บทที่ 473 เหลยอันอยู่ที่นี่
หนิงเมิ่งเหยาหันหน้ามองนางหลัว ก่อนจะพูดขึ้นอย่างอดไม่ได้ “ให้ชิงซวงไปรักษามือของนางเถอะ”
เฉียวเทียนช่างมิได้คัดค้าน และพยักหน้าเห็นด้วย “ตกลง หากเจ้าต้องการเช่นนั้นก็ได้”
หนิงเมิ่งเหยาเดินไปอยู่ข้างชายหนุ่ม ก่อนจะเดินกลับบ้านด้วยกันช้าๆ เมื่อมาถึงบ้าน หญิงสาวจึงบอกชิงซวงให้ไปยังบ้านของนางหลัวเพื่อรักษาแขนให้นาง
ชิงซวงอึกอักเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็ยอมไปที่นั่น
เมื่อนางหลัวเห็นว่าอีกฝ่ายมาที่บ้าน ก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที “เจ้า… เจ้ามาที่นี่ทำไมกัน”
ชิงซวงไม่ตอบ ก่อนเดินไปด้านข้างและยกแขนของนางขึ้นมาบีบ หลังจากสัมผัสแขนอยู่ครู่หนึ่ง นางก็ใช้กำลังรักษาข้อกระดูกที่หักงออยู่ ให้กลับมาเชื่อมต่อกันอีกครั้ง โดยไม่สนใจเสียงกรีดร้องของอีกฝ่ายที่เข้ามากระทบโสตประสาท จากนั้นจึงใช้ไม้กระดานเพื่อพยุงแขนข้างนั้นไว้
“กินโอสถนี้วันละสามครั้งเป็นเวลาครึ่งเดือน” หลังจากพูดจบ นางก็หันหลังเดินจากไป และเมินเฉยต่อท่าทีของนางหลัว
ผู้เป็นเจ้าของบ้านมองอีกฝ่ายเดินจากไปอย่างมึนงง และลืมความเจ็บปวดตรงแขนไปหมดสิ้น จากนั้นดวงตาของนางก็มีน้ำตาเอ่อคลอ
นางหลัวคิดมาเสมอว่าหนิงเมิ่งเหยาและคนอื่นๆ ต้องการให้นางตายจากไป แต่พวกเขากลับช่วยรักษาแขนให้นาง กลายเป็นว่า ตัวนางเองต่างหากที่เป็นนางมารร้ายมาตลอด
นางหลัวก้มหน้ามองแขนของตนอย่างรู้สึกผิด ทำไมตอนนั้นนางถึงทำเช่นนั้นกัน
ก่อนหน้านี้ที่นางหลัวก้มศีรษะยอมรับผิด เพราะต้องการจะเอาตัวรอดเท่านั้น แต่ตอนนี้ นางรู้สึกเสียใจอย่างสุดซึ้งจริงๆ
“คุณหนูเจ้าคะ ข้ารักษานางเสร็จแล้วเจ้าค่ะ และหลังจากนางพักผ่อนอีกสักระยะหนึ่ง ก็จะหายดีเองเจ้าค่ะ” ชิงซวงพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย
นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดคุณหนูจึงต้องการให้ตนรักษาหญิงผู้นั้น ‘มิใช่ว่านางสมควรได้รับบาดเจ็บหรอกหรือ’
หนิงเมิ่งเหยายิ้ม พลางส่ายศีรษะ “เจ้าไม่พอใจหรือ”
“ข้าไม่กล้าที่จะรู้สึกเช่นนั้นหรอกเจ้าค่ะ ข้าจะปฏิเสธการตัดสินใจของคุณหนูได้อย่างไรเจ้าคะ” ชิงซวงบ่นพึมพำอย่างขุ่นเคือง น้ำเสียงของนางเผยให้เห็นถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน
หนิงเมิ่งเหยามองอีกฝ่ายอย่างขบขัน “แค่สั่งสอนบทเรียนให้นางก็พอแล้ว นางน่าจะรู้ตัวแล้วว่าทำผิดไป ดังนั้นเราจึงควรจะให้โอกาสนางกลับตัว”
ตอนนี้นางหลัวเป็นผู้หญิงที่น่าสงสารและไม่มีผู้ใดให้พึ่งพิง นางหลัวไม่ได้มีจิตใจอำมหิตเหมือนกับคนในเมืองหลวง ดังนั้นหลังจากเห็นอาการของนาง หนิงเมิ่งเหยาจึงบอกให้ชิงซวงไปช่วยรักษา
ชิงซวงยังคงไม่เข้าใจ “แต่คุณหนูเจ้าคะ หากนางยังทำเรื่องเช่นนั้นอีก จะทำเช่นไรเล่าเจ้าคะ”
“หากนางไม่สำนึกกับโอกาสในครั้งนี้และยังสร้างปัญหาอีก เราก็จะให้นางรับผลกรรมและโดนลงโทษ” แต่ดูจากท่าทีของนางหลัวแล้ว นางคงจะไม่ทำเช่นนั้นอีกแล้ว
ชิงซวงได้ฟังดังนั้นก็รู้สึกพึงพอใจ หญิงผู้นั้นไม่ควรก่อเรื่องอีก หากยังสร้างปัญหาเหมือนแต่ก่อน ก็อย่ามาหาว่านางใจดำก็แล้วกัน
เมื่อหนิงเมิ่งเหยาเห็นชิงซวงแสดงท่าทีเช่นนั้น จึงส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้ “เจ้านี่นะ”
“เหยาเหยา เจ้ากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมถึงไม่บอกข้าเล่า” หนิงเมิ่งเหยากำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ในสวน จู่ๆ ใครบางคนก็วิ่งเข้ามาจากด้านนอก และเมื่อเข้ามา นางก็พูดจ้อไม่หยุด
หนิงเมิ่งเหยาหันหน้าไปมองหญิงสาวที่กำลังเหนื่อยหอบอยู่ข้างๆ “ทำไมเจ้าถึงร้อนรนขนาดนั้น ข้ามิได้หนีไปไหนเสียหน่อย” นางมองดูอาการของเด็กสาวผู้นี้ ก็รู้ได้เลยว่าอีกฝ่ายคงวิ่งมาที่นี่ทันทีที่รู้ว่านางกลับมา
“ข้าสงสัยว่าจะสามารถไปเยี่ยมเจ้าที่เมืองหลวงได้เมื่อไหร่ แต่ท่านแม่บอกข้าว่าเจ้ากลับมาได้สองสามวันแล้ว พอข้ากลับมาถึงที่นี่ ก็รีบมุ่งหน้ามาหาเจ้าทันทีเลย” หยางเล่อเล่อเอ่ยอย่างมีความสุข
หนิงเมิ่งเหยามองนางอย่างขบขัน “นั่งพักก่อนเถิด” นางเอ่ยพลางรินชาให้อีกฝ่าย
หยางเล่อเล่อยกถ้วยชาขึ้นมาจิบ ก่อนจะมองสวนหย่อมแล้วทำเสียงเดาะลิ้น “บ้านหลังนี้ช่างสวยงามจริงๆ ”
“บ้านของเจ้าก็งดงามเช่นกันมิใช่หรือ” นอกจากบ้านของนางแล้ว บ้านของหยางเล่อเล่อก็ถือได้ว่าเป็นหลังที่โดดเด่นมากหลังหนึ่ง
หยางเล่อเล่อหัวเราะคิกคัก “แม้ว่าในตอนนี้ บ้านหลังนั้นจะสวยดี แต่ก็ยังต้องปรับปรุงใหม่ ข้ากำลังปรึกษากับท่านพ่อและท่านแม่ ว่าจะรื้อและสร้างมันใหม่” หญิงสาวมีความสุขอย่างยิ่ง นอกจากนี้นางวางแผนว่าจะสร้างห้องหนังสือให้กับหลานชายของตนอีกด้วย
หยางเล่อเล่อเล่าเรื่องราวต่างๆ ให้หนิงเมิ่งเหยาฟัง โดยที่เฉียวเทียนช่างมิได้ขัดบทสนทนาของพวกนาง เขาลุกขึ้นและไปที่โรงงานแทน
หลังจากรับฟังว่าอีกฝ่ายพบเจอเหตุการณ์อะไรมาบ้าง หนิงเมิ่งเหยาก็มองอีกฝ่าย ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง “เหลยอันอยู่ที่นี่”
บทที่ 474 ความรักอยู่เหนือมิตรภาพ
หยางเล่อเล่อตัวแข็งเกร็ง และรู้สึกสับสนเล็กน้อย “เขาบอกหรือไม่ว่า…มาที่นี่ทำไม”
“เขาบอกว่าหลังจากสงครามจบลง เขาก็รีบกลับมาที่นี่เพราะกลัวว่าจะมีคนมาแย่งชิงเจ้าสาวของเขา หากเป็นเช่นนั้น เขาคงเสียใจอย่างมาก ดังนั้นในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา เขาจึงอยู่ในโรงงาน” หนิงเมิ่งเหยามองอีกฝ่ายอย่างหยอกเย้า ทำให้นางรู้สึกเขินอาย
“เหยาเหยา ข้า…ไม่ได้หมายความเช่นนั้น” หยางเล่อเล่อหน้าแดง พร้อมทั้งรู้สึกสุขใจ
“เอาเถอะ ข้าเป็นเพื่อนสนิทของเจ้ามิใช่หรือ จริงๆ แล้ว เหลยอันก็เป็นคนดี และเจ้าก็โตเป็นผู้ใหญ่แล้ว หากจะแต่งงานกันก็เป็นเรื่องที่ดีไม่น้อย ป้าหยางและคนอื่นๆ จะได้หายห่วง” เมื่อหยางเล่อเล่อกลับมา นางหยางก็เป็นกังวล เพราะคนนอกมักพูดจาเกี่ยวกับลูกสาวไม่ดีนัก
นางหยางรู้ว่าพวกเขาอิจฉา แต่ก็อดรู้สึกหงุดหงิดใจไม่ได้
หยางเล่อเล่อผงกศีรษะ “ข้ารู้ ทุกครั้งที่ข้ากลับบ้าน ท่านแม่มักจะถามตลอดว่าเมื่อไหร่ข้าจะแต่งงาน จนบางครั้ง ข้าก็ไม่อยากจะกลับบ้านเลย” ในใจของหญิงสาวมีเพียงแต่เหลยอัน นางจึงไม่อยากแต่งงานกับชายอื่น และไม่ยอมโดนจับคลุมถุงชนด้วย
หนิงเมิ่งเหยายื่นมือไปตบไหล่ของหยางเล่อเล่อ
“ดีเลย ตอนนี้เจ้าก็สามารถตัดสินใจเรื่องนี้กันได้แล้ว”
“คือ…ถึงแม้ว่าข้าจะเห็นด้วย แต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรหรอก” หยางเล่อเล่อเอ่ยด้วยความเขินอาย
ในโรงงาน เฉียวเทียนช่างพบกับเหลยอัน จึงเอ่ยขึ้นอย่างสุขุม
“หยางเล่อเล่อกลับมาแล้ว”
เหลยอันที่กำลังช่วยยกแผ่นไม้อยู่นั้น เผลอทำมันหลุดจากมือ “นายท่านพูดจริงหรือขอรับ”
“โอ๊ย ให้ตายเถอะ เหลยอัน อย่างน้อยก็ช่วยบอกข้าหน่อยได้ไหม มันหล่นใส่เท้าข้า” ชายอีกคนกุมเท้าของตนไว้ และพูดขึ้นอย่างฉุนเฉียว
เฉียวเทียนช่างหรี่ตามองเหลยอัน “ตอนนี้นางกำลังพูดคุยกับเหยาเหยาอยู่ หากเจ้าจริงจังกับนาง ก็ควรจะบอกให้นางรู้ก่อน แล้วค่อยไปหาลุงหยางและคนอื่นๆ “
“ไม่ต้องเป็นห่วงขอรับ นายท่าน ข้าจะรีบไปเดี๋ยวนี้เลย” หลังจากพูดจบ เขาก็จากไปในทันที
“เหลยอัน ไอ้สหายชั่ว เจ้าเห็นคนรักอยู่เหนือมิตรภาพ” ชายที่เท้าเจ็บร้องตะโกนอย่างโกรธเคือง
เขาเคยเป็นคู่หูกับเหลยอัน แต่หลังจากที่ได้รับบาดเจ็บที่แขน เขาจึงกลับมาที่บ้าน แม้ว่าพ่อแม่และภรรยาจะดูแลเขาอย่างดี แต่ชายผู้นี้ก็ยังรู้สึกผิดที่ไม่สามารถมอบชีวิตที่ดีให้กับครอบครัวได้
แต่ตอนนี้ ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นมาก ตระกูลของเขาอยู่กันอย่างมีความสุข และพ่อแม่ของเขาก็มีสิ่งต่างๆ ให้ทำอีกด้วย
“เอาเถอะ เดี๋ยวข้าจะช่วยเจ้ายกเอง” เฉียวเทียนช่างส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ ก่อนจะออกแรงยกไม้แผ่นนั้นขึ้น
ชายผู้นั้นจับจมูกและหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเดินตามหลังเขาไป
ตอนที่เหลยอันรีบวิ่งมา หยางเล่อเล่อยังคงพูดคุยอยู่กับหนิงเมิ่งเหยา เขาจึงเดินเข้าไปใกล้ๆ ก่อนจะพูดว่า “พี่สะใภ้ ข้าขอคุยกับเล่อเล่อสักครู่เถิด” หลังจากนั้น เขาก็ลากคนออกไป โดยไม่รอให้นางตอบอะไร
หนิงเมิ่งเหยาอึ้ง ก่อนจะได้สติอีกครั้ง หลังจากที่ทั้งคู่จากไปแล้ว “เจ้าเหลยอันคนนี้นี่”
เหลยอันพาหยางเล่อเล่อไปตรงเชิงเขา และมองนางอย่างจริงจัง “เล่อเล่อ แต่งงานกับข้าเถิด ข้าจะดูแลเจ้าอย่างดีให้เหมือนกับที่นายท่านดูแลพี่สะใภ้เลย”
หยางเล่อเล่อมองหน้าเขาอย่างเขินอาย ก่อนจะพยักหน้ารับ “ตกลง”
“จริงหรือ เจ้าตอบตกลงหรือ”
“ใช่ แต่ข้าไม่รู้ว่าท่านพ่อกับท่านแม่จะยินยอมหรือไม่” หยางเล่อเล่อเอ่ยอย่างไร้เดียงสา
“ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเอง เจ้ากลับไปคุยกับพี่สะใภ้ต่อเถิด ข้าจะไปหาท่านลุงหยางและท่านป้าหยางก่อน” เมื่อเขาพูดจบ ก็รีบวิ่งออกไปด้วยความคึกคัก
หยางเล่อเล่อพูดไม่ออกขณะมองชายหนุ่มวิ่งฉิวไปกับสายลม
หลังจากนั้นครู่หนึ่ง หยางเล่อเล่อก็เดินกลับมาตามลำพัง หนิงเมิ่งเหยาเห็นดังนั้นจึงแปลกใจ “ทำไมเจ้าจึงกลับมาคนเดียวเล่า เหลยอันไปไหนหรือ”
“เขาไปหาพ่อแม่ของข้า” หยางเล่อเล่อตอบด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
เมื่อหนิงเมิ่งเหยาได้ฟังคำตอบ ก็หลุดหัวเราะออกมาในทันใด เหลยอันทนรอเวลาไม่ได้เลย
หลังจากที่เหลยอันมาถึงบ้านของหยางเล่อเล่อ เขาก็รู้สึกเขินเล็กน้อย
“เหลยอัน เจ้ามาถึงแล้ว เหตุใดจึงไม่เข้ามาเล่า ยืนอยู่ข้างนอกทำไมกัน” หยางจู้สังเกตเห็นชายหนุ่มยืนอยู่ตรงทางเข้า
เหลยอันลูบจมูกของตน ก่อนจะเดินเข้ามาอย่างเขินอาย
“คารวะ ท่านลุงหยาง ข้ามาที่นี่วันนี้ เพราะมีเรื่องอยากจะปรึกษากับพวกท่านทุกคน” เหลยอันครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“พูดมาเถิด”
“ท่านลุง ข้าชอบเล่อเล่อ และหวังว่าทุกท่านจะอนุญาตให้นางแต่งงานกับข้า”
หลังจากที่พูดจบ เหลยอันก็รู้สึกกังวลขึ้นมา เพราะกลัวว่าหยางจู้และคนอื่นๆ จะไม่เห็นด้วย