บทที่ 477 เด็กทารกตัวนุ่ม
ท่านยายฉินตรวจอาการของหนิงเมิ่งเหยา และพบว่ายังไม่สามารถคลอดได้ “ต้องอดทนไว้ก่อนเจ้าค่ะ”
“ท่านยาย ข้าไม่อยากจะคลอดแล้ว ข้าเจ็บเหลือเกิน โอ๊ย!” หนิงเมิ่งเหยากรีดร้อง เพราะไม่อาจทนทานต่อการบีบรัดตัวของมดลูกได้
เฉียวเทียนช่างเพิ่งเดินเข้ามาพร้อมกับอาหาร เขารู้สึกทุกข์ใจมากเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องของภรรยา
ชายหนุ่มวางอาหารลงด้านข้างก่อนจะยื่นมือไปจับนาง
“เหยาเหยา ข้าอยู่นี่แล้ว”
“ข้าไม่อยากคลอดแล้ว”
“ได้ ไม่ต้องคลอดแล้ว ในอนาคตเจ้าไม่ต้องคลอดแล้ว” เฉียวเทียนช่างรู้สึกเป็นทุกข์เมื่อมองใบหน้าอันซีดเผือดของหญิงสาว เขาเสียใจที่ทำให้นางตั้งครรภ์
เมื่อได้ยินคู่สามีภรรยาพูดจาเช่นนั้นได้อย่างเต็มปากเต็มคำ ท่านยายฉินก็ถึงกับหนังตากระตุก ทั้งสองคนรู้ตัวหรือไม่ว่าตนเองกำลังเอ่ยอะไรออกมา พวกเขาคิดจะหยุดการคลอดลูกได้ด้วยคำพูดเช่นนั้นหรือ
“นายน้อย ป้อนอาหารให้คุณหนูก่อนเถิดแล้วท่านค่อยออกไปรอด้านนอกนะเจ้าคะ”
เฉียวเทียนช่างเตรียมบะหมี่ไข่มาให้หนิงเมิ่งเหยา ก่อนจะค่อยๆ ป้อน แต่หญิงสาวกลับกินได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะยังรู้สึกเจ็บปวดอยู่
“ท่านยาย…” หลังจากกินไปได้เพียงครึ่งหนึ่ง หนิงเมิ่งเหยาก็ไม่อาจทนได้อีกต่อไป
ท่านยายฉินมองดู และพบว่าน่าจะถึงเวลาแล้ว นางจึงผลักเฉียวเทียนช่างออกไป “นายน้อยออกไปก่อนเถิดเจ้าค่ะ ข้าและชิงซวงอยู่ที่นี่สองคนก็พอแล้ว”
“ท่านยาย ให้ข้าอยู่ด้านหลังด้วยเถอะ” ชายหนุ่มมองคนรักและพูดอย่างร้อนรน
“ไม่ได้เจ้าค่ะ ห้องคลอดไม่ใช่ที่สำหรับผู้ชาย นายน้อยรีบออกไปเสียเถิด มิเช่นนั้นคุณหนูจะเสียสมาธินะเจ้าคะ” ท่านยายฉินปฏิเสธทันที แม้รู้ดีว่าทั้งสองคนมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน แต่ในกรณีนี้ยังไงก็ไม่ได้
หลังจากที่เฉียวเทียนช่างออกไป ท่านยายและชิงซวงก็เริ่มวุ่นวายกับการทำคลอด
ชายหนุ่มเดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้องอย่างใจจดใจจ่อ
ครอบครัวของหยางจู้ได้ยินข่าวจึงรีบมุ่งหน้ามาหา และเมื่อเห็นท่าทีกระวนกระวายใจขอเฉียวเทียนช่าง พวกเขาจึงได้แต่พูดปลอมประโลม “หญิงสาวที่คลอดบุตรก็เป็นเช่นนี้แหละ”
“ใช่ เทียนช่าง ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลเลย”
หลังจากได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากด้านใน หยางเล่อเล่อก็รู้สึกสะท้านถึงหัวใจเพราะมันช่างฟังดูเจ็บปวด
ตอนนี้เฉียวเทียนช่างไม่ได้ยินคำปลอบโยนใดๆ เขาจ้องมองประตูห้องที่ปิดสนิทตรงหน้าอย่างใจจดใจจ่อ
ผ่านไปหนึ่งชั่วยาม ก็มีเสียงเด็กร้องไห้ดังมาจากด้านใน และเสียงของหนิงเมิ่งเหยาก็ค่อยๆ แผ่วลง แต่ทว่าเฉียวเทียนช่างกลับสงบไม่ลงแม้แต่น้อย
เขาผลักประตูเข้าไปด้านใน ท่านยายที่อยู่ในนั้นจึงเอ่ยขึ้น “พวกเรากำลังล้างตัวให้คุณหนูอยู่เจ้าค่ะ นายท่านอย่าได้วิตกกังวลไป”
เฉียวเทียนช่างจะไม่กังวลใจได้อย่างไรกัน “เหยาเหยาเป็นอย่างไรบ้าง ปลอดภัยดีหรือไม่ ทำไมนางจึงเงียบไป”
“คุณหนูผล็อยหลับไปเพราะความอ่อนล้าเจ้าค่ะ” ท่านยายฉินตอบ พลางเช็ดตัวให้กับหนิงเมิ่งเหยา โดยมีชิงซวงกำลังล้างตัวให้กับเด็กทารกอยู่ด้านล่าง
เขาเป็นเด็กผู้ชายผมหนา ผิวของเขาแดงและมีรอยย่นเล็กน้อย หากเปรียบเทียบกับเด็กคนอื่นๆ ลูกของนายน้อยนั้นถือว่าดูดีกว่ามากเลยทีเดียว
“อุ้มนายน้อยเล็กไปให้นายน้อยดูสิ เขาจะได้เลิกกังวลใจเสียที” ท่านยายฉินได้ยินเสียงดังจากด้านนอก จึงเอ่ยขึ้นอย่างไม่มีทางเลือก
ชิงซวงผงกศีรษะและปิดปากหัวเราะเบาๆ
หลังจากคลุมตัวเด็กทารกด้วยผ้าสำลีเสร็จ นางจึงอุ้มเขาออกไป “นายน้อย นี่คือนายน้อยเล็กเจ้าค่ะ”
เฉียวเทียนช่างมองลูกชายที่หน้าตาคล้ายกับลิงตัวน้อย
“ข้าจะเข้าไปดูด้านใน” ชายหนุ่มพูด พลางผลักประตูเข้าไปด้านในโดยไม่สนใจทารกน้อย
ชิงซวงมองเด็กทารกในอ้อมแขนอย่างหมดคำพูด “นายน้อยเล็กเพิ่งจะเกิด แต่กลับโดนเมินเฉยเสียแล้วหรือ”
ท่านยายฉินเช็ดตัวให้หนิงเมิ่งเหยาเสร็จ ก็หันไปเห็นเฉียวเทียนช่าง นางจึงสะดุ้งด้วยความตกใจ “นายท่าน เข้ามาได้อย่างไรกันเจ้าคะ ที่นี่เต็มไปด้วยเลือด เดี๋ยวจะโชคร้ายเอานะเจ้าคะ”
“ข้าไม่เชื่อเรื่องแบบนั้นหรอก ข้าเพียงอยากจะมาดูอาการของเหยาเหยาเท่านั้น” เฉียวเทียนช่างไม่สนใจเรื่องอื่นๆ ก่อนจะมองภรรยาที่กำลังนอนหลับอยู่บนเตียงอย่างไม่สบายใจ
ในขณะนั้น ใบหน้าของหนิงเมิ่งเหยาดูซีดเซียว หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่อ ผมนั้นเปียกโชกและปรกแก้มของนาง
ชายหนุ่มยื่นมือไปสางผมให้หญิงสาว เมื่อเห็นว่านางปลอดภัยดีจึงรู้สึกโล่งใจขึ้น
ชิงซวงอุ้มเด็กทารกเข้ามาและเอ่ยขึ้นอย่างอดไม่ได้ “นายน้อยเจ้าคะ ท่านควรจะมาดูนายน้อยเล็กด้วยนะเจ้าคะ”
เฉียวเทียนช่างเอื้อมมืออันสั่นเทาของตนออกไปอุ้มเด็กน้อยมาแนบตรงอก “นี่คือลูกของข้า”
ชายหนุ่มก้มหน้าลงมอง ก่อนจะเห็นว่าเจ้าตัวน้อยกำลังลืมตาขึ้น ดวงตาทั้งคู่ช่างเหมือนกับดวงตาของหนิงเมิ่งเหยาไม่มีผิด
เด็กน้อยมองดูเฉียวเทียนช่าง ชายหนุ่มเองก็กำลังมองดูเขาอยู่เช่นกัน พ่อลูกคู่นี้ต่างกำลังจ้องมองกันและกัน
บทที่ 478 เจ้าลิงน้อย
จนในที่สุด ทารกน้อยก็หาวก่อนจะหลับตาลง
ท่าทีอันน่ารักน่าเอ็นดูของลูกชายทำให้เฉียวเทียนช่างถึงกับใจละลาย ชายหนุ่มก้มหน้าไปหอมแก้มเขา ก่อนจะวางเด็กน้อยลงบนเตียงข้างๆ กับหนิงเมิ่งเหยาที่กำลังหลับใหล
“พวกเจ้าอุ้มเด็กไป ส่วนข้าจะอุ้มเหยาเหยาไปห้องข้างๆ ” หากหญิงสาวตื่นขึ้นมา ก็คงไม่อยากจะอยู่ในห้องที่เต็มไปด้วยเลือดเช่นนี้แน่
“เจ้าค่ะ” จากนั้นเฉียวเทียนช่างจึงอุ้มหนิงเมิ่งเหยาไปอีกห้องหนึ่ง เมื่อหยางเล่อเล่อและคนอื่นๆ เห็นหญิงสาวกำลังหลับ พวกเขาจึงรู้สึกสบายใจขึ้น
เฉียวเทียนช่างประกาศข่าวดีให้คนอื่นๆ รู้ตามธรรมเนียมว่าเด็กน้อยคลอดแล้ว จากนั้นข่าวนี้ก็กระจายไปทั่ว
หลังจากเซียวฉีเทียนและภรรยารู้ข่าว พวกเขาก็รีบหาซื้อข้าวของราคาแพงและมุ่งหน้ามาที่นี่ทันที เช่นเดียวกับหนานกงเยี่ยนที่พอรู้ว่าหลานคลอดแล้ว ก็รีบนำสิ่งของดีๆ มากมายจากจวนของตนไปให้ พร้อมกับเรียกหัวหน้าข้ารับใช้ให้ติดตามเขาไปด้วย ส่วนเหมยรั่วหลินและสามี รวมถึงมู่เฉินและซือถูเซวียนเองก็เดินทางมาหาทั้งคู่ด้วยเช่นกัน
หนิงเมิ่งเหยาตื่นขึ้นมาพร้อมกับรู้สึกปวดร้าวไปทั้งตัว แต่ก็ผ่อนคลายขึ้นกว่าเดิม นางหันไปมองเด็กทารกตัวน้อยที่ยังคงมีผิวสีแดงระเรื่อและยังมีรอยย่นอยู่เล็กน้อย “ช่างเหมือนกับลิงตัวน้อยเสียจริง” หนิงเมิ่งเหยาพึมพำเบาๆ
เฉียวเทียนช่างนำแกงจืดเข้ามาให้ และเห็นว่าภรรยาเพิ่งตื่นนอนพอดี “เหยาเหยาตื่นแล้วหรือ รีบมาจิบน้ำแกงก่อนเถิด”
“เทียนช่าง เรียกลูกของเราว่าเจ้าลิงน้อยเถอะ ดูหน้าแดงๆ และรอยย่นของเขาสิ ช่างเหมือนกับลิงน้อยไม่มีผิด” หนิงเมิ่งเหยามองสามีและเอ่ยขึ้นอย่างจริงจัง
แต่ทว่าสีหน้าของเฉียวเทียนช่างกลับดูบึ้งตึง ลูกชายของเขาช่างน่ารักน่าเอ็นดู แล้วจะเป็นลิงน้อยได้อย่างไรกัน
“ไม่มีทาง ลูกชายของเราหน้าตาน่ารักจะตาย เขาไม่เหมือนลิงน้อยสักหน่อย” ชายหนุ่มพูดพลางขมวดคิ้ว
“ข้าไม่สน ข้าจะเรียกเขาว่าเจ้าลิงน้อย” หนิงเมิ่งเหยาตัดสินใจว่าจะเรียกลูกชายเช่นนั้น
เฉียวเทียนช่างไม่สามารถทำอะไรได้ เขาจึงหยิกแก้มของภรรยาเป็นการลงโทษ “มาดื่มน้ำแกงก่อนเถิด”
หลังจากที่หญิงสาวจิบน้ำแกงไปสองสามคำ ก็ยิ้มแหยและเอ่ยขึ้นว่า “เทียนช่าง ทำไมมันถึงไม่มีรสชาติเลย”
เขายื่นมือไปลูบไล้แก้มของนาง และตอบกลับด้วยรอยยิ้ม “ท่านยายบอกว่าเจ้าไม่ควรกินอาหารรสชาติจัดในช่วงอยู่ไฟ และจะสามารถกินอย่างอื่นได้หลังจากผ่านช่วงนี้ไปแล้วเท่านั้น เจ้าก็เชื่อฟังเถอะ”
หนิงเมิ่งเหยาพูดไม่ออก แต่นางไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากดื่มน้ำแกงที่จืดชืดไร้รสชาติ
เมื่อนางดื่มน้ำแกงจนหมด ลูกน้อยก็ตื่นขึ้นพอดี เผยให้เห็นดวงตาสีเข้มอันสดใส
เมื่อหนิงเมิ่งเหยาเห็นว่าลูกชายทำตัวน่ารัก ก็รู้สึกใจละลาย ก่อนจะยื่นมือไปอุ้มเขาขึ้นมา “เจ้าลิงน้อย”
“เด็กคนนั้นชื่อว่าเฉียวโม่ซาง” เฉียวเทียนช่างเอ่ย
“ได้ เราตกลงกันไปแล้วก่อนหน้านี้”
ชายหนุ่มนั่งข้างๆ หญิงสาว และมองดูเด็กทารกในอ้อมแขนของนาง แต่แล้วจู่ๆ เด็กน้อยก็ทำหน้ามุ่ยและดูราวกับกำลังรู้สึกอึดอัดอยู่
“เขาเป็นอะไร” เมื่อเฉียวเทียนช่างเห็นลูกชายทำหน้าตาบึ้งตึงก็ไม่อาจนิ่งเฉยอยู่ได้
“เขาอาจจะขับถ่าย”
“ข้าจะช่วยดูให้เอง” เฉียวเทียนช่างอุ้มลูกมานอนบนเตียง ก่อนจะเปิดผ้าสำลีออกและพบว่าเด็กน้อยปัสสาวะใส่ผ้าผืนนั้น
ชายหนุ่มเอาน้ำอุ่นมาทำความสะอาดให้เด็กน้อย ก่อนจะสวมผ้าอ้อมผืนใหม่ให้ จากนั้นก็ส่งเขาคืนสู่อ้อมกอดของผู้เป็นแม่
หนิงเมิ่งเหยามองเฉียวเทียนช่างอย่างประหลาดใจ “เจ้ารู้วิธีเปลี่ยนผ้าอ้อมได้อย่างไรกัน” หากมองข้ามอาการสั่นเกร็ง ก็ถือได้ว่าเขาเปลี่ยนมันได้อย่างช่ำชองทีเดียว
“ข้าเห็นท่านยายทำเช่นนั้น” เฉียวเทียนช่างลูบจมูก “เจ้ายังอยู่ในช่วงอยู่ไฟ ให้ข้าช่วยดูแลลูกเถอะ”
“ตกลง”
หลังจากนั้นเพียงครู่เดียว เด็กทารกก็เริ่มร้องไห้อีก ดูเหมือนว่าครั้งนี้เขาจะหิว
หนิงเมิ่งเหยากอดเด็กน้อยแนบอก ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อของตนเพื่อให้นมลูก แต่เมื่อเฉียวเทียนช่างอยู่ข้างๆ นางก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย
ในตอนแรก เด็กทารกมีอาการฉุนเฉียวเล็กน้อย เพราะไม่อาจดูดนมได้ แต่หลังจากนั้น เขาก็ค่อยๆ ดูดนมไปเรื่อยๆ
เฉียวเทียนช่างเฝ้าดูอยู่ด้านข้างและรู้สึกเจ็บปวดอยู่ลึกๆ ราวกับว่าตอนนี้มีชายคนหนึ่งกำลังแทะโลมตรงหน้าอกของหญิงคนรัก มันมากเกินไปจริงๆ
โชคดีที่หนิงเมิ่งเหยาไม่รู้ว่าชายหนุ่มกำลังคิดอะไร มิเช่นนั้นนางคงจะตบหน้าเขาไปแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน เด็กทารกก็อิ่ม ผู้เป็นแม่ใช้ผ้าเช็ดปากให้ลูกน้อย ก่อนจะวางลูกที่หลับใหลอยู่ลงบนเตียง
ในช่วงบ่ายของวันต่อมา เซียวฉีเทียนและภรรยาก็มาถึง ทันทีที่ทั้งสองเจอเฉียวเทียนช่าง ก็รีบยิงคำถามใส่ทันที “เป็นเด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง”