆ แต่กลับสถาปนาตัวเองเป็นว่าที่ฮองเฮาเสียแล้ว”

“ข้าจะบอกเรื่องนี้ให้ชวี่เฟิงรู้ไว้ตอนที่เรากลับไป เขาจะได้เตรียมใจให้พร้อม อย่าไปคิดอะไรมากเลยน่า พวกเรามาเที่ยวกันไม่ใช่หรือ” เฉียวเทียนช่างหยัดกายขึ้นแล้วอุ้มนางไปพักผ่อนที่เตียง

“ก็ได้”

ทั้งสองหลับยาวจนถึงรุ่งสางของวันถัดไป ลืมสิ้นซึ่งเรื่องราวอันไม่น่าพอใจที่เกิดขึ้น

หลังจากทานอาหารเช้าเสร็จ หนิงเมิ่งเหยาจึงเดินไปยืนที่ข้างกายของเฉียวเทียนช่าง ก่อนทั้งสองจะเดินออกจากประตูไป เมื่อพวกเขามาถึงจุดหมาย จึงพบว่าที่นั่นมีคนมากมายอยู่ก่อนแล้ว

“เหตุใดคนถึงเยอะนัก” หนิงเมิ่งเหยาถามด้วยความสงสัย

“น่าจะมีการรวมตัวอะไรสักอย่างกระมัง ลองถามคนแถวนี้ดูเถอะ” ใจจริงนั้นเฉียวเทียนช่างไม่อยากให้หนิงเมิ่งเหยาอยู่ในที่ที่มีฝูงชนแออัดกันเช่นนี้ แต่เขาก็ไม่ได้ห้ามนางเพราะเห็นว่านางรู้สึกสงสัยใคร่รู้ยิ่งนัก

ทั้งสองเอ่ยถามคนแถวนั้นและได้ความว่าช่วงสองสามวันนี้เมืองบุปผามีการจัดงานเทศกาลชมดอกไม้ขึ้น ยิ่งกว่านั้นภายในงานยังมีการจัดแสดงดอกไม้สำหรับเทศกาลนี้เป็นพิเศษอีกด้วย

“เป็นเช่นนี้นี่เอง”

“ดูเหมือนเราจะมาถูกเวลานะ หากได้เห็นดอกไม้สวยๆ มากมายเช่นนี้แล้ว เห็นทีว่าวันกลับคงจะต้องเอาติดไม้ติดมือไปด้วยเสียแล้ว” หนิงเมิ่งเหยาดูสนอกสนใจมาก

“ไปดูกันเถอะ”

หลังกล่าวขอบคุณผู้ที่ให้คำตอบแล้ว ท้ังสองจึงเริ่มเดินเล่นไปรอบๆ ทุ่งดอกไม้ หลังผ่านไปครู่หนึ่งจึงบังเอิญพบกับคู่พี่น้องที่พบกันเมื่อวาน เมื่อเห็นพวกเขา หลิ่วหานเยียนก็มองพวกเขาด้วยสายตาที่เย่อหยิ่ง ท่าทางเช่นนั้นช่างน่าขยะแขยงยิ่งนัก

“เทียนช่าง ข้าอยากสั่งสอนนางเสียหน่อย ข้าควรทำเช่นไรดี” หนิงเมิ่งเหยาเงยหน้าขึ้นมองเฉียวเทียนช่าง นางรู้สึกคันไม้คันมือขึ้นมา

เฉียวเทียนช่างบีบจมูกหนิงเมิ่งเหยา “ไว้กลับไปแล้วเราค่อยคุยกันเรื่องนี้”

“ก็ได้”

ทั้งสองเดินชมดอกไม้ต่อโดยทำเป็นไม่สนใจสายตาของหลิ่วหานเยียน หนิงเมิ่งเหยาขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อนางเห็นกุหลาบสีแดงขึ้นเป็นหย่อมๆ ดูเหมือนว่ากุหลาบชนิดนี้จะมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง

นางจับดอกกุหลาบเหล่านั้นอย่างเบามือ ริมฝีปากโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม

“เจ้าชอบหรือ”

“อืม ชอบสิ” จะมีผู้หญิงคนไหนที่ไม่ชอบดอกกุหลาบบ้าง แม้แต่นางก็ไม่มีข้อยกเว้น เพียงแต่ก็แค่ชอบเท่านั้น

เฉียวเทียนช่างมองดอกกุหลาบ ความคิดบางอย่างแวบผ่านในดวงตาของเขา แล้วเขาก็ตัดสินใจบางอย่างอยู่ในใจ

หลังจากนั้น หนิงเมิ่งเหยาก็ชมดอกไม้นานาพันธุ์ มีทั้งฉาฮวา  หลันฮวา และดอกไม้ที่ไม่ค่อยมีคนรู้จักอีกหลายชนิด เฉียวเทียนช่างพยายามจดจำแต่ละดอกให้ขึ้นใจ

หลังจากเดินชมเป็นเวลานาน เฉียวเทียนช่างก็ซื้อของฝากที่ทำจากดอกไม้เหล่านั้นให้หนิงเมิ่งเหยา และยังแอบซื้อเมล็ดพันธุ์ของดอกไม้หลายชนิดที่หนิงเมิ่งเหยาชอบเอาไว้ด้วย จากนั้นทั้งสองจึงมุ่งหน้าสู่ลานอันเป็นสถานที่จัดเทศกาลชมดอกไม้ในครั้งนี้

บทที่ 384 เทศกาลชมดอกไม้

ณ สถานที่จัดงานเทศกาลชมดอกไม้ มีดอกไม้นานาพรรณถูกประดับเอาไว้บนเวที แต่หนิงเมิ่งเหยาเคยเห็นพวกมันมาหลายต่อหลายครั้งตอนอยู่ในยุคที่นางจากมา บนเวทีนั้น ดอกไม้ส่วนใหญ่ที่ถูกนำมากประดับไว้จะเป็นจวี๋ฮวา  ด้วยเพราะจวี๋ฮวาจะบานในช่วงฤดูใบไม้ร่วงนี่เอง

พิธีการของเทศกาลชมดอกไม้กำลังจะเริ่มในไม่ช้า แต่หลังจากนั้นไม่นานหนิงเมิ่งเหยากลับรู้สึกหมดความสนใจไปเสียดื้อๆ นางสะลึมสะลือขณะฟังผู้ดำเนินพิธีพูดบนเวที “เทียนช่าง ข้าจะงีบสักหน่อยนะ”

“นอนเถอะ”

หลังจากหนิงเมิ่งเหยาผล็อยหลับไป น้ำเสียงอันแข็งกระด้างก็ดังขึ้นมาจากด้านข้าง “นอนหลับในที่แบบนี้ ช่างเป็นคนที่ไร้มารยาทยิ่งนัก”

เทศกาลชมดอกไม้เป็นงานเทศกาลที่ทุกคนภายในเมืองบุปผาต่างให้ความสนใจ แต่คนนอกกลับกล้าหลับในเทศกาลชมดอกไม้เช่นนี้ ช่างเป็นการเสียมารยาทต่อเมืองบุปผาจริงๆ

หลิ่วหานเยียนเดินตรงเข้ามาหาเฉียวเทียนช่าง นางเอ่ยขึ้นอย่างเกรี้ยวกราดว่า “ออกจากเมืองบุปผาไปเดี๋ยวนี้”

เฉียวเทียนช่างหรี่ตามองหลิ่วหานเยียนที่พูดจาวางก้ามอยู่ ดวงตาที่หรี่ลงของเขานั้นเต็มไปด้วยความเย็นเยียบดุจน้ำแข็ง “เมืองบุปผามิได้เป็นของตระกูลเจ้า”

“หืม ท่านพ่อของข้าเป็นเจ้าเมืองของเมืองบุปผา ดังนั้นเมืองบุปผาจึงเป็นของตระกูลข้า” หลิ่วหานเยียนบอกเฉียวเทียนช่างอย่างภาคภูมิใจ

เขามองท่าทางภาคภูมิใจของหลิ่วหานเยียนแล้วเอ่ยขึ้น “งั้นหรือ ข้าไม่รู้เลยว่าเมืองบุปผาของฮ่องเต้กลายเป็นของตระกูลเจ้าตั้งแต่เมื่อไร”

เมื่อชาวบ้านที่อยู่ข้างๆ ได้ยินดังนั้น พวกเขาต่างก็รู้สึกว่าคำพูดของหลิ่วหานเยียนนั้นรุนแรงเกินไป

“ข้าไม่ได้หมายความว่าเช่นนั้น”

“เช่นนั้นเจ้าหมายความว่าอย่างไร” ไม่รู้ว่าหนิงเมิ่งเหยาลืมตาขึ้นมาเมื่อใด นางมองหลิ่วหานเยียนที่ปฏิเสธไม่ยอมรับสิ่งที่ตนพูดไป

“เทียนช่าง ไปกันเถอะ ไม่มีความจำเป็นใดๆ ให้เราต้องอยู่ที่นี่ต่อแล้ว ข้าเพียงสงสัยว่าเมืองบุปผาจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน แต่ไม่คิดเลยว่ามันก็ไม่ได้ดีเด่อะไร”

หลิ่วหานเยียนจ้องหนิงเมิ่งเหยาเขม็ง นางโกรธจนควันออกหูทันทีที่ได้ยินคำเหน็บแนมถึงเมืองบุปผา

“เจ้าหญิงเลวกล้าดีอย่างไรจึงพูดจาไร้สาระเช่นนั้นออกมา” ขณะที่พูด นางนึกอยากจะตบหน้าหนิงเมิ่งเหยายิ่งนัก

หนิงเมิ่งเหยาตกใจถอยหลังไปหนึ่งก้าว ไม่รู้ว่านางเหยียบอะไร แต่นางเสียหลักและเกือบจะล้มลง

เฉียวเทียนช่างพุ่งเข้าไปรับตัวของหนิงเมิ่งเหยาเอาไว้ ในเวลาเดียวกัน หลังมือของเขาก็ฟาดเข้ากับใบหน้าของหลิ่วหานเยียน

“เหยาเหยา เจ้าเป็นอะไรหรือเปล่า รู้สึกไม่สบายตรงไหนไหม” เฉียวเทียนช่างมองหนิงเมิ่งเหยาอย่างเป็นกังวล เขาเกรงว่านางจะรู้สึกไม่สบายตัวไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

“เทียนช่าง อย่าห่วงไปเลย ข้ากับลูกสบายดี ไม่ต้องกังวล” หนิงเมิ่งเหยาเอ่ยเบาๆ ขณะปลอบให้เฉียวเทียนช่างสงบลง

ชาวบ้านที่อยู่ข้างๆ ล้วนเข้าใจได้ในทันทีหลังจากได้ยินคำพูดของนาง ดูเหมือนว่าฮูหยินผู้นี้กำลังตั้งครรภ์อยู่ ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยสักนิดที่นางจะรู้สึกง่วงในเทศกาลชมดอกไม้ เพราะหญิงมีครรภ์ล้วนต่างต้องการการพักผ่อน

สายตาที่พวกเขาใช้มองหลิ่วหานเยียนดูไม่เป็นมิตรอีกต่อไป คนผู้นี้พยายามจะทำอะไรกัน เมื่อครู่นางพยายามจะตบตีคนท้องด้วยซ้ำ นางช่างชั่วร้ายเหลือเกิน

เมื่อเฉียวเทียนช่างเห็นว่าหนิงเมิ่งเหยาสบายดี เขาจึงหันหน้าไปมองหลิ่วหานเยียน สีหน้าของเขาดำทะมึนในชั่วพริบตา “เจ้ากำลังรนหาที่ตาย”

“กรี๊ด… ข้า… เจ้ากล้าดียังไง”

หลิ่วหานรั่วที่ยืนอยู่ไกลออกไปได้ยินเสียงกรีดร้องของหลิ่วหานเยียน นางมุ่นหัวคิ้วเข้าหากันในทันที ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความไม่พอใจ ทว่าก็ยังคงเดินไปดู

“เกิดอะไรขึ้น”

เมื่อเห็นหลิ่วหานรั่ว หลิ่วหานเยียนทำท่าเหมือนเพิ่งเห็นหนทางรอดชีวิต นางคว้าเสื้อของหลิ่วหานรั่วเอาไว้ “พี่หญิง ชายผู้นี้กล้าตบหน้าข้า ท่านต้องแก้แค้นให้ข้า”

“ท่านสุภาพบุรุษ ข้าสงสัยนักว่าน้องสาวของข้าไปยั่วโมโหอะไรท่านหรือ” หลิ่วหานรั่วขมวดคิ้ว ในดวงตาของนางมีความสับสนปรากฏอยู่เมื่อเห็นรอยบวมแดงรูปฝ่ามือบนใบหน้าของหลิ่วหานเยียน

“ถอยไป”

“ท่าน… ท่านไม่ทำเกินไปหรือ” หลิ่วหานรั่วพูดกับเขาดีๆ แต่ใครจะคิดว่าเขาจะบอกให้นางถอยไป

เฉียวเทียนช่างมองหลิ่วหานรั่วอย่างเย็นชา “เกินไปหรือ เหตุใดเจ้าไม่ไปถามเอาล่ะว่าใครกันแน่ที่ทำเกินไป”

“จริงดั่งว่า นางตั้งใจจะทำร้ายหญิงท้องจริงๆ มาตอนนี้ก็กำลังโบ้ยความผิดให้ผู้อื่นอยู่ นางช่างเป็นคนไร้ยางอายยิ่งนัก” ชาวบ้านที่อยู่ด้านข้างกระซิบกระซาบกัน แต่มีเพียงคนที่มีฐานะเท่านั้นที่กล้าเอ่ยขึ้นดังๆ อย่างไม่เกรงกลัว

หลิ่วหานรั่วหันไปมองหลิ่วหานเยียน ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม “เกิดอะไรขึ้น”

“ก็นางเผลอหลับไปในงานเทศกาลชมดอกไม้จริงๆ นี่ ไม่ใช่ว่านางควรจะได้รับบทเรียนหรือ” หลิ่วหานเยียนตอบ ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกไม่มั่นใจ

ชาวบ้านที่อยู่ข้างๆ ต่างรู้สึกไม่พอใจเมื่อได้ยินสิ่งที่นางเอ่ย “นางกำลังตั้งท้องอยู่ เจ้าไม่รู้หรือว่าหญิงท้องมักจะรู้สึกง่วง อีกอย่างก็ไม่มีกฏว่าห้ามผู้ใดหลับในเทศกาลชมดอกไม้ด้วย”

“ใช่แล้ว ไม่ใช่ว่าเจ้าแค่กำลังหาเรื่องรังแกคนอื่นหรือ”

ฝูงชนส่งเสียงดังเซ็งแซ่ ทำให้หลิ่วหานรั่วรู้สึกอับอายขายหน้าอย่างที่สุด “ขอโทษพวกเขาเดี๋ยวนี้”

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

ภรรยาแม่ทัพเป็นสาวชาวบ้าน

Status: Ongoing Author:
นิยายแปลรักย้อนยุคละมุนใจ กับวิถีชีวิตสโลว์ไลฟ์ พร้อมลุ้นรักต่างชนชั้น ‘หนิงเมิ่งเหยา’ ย้อนอดีตกลับมาในยุคจีนโบราณพร้อมกับคนรักที่กำลังจะแต่งงานกัน ทว่านางกลายเป็นเด็กกำพร้าไร้ที่พึ่งพิง ในขณะที่คนรักของนางเป็นถึงซื่อจื่อ นางคิดว่าชนชั้นคงจะไม่เป็นอุปสรรคระหว่างพวกเขา แต่นางคิดผิด… เมื่อเขามาขอให้นางไปเป็นอนุภรรยา นางจึงตัดความสัมพันธ์จอมปลอมนี่ทิ้งเสีย! แล้วหนีไปตั้งต้นชีวิตใหม่อย่างสันโดษ พร้อมหาทางเป็นผู้ร่ำรวยในหมู่บ้านเล็กๆ บนเขา กระทั่งวันหนึ่ง นางพบกับ ‘เฉียวเทียนช่าง’ พรานป่าที่นางมักจะขอซื้อสัตว์ที่เขาล่าได้อยู่เสมอ ความสนิทสนมจึงค่อยๆ ก่อให้เกิดรักครั้งใหม่ แต่…เขาจะเป็นแค่พรานป่าจริงหรือ? ไม่หรอก…นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของความลับและความสัมพันธ์ของพวกเขาเท่านั้น!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset