บทที่ 395 ช่างโง่เขลานัก
หลิงหลัวรู้สึกว่าเขาไม่สามารถรอได้อีกต่อไป ยิ่งได้เห็นภาพทั้งสองใกล้ชิดสนิทสนมราวกับว่าชาตินี้คงไม่มีสิ่งใดมาพรากพวกเขาออกจากกันได้เช่นนั้น ยิ่งพอคิดถึงตอนที่หนิงเมิ่งเหยามีลูกให้กับเฉียวเทียนช่างขึ้นมา พลันหัวใจของเขาก็เอ่อล้นไปด้วยความเกลียดชังอันไม่สามารถเอ่ยออกมาเป็นคำพูดได้
หลิงอ๋องขมวดคิ้วเมื่อเห็นบุตรชายมีท่าทางเช่นนั้น ในใจรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาเล็กน้อย ยิ่งเมื่อหลังจากเห็นเปลวเพลิงซึ่งลุกโชติช่วงอยู่ในดวงตาของเขาด้วยแล้ว
เขาวางมือลงบนไหล่ของหลิงหลัว จากนั้นหลิงอ๋องจึงมองเขาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “หลัวเอ๋อร์ ตอนนี้เป็นเวลาอันแสนสำคัญของพวกเรา อย่าให้มโนคติของเจ้ามาทำให้มันพัง”
ร่างของหลิงหลัวแข็งทื่อ เขาเงียบอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงพยักหน้า
“เข้าใจแล้วขอรับ”
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของบุตรชาย หลิงอ๋องเองก็รู้ว่าเขาไม่อาจปล่อยมือจากหนิงเมิ่งเหยาไปได้ “ตราบใดที่พวกเราทำสำเร็จ เจ้าจะได้ทุกสิ่งตามที่เจ้าปรารถนา” นั่นคือประโยคเดียวที่หลิงอ๋องเอ่ยกับหลิงหลัว
ในสายตาของเขานั้น ผู้หญิงล้วนเต็มไปด้วยความละโมบและยโสโอหัง ดังนั้นตราบใดที่พวกเขาได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุด จะมีหญิงใดที่ไม่ยอมสยบอยู่แทบเท้าของพวกเขาหรือ
หลิงหลัวรู้จักหนิงเมิ่งเหยาดี นางไม่ใช่คนละโมบหรือหยิ่งยโส แต่ตอนนี้นางมีทั้งอำนาจและบารมี การที่นางจะมาสยบอยู่แทบเท้าพวกเขานั้นจึงเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
ความคิดนั้นทำให้หลิงหลัวรู้สึกกระวนกระวายใจมากเสียจนเขาค่อยๆ สูญเสียการควบคุมตัวเองไป โดยเฉพาะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับทั้งสองคนเช่นนั้น
“ท่านพ่อ ข้า..”
“มีข่าวมาจากทางฝั่งนั้น ตอนนี้เราจะผิดพลาดไม่ได้ เจ้าต้องจับเซียวจื่อเซวียนไว้ให้อยู่หมัดก่อนที่เราจะลงมือ เข้าใจไหม” ตอนนี้เซียวจื่อเซวียนเปรียบเสมือนระเบิดเวลาสำหรับหลิงอ๋อง นางอาจจะระเบิดได้ทุกเมื่อ
ความร้อนใจแล่นวาบผ่านดวงตาของหลิงหลัว “เข้าใจขอรับ แต่นางบอกว่าเซียวอ๋องรู้เรื่องนี้แล้ว และตอนนี้ก็กำลังหัวเสียมาก”
“เซียวอี้หลินรู้เรื่องแล้วรึ” หลิงอ๋องหยุดมือ เขาขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย
“ขอรับ เขารู้แล้ว แต่ข้ากำลังสงสัยว่าเขารู้ได้อย่างไร หลังจากเซียวจื่อเซวียนถูกเรียกตัวไปจวนตระกูลเซียววันนั้น ตอนที่นางกลับมา นางดูไม่เป็นตัวเองเอาเสียเลย ข้าเดาว่าน่าจะมีบางสิ่งเกิดขึ้นที่นั่น” หลิงหลัวขมวดคิ้วแน่นเมื่อนึกถึงสภาพของเซียวจื่อเซวียนในวันนั้น
หลิงอ๋องใช้มือข้างหนึ่งเคาะโต๊ะ “เราต้องสืบเรื่องนี้ให้แน่ชัด”
“รับทราบขอรับ”
ทั้งสองพูดคุยกันอยู่ในห้องหนังสืออีกพักใหญ่ หลังจากเซียวจื่อเซวียนกลับมาถึงห้องของตน นางก็ระเบิดโทสะออกมา ทำเอาข้ารับใช้ทุกคนต่างหวาดกลัวต่อภาพที่เห็นยิ่งนัก
ในเวลานั้นจวนแม่ทัพกลับยังคงมีชีวิตชีวา ช่วงพิธีแต่งงานของชิงซวงกับหนานอวี่นั้นหยางเล่อเล่อพาครอบครัวของตนมาร่วมงานด้วย หลังจากพิธีเสร็จสิ้น หยางจู้และครอบครัวของเขากลับไปแล้ว แต่หยางเล่อเล่อยังคงพักอยู่ต่อ นางวางแผนว่าจะพักอยู่ที่นี่และเที่ยวเล่นต่ออีกสักพักค่อยกลับไป
ในช่วงนั้น เหลยอันจะโผล่หน้ามาหานางทุกครั้งที่มีโอกาส
ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองนั้น หนิงเมิ่งเหยาทำราวกับว่านางกำลังรับชมละครเรื่องหนึ่งอยู่
เหลยอันรู้สึกประหม่ายิ่งนัก “พี่สะใภ้ ข้าขอร้องล่ะขอรับ ได้โปรดช่วยข้าที”
เฉียวเทียนช่างและคนอื่นๆ เพิ่งกลับมาถึงจวนตอนที่เหลยอันพุ่งตัวเข้าไปหาหนิงเมิ่งเหยา เขามองนางด้วยท่าทางน่าสงสาร ท่าทางเช่นนั้นดูราวกับว่าเขากำลังถูกนางรังแกอยู่ก็ไม่ปาน
หนิงเมิ่งเหยาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา เมื่อเห็นชายอกสามศอกอย่างเขามีสีหน้าปวดใจอยู่ตรงหน้านาง
หลังหัวเราะเสร็จ หนิงเมิ่งเหยาก็รู้สึกเคอะเขินขึ้นมา “เจ้าเป็นอะไรไป”
“พี่สะใภ้ ข้าชอบเล่อเล่อ” เหลยอันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“แล้วยังไงหรือ” หนิงเมิ่งเหยามองเหลยอันด้วยรอยยิ้มบางๆ ดูเหมือนกำลังสนุก
นางรู้ว่าช่วงนี้เวลาที่หยางเล่อเล่อออกไปข้างนอก มักจะมีชายมากหน้าหลายตาเข้ามาพยายามเกี้ยวพาราสีนางอยู่เสมอ ที่หนิงเมิ่งเหยารู้เรื่องนี้เพราะหยางเล่อเล่อเล่าให้นางฟัง อีกท้ังยังบ่นด้วยว่านางไม่ชอบเอาเสียเลย
ตอนนี้พอเห็นเหลยอันแสดงท่าทางเช่นนี้ออกมา นางก็ได้แต่คิดขึ้นมาในใจว่าอะไรที่ทำให้เหลยอันต้องเร่งรีบขนาดนี้ เมื่อดูจากนิสัยใจคอของเขาแล้ว หากไม่มีเรื่องเกิดขึ้น เขาคงไม่มีทางร้อนรนขนาดนี้แน่
“ข้าอยากแต่งกับนางขอรับ”
“เจ้าพูดจริงหรือ”
“จริงแท้แน่นอนที่สุด พี่สะใภ้ ข้าขอร้องล่ะขอรับ” เหลยอันประสานมือเข้าหากันขณะมองหนิงเมิ่งเหยาด้วยสายตาวิงวอน
“เจ้าโง่ ไปหานางแล้วบอกกับนางให้ชัดเจนเสียสิ”
เหลยอันชะงักไปชั่วขณะ แน่ล่ะ ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยพูดความรู้สึกที่ตนมีให้หยางเล่อเล่อฟังเลยสักครั้ง หลังจากคิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ เหลยอันก็หุนหันวิ่งออกไป
การกระทำของเขาทำให้หนิงเมิ่งเหยาส่ายศรีษะ นางไม่อาจกลั้นเสียงหัวเราะของตนเอาไว้ได้ นางเคยคิดว่าเขาดูเป็นผู้ใหญ่ แต่ไม่คิดเลยว่าในยามนี้เขาจะมีท่าทางประหม่าได้ถึงเพียงนี้
“เหตุใดเจ้าพวกนั้นถึงได้โง่เขลานักนะ” หนิงเมิ่งเหยาบ่นสิ่งที่นางไม่เข้าใจออกมา
บทที่ 396 การสืบสวน
เซียวจื่อเซวียนไล่ทุกคนออกไป จุดประสงค์ของนางในตอนนี้คือการแสดงละครเพื่อลากให้หนิงเมิ่งเหยามาติดกับ
เมื่อถึงเวลานั้น หนิงเมิ่งเหยาคงไม่อาจทำตัวตามอำเภอใจได้เหมือนตอนนี้อีกแน่
เซียวจื่อเซวียนเดินไปด้านข้างและมองบุตรชายอันแสนว่าง่ายของตน นางลูบแก้มของเขาแล้วยิ้มจางๆ ออกมา “มีแค่สุดที่รักของแม่คนเดียวเท่านั้นที่จะไม่มีวันทรยศแม่ และจะอยู่ข้างแม่เสมอ”
นางกอดเด็กชายในอ้อมแขนของตนอย่างนุ่มนวล เซียวจื่อเซวียนมีสีหน้าอ่อนโยน ขัดแย้งกับสีหน้าอันโหดเหี้ยมที่นางแสดงออกมาเมื่อครู่ยิ่งนัก
ขณะที่เซียวจื่อเซวียนกำลังง่วนอยู่กับการวางแผนจัดการหนิงเมิ่งเหยา นางไม่ทันได้รู้สึกตัวเลยว่าชายคนที่นางรักและเชื่อใจกำลังสืบเรื่องของนางอยู่
“เจ้าว่าอะไรนะ เซียวจื่อเซวียนไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของเซียวอี้หลินอย่างนั้นรึ” ดวงตาของหลิงหลัวเบิกกว้างอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง เขามองคนผู้หนึ่งที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของตน ในดวงตาเต็มไปด้วยความแปลกใจ
“ขอรับ เซียวอ๋องรู้เรื่องนี้เมื่อเดือนที่แล้ว แต่ไม่ได้ประกาศมันออกมาอย่างเป็นทางการขอรับ”
หลิงหลัวขมวดคิ้ว จู่ๆ เขาก็ไม่เข้าใจในตัวพ่อตาของตนขึ้นมา ในเมื่อนางไม่ใช่ลูกของเขา เหตุใดเขาจึงต้องปฏิบัติกับนางดีขนาดนั้นด้วยเล่า ไม่ใช่ว่าเขากำลังเลี้ยงดูลูกของคนอื่นอยู่หรอกหรือ
เขาจำได้ว่ามีอยู่ครั้งหนึ่งที่เซียวอ๋องอุตส่าห์มาถึงจวนตระกูลหลิงเพื่อแสดงให้หลิงหลัวเห็นว่าเซียวจื่อเซวียนเป็นบุตรสาวของตน ดังนั้นเขาจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมารังแกบุตรสาวของตนได้โดยเด็ดขาด
เป็นการกระทำอันตรงไปตรงมา ทว่าตอนนี้หลิงหลัวกลับไม่เข้าใจเอาเสียเลย
“สืบต่อไป” หลิงหลัวหรี่ตา เขารู้สึกว่ามันจะต้องเกี่ยวข้องกับการที่เซียวจื่อเซวียนไม่เป็นตัวของตัวเองอย่างแน่นอน
“ขอรับ”
หลังจากคนผู้นั้นออกไป หลิงหลัวจึงหรี่ตาลง เขาลุกขึ้นแล้วมุ่งตรงไปยังห้องของเซียวจื่อเซวียน
ตอนที่เขามาถึง นางกำลังเล่นกับลูกอยู่ เมื่อเห็นเขาเข้ามา รอยยิ้มฝืนๆ ก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง “หลัว ท่านมาหาข้าหรือ”
“อืม” หลิงหลัวเดินเข้ามา เขานั่งลงข้างๆ แล้วมองทั้งสองหยอกล้อกัน เมื่อเด็กชายหลับสนิท เขาจึงหันหน้าไปมองเซียวจื่อเซียน
“ทำไมช่วงนี้ข้าไม่เห็นเจ้ากลับไปที่จวนตระกูลเซียวเลยล่ะ” หลิงหลัวมองเซียวจื่อเซวียนขณะเอ่ยถามขึ้น
แน่นอนว่าหลังจากได้ยินคำถามของหลิงหลัวเซียวจื่อเซวียนก็มีท่าทีลนลาน ท่าทางเช่นนั้นดูราวกับว่านางกำลังกลัวว่าเขาจะรู้อะไรบางอย่างเข้า
หลิงหลัวหรี่ตาลง และครุ่นคิดขณะมองไปที่เซียวจื่อเซวียน “เซวียนเอ๋อร์ เจ้าเป็นอะไรหรือ”
เซียวจื่อเซวียนยิ้มฝืนออกมา “ไม่มีอะไรหรอก ท่านพ่อแค่โกรธข้ามากจริงๆ ที่ข้าเอาป้ายออกมา” เซียวจื่อเซวียนหลุบสายตาลงและรู้สึกหดหู่ใจ ไม่ว่าเขาจะมองมุมไหน ภาพที่เห็นก็ดูสมจริงมาก ไม่มีร่องรอยของการเสแสร้งเลยแม้แต่น้อย
ทว่าหลิงหลัวสามารถบอกได้จากดวงตาของนางว่านางยังคงลนลานอยู่
หากเขาเพียงแค่โกรธจริงๆ ก็เข้าใจได้ว่าเหตุใดนางจึงมีท่าทางหดหู่เช่นนี้ แต่เหตุใดนางจะต้องลนลานด้วย มันน่าสงสัยยิ่งนัก
“เป็นเช่นนี้นี่เอง แต่จะมีพ่อลูกคู่ไหนโกรธกันได้ข้ามวันข้ามคืนกันเล่า ท่านพ่อตาจะต้องยกโทษให้เจ้าแน่” หลิงหลัวยิ้มแล้วมองเซียวจื่อเซวียน ไม่ว่าใครจะมองอย่างไรสีหน้าอันอ่อนโยนและสายตาที่เต็มไปด้วยความรักใคร่ของเขาก็ช่างสมบูรณ์แบบยิ่งนัก
แต่เซียวจื่อเซวียนกลับรู้สึกหนักใจ นางกลัวว่าหลิงหลัวจะดูออก หากเป็นเช่นนั้น ชีวิตนางภายในจวนตระกูลหลิงคงจะตกต่ำลงอย่างถึงที่สุดเป็นแน่
หลิงหลัวไม่รู้เรื่องความกังวลและความหวาดกลัวของเซียวจื่อเซวียน เขาเพียงมองและปลอบใจนางเบาๆ ในขณะเดียวกันก็พยายามหาความจริงบางอย่างจากนางด้วย แต่ครั้งนี้เซียวจื่อเซวียนกลับปิดปากเงียบ ดูเหมือนเขาจะไม่สามารถเค้นเอาข้อมูลใดๆ มาจากนางได้อีก
เขามองเซียวจื่อเซวียนราวกับตกอยู่ในภวังค์ เมื่อเห็นท่าทางเช่นนี้ของนาง เขาคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้นในจวนตระกูลเซียวจะต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่
เซียวจื่อเซวียนตกใจเมื่อสบเข้ากับสายตาของหลิงหลัว บนใบหน้าของนางมีรอยยิ้มแปลกๆ ผุดขึ้นมา “หลัว เหตุใดท่านจึงมองข้าเช่นนี้”
หลิงหลัวยิ้มและส่ายหน้า “ไม่มีอะไรหรอก ข้าเพียงรู้สึกว่าหน้าเจ้าดูซีดๆ ไป มีอะไรผิดปกติหรือไม่”
“ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่รู้สึกว่าข้าทำให้ท่านพ่อผิดหวัง ข้าเสียใจในสิ่งที่ทำลงไป” ดวงตาของเซียวจื่อเซวียนเศร้าหมอง นางนึกถึงคำพูดของเซียวอี้หลินในตอนนั้นและรู้สึกเสียใจในการกระทำของตนยิ่งนัก หากนางไม่ทำเช่นนั้น ท่านพ่อคงไม่ปฏิบัติกับนางเช่นนี้ใช่หรือไม่
หลิงหลัวเพียงแย้มรอยยิ้มออกมาเมื่อเห็นว่านางไม่เต็มใจที่จะเอ่ยถึงเรื่องนั้น เขาดึงนางเข้าสู่อ้อมกอดก่อนปลอบโยนนางเบาๆ “อย่าเสียใจไปเลย เจ้าเป็นบุตรสาวของท่านพ่อตา เขาจะโกรธเจ้าจริงๆ ได้อย่างไร”