บทที่ 415 แสดงความรักเกินไป
บรรดาคนที่กำลังเล่นไพ่อยู่นั้นเห็นฉากของคู่รัก ก็เกิดความรู้สึกอิจฉาริษยา
“ตรงนี้มีคนอยู่มากมาย พวกเจ้าเกรงใจกันหน่อยไม่ได้หรือ” เซียวฉีเทียนตัดพ้อ
เฉียวเทียนช่างลืมตามองอีกฝ่าย ก่อนจะพูดขึ้นอย่างสุขุม “หากพวกเจ้ายังไม่ชิน ก็ปิดตาเสีย”
มุมปากของเซียวฉีเทียนกระตุก “เทียนช่าง ข้ารู้ว่าผิวหนังของเจ้าด้านหนาขึ้นหลังจากแต่งงานกับเมิ่งเหยา”
หนิงเมิ่งเหยาเลิกคิ้วขึ้น เผยให้เห็นนัยน์ตาอันน่ากลัว “เจ้าจะบอกว่าข้าทำให้เทียนช่างเสียคนเช่นนั้นหรือ”
“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้หมายความเช่นนั้น” เซียวฉีเทียนรีบส่ายหน้าปฏิเสธ หลังจากเห็นว่าครึ่งหนึ่งของคนในบ้านมองเขาอย่างกดดัน
นอกจากเซียวชวี่เฟิงและคนอีกสองสามคนแล้ว ผู้คนที่นี่ต่างเป็นฝ่ายเดียวกับหนิงเมิ่งเหยา หากเซียวฉีเทียนพยักหน้ายอมรับ ก็เท่ากับว่าเขาหาเรื่องใส่ตัว
หนิงเมิ่งเหยาฮึดฮัด ก่อนจะพูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจ “เทียนช่างเป็นคนดีที่สุด”
“ใช่แล้ว เขาดีที่สุด” เซียวฉีเทียนพูดเสียงดังอย่างไร้ทางเลือก หากเรื่องนี้ยังคงดำเนินต่อไป คนอื่นๆ คงจะจับเขาโยนออกไปเป็นแน่
เซียวชวี่เฟิงมองน้องชายที่พ่ายแพ้ให้กับหญิงสาวอย่างสำราญใจ เขาไม่คิดจะช่วยเหลืออีกฝ่ายเลย นอกจากนี้ ยังดูเหมือนเขาจะสนุกสนานที่ได้เห็นน้องชายโชคร้ายเช่นนั้นอีกด้วย
เซียวฉีเทียนอยากร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา เขากำลังยั่วยุใครกัน
ในช่วงปีใหม่นี้ จวนแม่ทัพนั้นเต็มไปด้วยชีวิตชีวา ในขณะที่จวนหลิงกลับเงียบงันอย่างยิ่ง เซียวจื่อเซวียนไม่ได้ออกไปข้างนอก และอยู่แต่ในลานบ้านของตนเอง ส่วนหลิงหลัวก็อยู่กับหลิงอ๋อง ทั้งคู่มีสีหน้าเคร่งเครียด
พวกเขาเตรียมแผนการเรียบร้อยแล้ว แต่ไม่อาจลงมือทำอะไรได้ในตอนนี้ ไม่เพียงแค่นั้น สองพ่อลูกไม่สามารถติดต่อกับหนานกงเยว่ได้เลย ทำให้พวกเขารู้สึกกดดันอย่างยิ่ง
“ท่านพ่อ เมืองหลิงเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือ”
“ข้าเองก็ไม่แน่ใจนัก ตอนนี้เราไม่สามารถติดต่อหนานกงเยว่ได้ จึงไม่มีทางติดต่อกับทางฝั่งนั้นได้เลย ไม่ว่าพวกเราจะเตรียมการไว้ดีเพียงใด ก็ไร้ประโยชน์” หลิงอ๋องก็รู้สึกหนักใจเช่นกัน ‘ทำไมมันถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้’
“ถ้าเช่นนั้น ท่านพ่อมีแผนการเช่นไรหรือ” พวกเขาต้องเตรียมการให้ดี เผื่อว่าฝั่งนั้นเกิดปัญหาขึ้น
หลิงอ๋องเงียบไปครู่ใหญ่ ก่อนมองบุตรชายอย่างจริงจัง “ข้าจะออกเดินทางไปที่นั่นด้วยตัวเอง และจะต้องไปจัดการกองทัพที่นั่นด้วย”
พวกเขาเตรียมพร้อมแล้ว ขาดแค่การดำเนินการในขั้นสุดท้าย
“ก่อนที่ข้าจะกลับมา เจ้าต้องเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบทุกอย่างในจวนตระกูลหลิง จำไว้ว่าอย่าปล่อยให้เซียวจื่อเซวียนพูดเรื่องนี้ออกไปได้ และอย่าไปยั่วยุเฉียวเทียนช่างกับคนของเขาเด็ดขาด” หลิงอ๋องเตือนอย่างระมัดระวัง
“ท่านพ่อ ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร” หลิงหลัวรู้ว่ามันคือช่วงเวลาสำคัญของพวกเขา แม้ว่าเขาจะไม่เต็มใจ แต่มันก็ไม่ใช่เวลาที่จะมาสร้างปัญหา
ตอนนี้เป็นช่วงวันหยุดเทศกาล ทำให้หลิงอ๋องไม่จำเป็นต้องไปที่วัง ดังนั้นเขาจึงปลอมตัวและเดินทางออกจากเมืองหลวงไปกับคนของเขา
เมื่อเขาออกจากเมืองหลวงไป เซียวชวี่เฟิงและคนอื่นๆ ก็รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของเขา
“ดูเหมือนว่าเขาจะทนไม่ไหวแล้ว ชวี่เฟิง พบพวกเขาแล้วหรือยัง” เฉียวเทียนช่างมองคนตรงหน้า
“ข้าไปที่นั่นและพบพวกเขาแล้ว” ในตอนที่หลิงอ๋องและคนอื่นๆ กำลังตามหาพวกเขา เซียวชวี่เฟิงได้เดินหมากนำหน้าอีกฝ่ายไปหนึ่งขั้น และมุ่งหน้าไปก่อน เขาเผยราชโองการลับในมือต่อหน้าคนเหล่านั้น และยังบอกพวกเขาอีกว่าจะมีคนนำราชโองการลับฉบับปลอมมาให้
เรื่องนี้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกโกรธเคือง หากหลิงอ๋องอยากจะขอให้พวกเขาช่วย เกรงว่าจะเป็นเรื่องยากเสียแล้ว
เฉียวเทียนช่างมองรอยยิ้มมุมปากของเซียวชวี่เฟิง ก่อนส่ายศีรษะอย่างพูดไม่ออก “เมื่อเรื่องนี้จบลง เหยาเหยาและข้าจะกลับไปอยู่ที่หมู่บ้านไป๋ซาน” หลังจากชายหนุ่มพูดจบ ทั้งสองคนก็เงียบลงไปชั่วขณะ
เซียวชวี่เฟิงอึ้ง พลางมองอีกฝ่ายอย่างตกตะลึง “เพราะเหตุใดเล่า”
“เหยาเหยาชอบที่นั่น ข้าเองก็คิดว่าที่นั่นเป็นสถานที่ที่ดีมาก นอกจากนี้ พวกเราต้องกลับไปดูโรงงานที่เพิ่งสร้างใหม่ด้วย” เมื่อเฉียวเทียนช่างคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ณ หมู่บ้านแห่งนั้น ก็ตระหนักได้ว่ามีเรื่องมากมายให้ต้องจัดการ
ชายหนุ่มไม่รู้ว่าลุงเจี่ยงจะทำตามที่สั่งหรือไม่
เซียวชวี่เฟิงส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ เขารู้สึกสับสนเมื่อเห็นว่าชายหนุ่มมีท่าทีเช่นนั้น “ข้าไม่รู้ว่าการที่เจ้าเปลี่ยนไปเช่นนี้ เป็นเรื่องดีหรือไม่”
บทที่ 416 เขาขยับตัว
เฉียวเทียนช่างเอนกายพิงพนักเก้าอี้ ก่อนยิ้มมุมปากอย่างมีความสุข
หากก่อนหน้านี้สองสามปี มีคนมาพูดกับชายหนุ่มว่า ในอนาคตชีวิตของเขาจะแปรเปลี่ยนไปตามหญิงสาวคนหนึ่งโดยที่เขาเองก็เต็มใจ เฉียวเทียนช่างอาจจะไม่เชื่อเลย แต่ตอนนี้ เขาเห็นแล้วว่ามันคือความจริง
ในสายตาของคนอื่น ชีวิตแบบนั้นอาจจะดูน่าเบื่อไปหน่อย แต่สำหรับชายหนุ่มแล้ว ชีวิตแบบนั้นกลับสุขใจอย่างไม่มีที่ใดมาเทียบได้
“ชีวิตแบบนั้นมันดีจริงๆ”
“ข้าก็คิดอย่างนั้น เจ้าคงอยู่ที่นั่นอย่างมีความสุข เห็นแบบนั้นแล้วข้ารู้สึกเหมือนเจ้าหลงระเริงอยู่ข้างนอก จนลืมบ้านและหน้าที่ของตัวเองไปแล้ว” เซียวชวี่เฟิงส่ายศีรษะและหัวเราะ
เฉียวเทียนช่างเองก็หัวเราะอย่างอดไม่ได้ “ไม่ว่าจะอยู่ที่ใด หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น ข้าก็จะอยู่เคียงข้างท่านเสมอ” พวกเขาคือพี่น้องที่เผชิญหน้ากับความเป็นความตายด้วยกัน เขาไม่ยอมให้อีกฝ่ายต้องเจอเรื่องอันตรายเพียงลำพังอย่างแน่นอน
เซียวชวี่เฟิงชะงักก่อนจะพยักหน้า “ข้าเชื่อใจเจ้า”
ชายหนุ่มทั้งสองพูดคุยกันในห้องหนังสือเป็นเวลานาน และเมื่อพวกเขาเดินออกมา ก็พบว่าคนอื่นๆ รวมถึงหนิงเมิ่งเหยายังคงเล่นไพ่อยู่ โดยตรงหน้าหญิงสาวนั้นมีตำลึงเงินวางอยู่กองใหญ่
อวี้เฟิงมองนาง ราวกับอยากจะร้องไห้แต่ไม่มีน้ำตา “เสี่ยวเหยาเอ๋อร์ ทำไมเวลาเล่นไพ่กับเจ้า แล้วพวกเราจึงแพ้ตลอดเลย” นางต้องโกงแน่ๆ
หนิงเมิ่งเหยาเลิกคิ้วขึ้น ก่อนพูดด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ “ช่วยไม่ได้ ก็ข้าดวงดีนี่”
เหมยรั่วหลินที่นั่งอยู่ข้างๆ สามีของตน ถึงกับกรอกตาอย่างรังเกียจ “สมน้ำหน้า”
“หลินเอ๋อร์ เราพูดจากันดีๆ มิได้หรือ” ไม่สำคัญว่าหนิ่งเมิ่งเหยาจะได้เงินจากเขาไปมากขนาดไหนแต่ตอนนี้เขาถูกภรรยาของตนตำหนิ
เฉียวเทียนช่างเดินมานั่งข้างๆ หนิงเมิ่งเหยา ก่อนจะโอบเอวนาง “เหนื่อยไหม”
“ไม่เหนื่อยเลย เทียนช่าง หลังจากนี้ข้าจะแบ่งเงินให้เจ้าครึ่งหนึ่ง” หนิงเมิ่งเหยาเอ่ยด้วยดวงตาเป็นประกาย
“ได้เลย”
สามีภรรยาคู่นี้แสดงความหวานต่อกัน ทำให้ผู้คนรอบข้างทำตัวไม่ถูก แต่พวกเขาต่างก็มีความสุขไปกับทั้งคู่ด้วย
พวกเขาเล่นไพ่จนถึงเที่ยงคืน เนื่องจากหนิงเมิ่งเหยานั้นกำลังเพลิดเพลิน
ในที่สุด หญิงสาวก็ง่วงนอน
“ไปเถอะ ให้พวกเขาเล่นกันต่อ ส่วนพวกเราพักผ่อนกันดีกว่า” เฉียวเทียนช่างเห็นท่าทีของภรรยา จึงเข้าไปประคองนางทันที จากนั้นจึงบอกลาหนานกงเยี่ยนและคนอื่นๆ ก่อนจะเดินเข้าบ้านไป
“ให้พวกเขานอนพักเถอะ ส่วนพวกเราก็เล่นกันต่อ” เซียวฉีเทียนตะโกนเสียงดัง
หลังจากทั้งสองกลับเข้ามาในบ้าน เฉียวเทียนช่างก็อาบน้ำให้หนิงเมิ่งเหยา และพานางเข้านอน
ชายหนุ่มวางมือลงบนหน้าท้องที่ป่องเล็กน้อยของหญิงสาว ริมฝีปากของเขาคลี่เป็นรอยยิ้ม “ลูกน้อย ข้าคือพ่อของเจ้า” จากการแนะนำของหนิงเมิ่งเหยา ตอนนี้เฉียวเทียนช่างจะพูดคุยกับเด็กในครรภ์ของนางทุกวัน
แต่วันนี้ หลังจากชายหนุ่มพูดจบ จู่ๆ มือของเขาก็รู้สึกถึงบางอย่าง
เฉียวเทียนช่างตกใจราวกับถูกฟ้าผ่า ดวงตาของเขาเบิกกว้างขณะมองที่มือของตนเองอย่างไม่อยากเชื่อ “เหยาเหยา…เขา…เขาขยับหรือ”
หนิงเมิ่งเหยารู้สึกว่าท่าทางของสามีช่างน่าขัน “ใช่ หลังจากตั้งครรภ์ได้สี่เดือน เขาจะเริ่มขยับตัว ข้าไม่คิดว่าวันนี้ลูกจะมาทักทายเจ้าเช่นนี้”
เฉียวเทียนช่างกะพริบตาอย่างตกตะลึง โดยฝ่ามือของเขายังคงวางอยู่บนหน้าท้องของนาง
“ลูกน้อย ขยับอีกครั้งสิ” ชายหนุ่มนอนบนเตียงและมองมือของตนเองขณะที่พูดอย่างอ่อนโยน
แต่ครั้งนี้ เด็กในครรภ์มิได้ขยับตัวและตอบสนองอะไร เมื่อเฉียวเทียนช่างกำลังจะเอามือออกพร้อมกับความผิดหวัง ฝ่ามือของเขาก็คล้ายกับว่าจะถูกอะไรบางอย่างกระแทก
ชายหนุ่มตื่นเต้นอย่างยิ่ง “ลูกขยับอีกแล้ว เหยาเหยา เขากำลังจะออกมาหรือ”
“ยังเร็วเกินไป ตอนนี้เพิ่งจะห้าเดือนเท่านั้น” หนิงเมิ่งเหยานอนบนเตียงและมองสามี โดยไม่รู้สึกง่วงนอนอีกต่อไป หญิงสาวไม่เคยเห็นอีกฝ่ายมีท่าทีเช่นนี้มาก่อน เมื่อนางเห็นแววตาของเขาเปล่งประกาย ก็รู้สึกแปลกใจและอบอุ่นใจไปพร้อมกัน
ในคืนนั้น เฉียวเทียนช่างนอนไม่หลับ เพราะเขารู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์
วันต่อมา หลังจากที่หนิงเมิ่งเหยาตื่นขึ้น นางก็หยิบสมุดบันทึกขึ้นมาเขียนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
หลังจากตั้งครรภ์ หญิงสาวจะจดสิ่งที่เกิดขึ้นในทุกวันจนติดเป็นนิสัย สำหรับเหตุการณ์เมื่อคืน จะทำให้ลูกน้อยรู้ว่าพ่อของเขาตั้งหน้าตั้งตารอวันที่จะเจอหน้าเขามากเพียงใด และยังตื่นเต้นอย่างมากที่รู้สึกถึงเขาได้
เฉียวเทียนช่างนั่งมองหนิงเมิ่งเหยาที่เขียนบันทึกอยู่ข้างๆ เมื่ออ่านข้อความนั้น เขาก็ถูจมูกของตนอย่างเขินอาย “ลูกชายของเราจะไม่หัวเราะเยาะข้าในอนาคตใช่ไหม”