บทที่ 123 บอกเล่าสาเหตุ
อันที่จริงหนิงเมิ่งเหยาไม่ได้ทำอะไรมาก นางแค่ช่วยพวกเขาสร้างอาชีพ และช่วยนางหยางหาหมอฝีมือดีมาก็แค่นั้น หนิงเมิ่งเหยาเพียงแค่ช่วยเรื่องการเงินเท่านั้น แต่พวกเขากลับมอบความสุขทางใจให้นางยิ่งนัก แล้วนางจะไม่รู้สึกประทับใจได้อย่างไรกันเล่า?
“ใช่แล้ว นี่ไม่ใช่ความผิดของเจ้า”
หนิงเมิ่งเหยาพยักหน้า “ป้าหยาง ช่วงนี้มีคนจากตระกูลของหยางซิ่วเอ๋อร์มาถามท่านบ้างไหมว่าเล่อเล่อไปไหน?”
นางหยางขมวดคิ้วก่อนพยักหน้า “มีสิ ครั้งหนึ่งกระมัง นางหลัวมาถามข้าเมื่อวันก่อน”
หนิงเมิ่งเหยานิ่วหน้า เช่นนั้นก็คงไม่น่าแปลกใจนักถ้าพวกเขาจะรู้ว่าเล่อเล่อจะใช้เส้นทางไหนในการเดินทาง แล้วก็ไปดักรอนางที่นั่น
“เหยาเหยา เจ้าถามเรื่องนี้ทำไมหรือ?” หยางเล่อเล่อมองนางแปลกๆ ก่อนถามขึ้นด้วยความสงสัย
นางถอนหายใจ หนิงเมิ่งเหยามองตระกูลของหยางเล่อเล่ออย่างเสียมิได้ “เหตุร้ายในครั้งนี้มีบางอย่างเกี่ยวข้องกับหยางซิ่วเอ๋อร์”
“อะไรนะ?”
“เป็นไปไม่ได้หรอก ใช่ไหม?”
หนิงเมิ่งเหยายิ้มอย่างขมขื่น แรกๆ นางเองก็ไม่อยากจะเชื่อเช่นกัน ในตอนแรกนั้นมันเป็นเพียงแค่การสันนิษฐาน แต่คำพูดของนางหยางก็ช่วยทำให้ทุกอย่างกระจ่างขึ้น
“เป็นความจริง ช่วงนี้สถานะทางการเงินในตระกูลของหยางซิ่วเอ๋อร์ดีขึ้นมาก จริงๆ ก็คือช่วงก่อนที่เล่อเล่อจะโดนปล้นนั้น หยางซิ่วเอ๋อร์ไปพบใครบางคนในตัวเมืองมา หลังจากนั้น ชีวิตของคนทั้งตระกูลนางก็เปลี่ยนไป” หนิงเมิ่งเหยาเองก็ไม่อยากคิดในแง่ร้ายว่าชาวบ้านอย่างพวกเขานั้นใช้ชีวิตกันอย่างไม่สุจริตเช่นนี้
แต่หยางจู้และภรรยาของเขาไม่ได้โง่ พวกเขาพอจะนึกภาพโดยฟังจากสิ่งที่หนิงเมิ่งเหยากล่าวออกมาได้
พวกเขารู้ว่านางหลัวนั้นเปลี่ยนไปอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา นางมักจะโผล่มาในหมู่บ้าน และพูดจาโอ้อวดว่าเสื้อผ้าของตนนั้นสวยงามขนาดไหน นางถึงขนาดอวดเรื่องปิ่นปักผมของตนเสียด้วยซ้ำ ซึ่งนั้นทำให้หลายๆ คนไม่พอใจ
ในเวลาน้ัน หลายคนล้วนแต่สงสัยว่าฐานะของตระกูลนางหลัวนั้นดีขึ้นมากถึงเพียงนี้ได้เช่นไร แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าสาเหตุจะชัดเจนแล้ว
“ข้าจะไม่ปล่อยหยางซิ่วเอ๋อร์ไปแน่” หยางจู้พูดอย่างเกรี้ยวกราด
หนิงเมิ่งเหยารั้งหยางจู้ไม่ให้ออกไปอย่างรวดเร็ว ก่อนรีบพูดขึ้น “ลุงหยาง ให้ข้าจัดการเรื่องนี้เถอะ ตอนนี้มันยังไม่ถึงเวลา” หากพวกเขาไปเผชิญหน้ากับหยางซิ่วเอ๋อร์เอาตอนนี้ นางก็มีแต่จะกล่าวปฏิเสธว่าตนไม่รู้เห็นในสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน และคงบอกว่าพวกเขารังแกนาง หากพวกเขาไม่มีหลักฐาน ผลลัพธ์ที่ได้คงจะออกมาไม่ดีนัก
หยางจู้มองหนิงเมิ่งเหยา ก่อนหันไปหาลูกสาวของตน ในฐานะหัวหน้าหมู่บ้าน เขารู้สึกทุกข์ใจยิ่งนักเพราะตนไม่สามารถปกป้องลูกตัวเองได้เลย
“ท่านพ่อ อย่ากังวลไปเลย เหยาเหยาจะต้องช่วยพวกเราได้แน่” หยางเล่อเล่อสังเกตเห็นว่าบิดาของตนนั้นหมดสิ้นคำพูด นางจึงรีบปลอบเขา
หากตัดสินจากสถานะของหนิงเมิ่งเหยาแล้ว เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายนั้นคงเป็นใครสักคนซึ่งมีฐานะสูงส่งอย่างไม่ต้องสงสัย สมาชิกในตระกูลหยางนั้นล้วนแต่เป็นชาวบ้านธรรมดาๆ พูดเช่นนี้อาจจะเป็นการเห็นแก่ตัว แต่อย่างไรเสียมันก็เป็นความจริง
ถ้าหยางซิ่วเอ๋อร์มีความเกี่ยวพันบางอย่างกับคนเหล่านั้นจริงๆ นั่นก็คงไม่ใช่สิ่งที่พวกเขาจะสามารถจัดการได้ด้วยตัวเอง
สิ่งเดียวที่พวกเขาสามารถทำได้ตอนนี้มีเพียงการรอคอย และดูสถานการณ์ การเข้าพบคนที่รวยปานนั้นจะง่ายขนาดนั้นเชียวหรือ มันอันตรายเกินไป
“เช่นนั้น เมิ่งเหยา ข้าคงจำเป็นต้องรบกวนเจ้าเรื่องนี้เสียแล้ว”
“ลุงหยาง อย่าห่วงเลย ข้าจะแก้แค้นให้เล่อเล่อเอง” หนิงเมิ่งเหยามองพวกเขา และกล่าวคำมั่นสัญญาอย่างเย็นชา
หยางจู้ยิ้มพลางพยักหน้า เขาพอใจแล้ว
หนิงเมิ่งเหยาอยู่กับหยางเล่อเล่อต่ออีกครู่หนึ่งก่อนกลับไป
ระหว่างทางกลับบ้าน หนิงเมิ่งเหยาเจอหยางซิ่วเอ๋อร์ในหมู่บ้าน เมื่อหยางซิ่วเอ๋อร์สังเกตเห็นนาง นางก็เดินมาหยุดตรงหน้า นางมองใบหน้าอันสวยงามของหนิงเมิ่งเหยาด้วยรอยยิ้มเยาะหยัน ก่อนจะยิ้มเย็น “หนิงเมิ่งเหยา เจ้าคิดว่าตนเองนั้นมีอำนาจนักหรือ? สักวันเจ้าจะต้องเสียใจที่หยิ่งผยองมากเกินไป”
เมื่อมองท่าทางอวดดีของหยางซิ่วเอ๋อร์ หนิงเมิ่งเหยาก็กลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่ เสียงหัวเราะของนางนั้นเต็มไปด้วยความดูถูกดูแคลน “เจ้าแน่ใจหรือว่าการไปเกี่ยวข้องกับคนพวกนั้นมันดีจริงๆ? หยางซิ่วเอ๋อร์ เจ้าควรระวังตัวให้มากกว่านี้ มิฉะนั้นเจ้าอาจจะร่วงหล่นลงมาเจ็บจนปางตายได้”
หยางซิ่วเอ๋อร์ไม่สนใจในสิ่งที่นางกล่าว “เจ้าก็แค่อิจฉาข้า ข้าพูดถูกใช่ไหมล่ะ?”
หนิงเมิ่งเหยาหัวเราะ “ไปบอกคนที่สะกดรอยตามเล่อเล่อเสียเถอะว่าเล่อเล่อสบายดี ถ้าหากมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับนาง คงจะเป็นการยากที่จะบอกว่าเจ้าไม่มีส่วนผิด”
ถึงแม้ว่าหยางซิ่วเอ๋อร์จะมีความเกี่ยวข้องกับผู้มีอำนาจแล้วก็จริง แต่เมื่อนางเห็นสีหน้าของหนิงเมิ่งเหยาแล้ว นางก็ยังรู้สึกหวาดกลัวจนเผลอก้าวถอยหลังไปอยู่ดี ยิ่งกว่านั้น เมื่อนางได้ยินคำพูดของหนิงเมิ่งเหยา นางก็ตื่นตกใจขึ้นมา หนิงเมิ่งเหยารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?
บทที่ 124 ก็แค่รนหาที่ตาย
ไม่ใช่ว่าพวกเขาบอกเองหรือว่าจะจัดการให้ดี? ถ้าเช่นนั้น ทำไมหนิงเมิ่งเหยาถึงรู้เรื่องนี้ได้ล่ะ?
ไม่มีทาง นางต้องหลอกให้ข้าตกใจกลัวเฉยๆ อย่างแน่นอน
“ข้าไม่เห็นเข้าใจเลยว่าเจ้าพูดเรื่องอะไรอยู่” หยางซิ่วเอ๋อเค้นเสียงลอดไรฟันขณะจ้องหนิงเมิ่งเหยาเขม็ง
หนิงเมิ่งเหยายิ้มให้หยางซิ่วเอ๋อร์ “โอ้ เจ้ารู้เรื่องดีเลยล่ะว่าข้ากำลังพูดอะไรอยู่ ข้ารับใช้ของคนรวยๆ คนนั้นคงจะแต่งตัวดีมากเลยใช่ไหมเล่า? เจ้ากำลังคิดว่าจะได้ใช้ชีวิตเช่นนั้นเหมือนกันอยู่ใช่หรือไม่?” หนิงเมิ่งเหยาสาวเท้าเดินเข้าไปใกล้หยางซิ่วเอ๋อร์อีกสองสามก้าว แล้วกระซิบใส่หูนาง
หยางซิ่วเอ๋อตัวแข็งไปเล็กน้อย ดวงตาของนางสับสนวุ่นวาย “ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้ากำลังพูดเรื่องอะไรอยู่”
“เจ้าไม่เข้าใจจริงๆ หรือ? อืม ตอนนี้เจ้าไม่เข้าใจข้าก็ไม่เป็นไรหรอก อีกเดี๋ยวเจ้าก็จะได้เข้าใจเอง” หนิงเมิ่งเหยายิ้มอย่างไม่ใส่ใจ
หยางซิ่วเอ๋อร์มองหนิงเมิ่งเหยาอย่างระแวดระวัง หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง นางก็เอ่ยถามขึ้นด้วยความคลางแคลงใจ “เจ้ากำลังวางแผนอะไรอยู่?”
“ข้ากำลังวางแผนอะไร? หยางซิ่วเอ๋อร์ ข้าอุตส่าห์ตั้งใจที่จะปล่อยเจ้าไป แต่เจ้าก็เอาแต่สร้างปัญหาให้ข้าเสมอ หากเป็นเช่นนี้ จากนี้ก็อย่ากล่าวโทษข้าเรื่องที่ข้าทำตัวใจร้ายก็แล้วกัน” ริมฝีปากของหนิงเมิ่งเหยาโค้งขึ้นเล็กน้อยระหว่างที่นางมองหยางซิ่วเอ๋อร์ราวกับนางกำลังมองดูศพคนตาย
ร่างของหยางซิ่วเอ๋อร์ยิ่งเกร็งแข็งขึ้นกว่าเดิม “เจ้ากล้าหรือ? พวกเขาไม่ปล่อยให้เจ้าได้ทำตามใจแน่!”
เมื่อเห็นสีหน้าอันหวาดกลัวของหยางซิ่วเอ๋อร์ หนิงเมิ่งเหยาก็หัวเราะอย่างเหยียดหยามออกมาเพราะกลั้นไม่อยู่ “เจ้ากำลังบอกข้าว่าพวกเขาจะช่วยเจ้าหรือ? เจ้าล้อข้าเล่นหรือเปล่า?”
อะไรที่จะทำให้คนเห็นแก่ตัวอย่างเซียวจื่อเซวียนมาช่วยชาวบ้านฐานะต้อยต่ำเช่นนาง? แค่นางไม่ปัดความรับผิดชอบทั้งหมดมาให้หยางซิ่วเอ๋อร์แทนก็นับว่าเป็นบุญมากแล้ว
เมื่อตกอยู่ภายใต้สายตาเหยียดหยันของหนิงเมิ่งเหยา หยางซิ่วเอ๋อร์ก็ไม่อาจทนอยู่ตรงนั้นได้อีกต่อไป นางรีบหนีกลับไปอย่างรวดเร็ว นางจะไปบอกคนพวกนั้นว่าหนิงเมิ่งเหยารู้ความจริงแล้ว
หนิงเมิ่งเหยายิ้มเยาะขณะมองด้านหลังของหยางซิ่วเอ๋อร์
หลังจากหยางซิ่วเอ๋อร์กลับมาถึงบ้าน นางรู้สึกไม่สบายใจอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังกังวลเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางจะต้องถูกจับได้แน่ๆ แล้วพอถึงตอนนั้น ตระกูลของนางเองก็คงต้องโดนขับออกจากหมู่บ้านไป๋ซานด้วยเช่นกัน
ยิ่งนางคิดเรื่องนี้มากเท่าไร นางก็ยิ่งกลัวมากขึ้นเท่านั้น นางจึงเร่งรุดเข้าไปในเมืองในเช้าตรู่วันถัดมา
เมื่อหนิงเมิ่งเหยารู้ข่าว นางก็ถอนหายใจออกมา
หยางซิ่วเอ๋อร์มายังสถานที่ที่นางพบกับข้ารับใช้ในครั้งก่อน “ท่านข้าหลวง เรื่องมันชักไม่ดีแล้ว”
“เจ้าจะกังวลเรื่องใดกัน? สงบใจแล้วค่อย ๆ เล่าให้ข้าฟังสิ” ข้ารับใช้ผู้นั้นดูไม่พอใจอย่างมาก เมื่อมองสีหน้าอันตื่นตระหนกของหยางซิ่วเอ๋อร์ นางก็รู้สึกโมโหขึ้นมาเล็กน้อย
หยางซิ่วเอ๋อร์น้ันค่อนข้างรู้สึกกลัวข้ารับใช้ผู้นี้ แต่นางก็ยังพูดต่อด้วยน้ำเสียงเป็นกังวล “หนิงเมิ่งเหยารู้ว่าข้ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์นั้น”
ข้ารับใช้มองหยางซิ่วเอ๋อร์ก่อนพูดอย่างจนปัญญา “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วยหรือ?”
หยางซิ่วเอ๋อร์ตกตะลึง นางแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่คนตรงหน้านางพูดออกมา “นี่ไม่ใช่สิ่งที่เจ้าสั่งให้ข้าทำหรือ? ตอนนี้เมื่อมันมีข้อผิดพลาดในส่วนของเจ้า เจ้าก็จะไม่ยอมรับ?”
ข้ารับใช้มองหยางซิ่วเอ๋อร์อย่างดูถูก แล้วนางก็กล่าวอย่างแดกดันขึ้นมาว่า “เจ้าบอกว่าพวกข้าสั่งให้เจ้าทำ? แต่เจ้าก็รับเงินไปแล้วไม่ใช่รึ? อีกอย่าง เจ้ามีหลักฐานอะไรไหมเล่าที่บอกว่าพวกข้าเป็นผู้ลงมือ? ความจริงแล้วพวกข้ายังสามารถฟ้องเจ้าในข้อหาขโมยเงินได้อีกเชียว”
หยางซิ่วเอ๋อร์แทบไม่อยากเชื่อหูตัวเอง มันเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? นี่มันไม่ตรงตามแผนการที่นางวางไว้เลย เหตุใดเรื่องมันจึงกลายเป็นเช่นนี้ได้?
“ไม่… เจ้าทำเช่นนี้ไม่ได้ เจ้าทำกับข้าเช่นนี้ไม่ได้!” หยางซิ่วเอ๋อร์ตื่นตระหนก
นางคิดถึงสิ่งที่หนิงเมิ่งเหยาบอก หนิงเมิ่งเหยายังไม่ได้แม้แต่จะพิจารณาปัญหานี้อย่างจริงจังเลย ถ้าหากนางเริ่มลงมือสืบจริงๆ แล้วละก็ หยางซิ่วเอ๋อร์ก็คงจะถึงคราวจบสิ้นอย่างแน่นอน นางจะปล่อยให้เรื่องนี้เกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด
ข้ารับใช้มองใบหน้าอันเต็มไปด้วยความวุ่นวายใจของหยางซิ่วเอ๋อร์ แล้วก็เยาะนางต่อ “สิ่งใดกันที่พวกข้าจะทำกับเจ้าไม่ได้หรือ? เหตุใดข้าจึงไม่เห็นเข้าใจสิ่งที่เจ้าพูดสักคำเลยล่ะ นางหนู?”
ท่าทางของนางทำเอาหยางซิ่วเอ๋อร์รู้สึกกลัว “เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะไปเป็นพยานยืนยันความผิดของเจ้าหรือ?”
“เป็นพยาน? เจ้ามีหลักฐานอะไรเล่า? ถ้าเจ้าไม่สามารถแสดงหลักฐานใดๆ ได้ พวกข้าจะฟ้องเจ้าในข้อหาลักขโมย เจ้ารู้หรือเปล่าว่าโทษที่ตามมาคืออะไร?” ไม่เพียงแต่นางจะไม่กลัวแล้ว นางยังกล่าวแดกดันหยางซิ่วเอ๋อร์อย่างโจ่งแจ้งอีกด้วย