บทที่ 133 การเผชิญหน้า
ป้ายหยกนั้นเคยอยู่ในมือเซียวจื่อเซวียนมาตลอด แต่บัดนี้กลับอยู่ในมือคนอื่นแล้วมีทหารนำกลับมาคืน
หนึ่งในนั้นคือลี่เฉิง ชายหัวโบราณนิสัยจงรักภักดี ส่วนอีกคนคืออู๋จง ทหารองครักษ์อายุเท่าลี่เฉิง ทั้งสองเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาที่ฮ่องเต้ไว้วางใจ เป็นไปได้ว่าที่พวกเขาเป็นคนสืบคดีก็เพราะเป็นคำสั่งจากฮ่องเต้
“ท่านหลี่ ท่านและหัวหน้าองครักษ์อู๋เอาป้ายตระกูลเซียวมาจากไหนหรือ” ป้ายหยกนี้มักจะอยู่ในมือคนสกุลเซียวเท่านั้น เหตุใดจึงไปอยู่กับชายสองคนนี้ได้
ลี่เฉิงมองเซียวอี้หลินแล้วเล่าเรื่องโดยคร่าว
เซียวอี้หลินรับป้ายหยกมาจากลี่เฉิง คิ้วเขาขมวดย่นเล็กน้อย “เซวียนเอ๋อร์ นี่ป้ายของเจ้ามิใช่หรือ” มีตัวอักษรขนาดเล็กว่า ‘เซวียน’ แกะไว้บนด้านหลังของป้ายหยก คนมักไม่ค่อยสังเกตเห็นกัน
เซียวจื่อเซวียนสะกดกลั้นอาการตื่นตระหนกไว้ในใจแล้วถามด้วยความสงสัย “ของข้าหรือ จะเป็นของข้าไปได้อย่างไรกัน” เซียวจื่อเซวียนหยิบเอาป้ายหยกจากบนมือเซียวอี้หลินมาดู แล้วพบว่าเป็นของนางแน่นอน
ตอนนั้นเอง นางระลึกความได้ว่าก่อนหน้านี้ นางส่งป้ายหยกให้ข้ารับใช้ตอนที่ตนออกไปหาคนมาทำร้ายสหายของหนิงเมิ่งเหยา จากนั้นก็ลืมทวงคืน
บัดนี้มันไปอยู่ในมือชายสองคนนี้
“ข้าทำป้ายหยกนี้หายไปก่อนหน้านี้ได้ระยะหนึ่งแล้วหาไม่เจอ ใครจะไปคาดคิดว่าพวกท่านจะช่วยหาจนเจอ” เซียวจื่อเซวียนกล่าวอย่างซาบซึ้ง
ลี่เฉิงยิ้มเยาะพลางมองเซียวจื่อเซวียนอย่างไม่แยแสนาง “ป้ายหยกนี้ถูกยึดมาจากโจรคนหนึ่ง โจรคนนั้นบอกว่าเขาได้มาจากข้ารับใช้ที่ถูกท่านไล่ออก” ลี่เฉิงเสริมความเท็จบางประการโดยหวังว่าจะช่วยให้ตนได้ข้อมูลเพิ่มขึ้นบ้าง
เขาพูดชัดเจน แต่จื่อเซวียนกลับขมวดคิ้ว เอ่ยว่า “ท่านพูดถูกแล้ว เรื่องของเรื่องก็คือ นางถูกไล่ออกเพราะขโมยของของข้า”
ลี่เฉิงพลันหมดความอดทนเพราะเซียวจื่อเซวียนยังคงโกหกต่อไป เขาจึงมองนางอย่างไม่ชอบใจ “จริงหรือ ถ้าเช่นนั้นเหตุใดจากที่พวกเราสืบมา เมื่อไม่นานนี้นางยังเข้าออกตำหนักของท่านได้ตามสะดวกอยู่เลย”
สีหน้าเซียวจื่อเซวียนเปลี่ยนไป เดิมนางคิดว่าตนจะผลักความผิดไปให้ข้ารับใช้คนนั้นได้ แต่นางไม่ทันคิดว่าพวกเขาจะลงมือสืบหาข้อมูลถึงรายละเอียดระดับนั้นแล้ว
“ในเมื่อท่านอธิบายเรื่องนี้ไม่ได้ โปรดช่วยไปกับพวกเราด้วย” ลี่เฉิงมองเซียวจื่อเซวียนด้วยสายตาน่าเกรงขาม
เซียวจื่อเซวียนตัวแข็งทื่อ จากนั้นก็ส่ายหัวอย่างรุนแรง “ข้ากำลังตั้งครรภ์ จะให้ข้าเดินทางไกลเช่นนั้นได้อย่างไร”
“ท่านเดินทางระยะไกลไม่ได้อย่างนั้นหรือ ดีทีเดียว เพราะเจ้าหน้าที่ระดับล่างเอาตัวนักโทษสองคนมาที่เมืองหลวง ข้าจะรอพบท่านที่กรมอาญาแล้วกัน” ลี่เฉิงกล่าวพลางหันหน้าไปยังเซียวอี้หลิน “ท่านอ๋อง หัวหน้าองครักษ์อู๋กับข้าขอตัวก่อน”
เมื่อทั้งสองออกไป เซียวอี้หลินถลึงตามองเซียวจื่อเซวียน “สารภาพมาซะ คราวนี้เจ้าไปก่อเรื่องอะไรอีก”
เซียวจื่อเซวียนแสร้งทำเป็นว่าโดนกล่าวหาอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ “ท่านพ่อ ท่านไม่เชื่อข้าได้อย่างไรกัน”
เซียวอี้หลินรักใคร่เอ็นดูเซียวจื่อเซวียนยิ่งนัก แต่เขาไม่ใช่คนโง่ “ข้าเชื่อเจ้า แต่ข้าก็รู้นิสัยเจ้าด้วยเช่นกัน บอกข้ามาว่าเกิดอะไรขึ้น เจ้าไปยุ่งกับโจรพวกนั้นได้อย่างไร”
ก่อนหน้านี้สักพักใหญ่ เขาได้ยินว่าตระกูลเฉียวมีความเกี่ยวข้องกับโจร ทำให้ฮ่องเต้โกรธเกรี้ยวแล้วสั่งตรวจสอบพวกเขา ทว่าตอนนี้บุตรสาวเขากลับมาเกี่ยวพันในสถานการณ์ใกล้เคียงกัน ทำให้เขาเกิดโทสะ
เซียวจื่อเซวียนมองเซียวอี้หลินด้วยความผิดหวัง “ท่านพ่อ ข้าไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้น”
“ถ้าเจ้าไม่สารภาพตั้งแต่ตอนนี้ แล้วหลี่เฉิงพบหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับเจ้า ข้าก็ช่วยอะไรเจ้าไม่ได้ทั้งนั้น ฮ่องเต้สั่งการสืบสวนนี้เอง ข้ามั่นใจว่าเจ้าก็รู้ว่าพระองค์มีความเห็นอย่างไรต่อเรื่องเหล่านี้” เซียวอี้หลินจ้องบุตรสาวเขม็ง
เซียวจื่อเซวียนเกร็ง จริงอยู่ว่าฮ่องเต้มีด้านไม่ดี ถ้าจะกล่าวอย่างยุติธรรม คำว่า ‘ไม่ดี’ ก็ไม่ตรงกับลักษณะนิสัยพระองค์เท่าไรนัก ในระยะหนึ่ง การเข้าหาสนิทสนมกับพระองค์เป็นเรื่องง่ายดาย แล้วพระองค์ก็อ่อนโยน แต่เมื่อมีเหตุใหญ่โตอะไรเกิดขึ้น พระองค์ก็เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ในทันที
พวกขุนนางไม่กล้าซ่อนสิ่งใดๆ ก็ตามจากพระองค์ทั้งนั้น โดยเฉพาะถ้าเป็นเรื่องเกี่ยวกับประชาชน เวลานี้ โจรที่ทำร้ายประชาชนมีความเกี่ยวข้องกับเซียวจื่อเซวียน นางไม่จำเป็นต้องให้เซียวอี้หลินเตือนตนเรื่องนี้ นางก็เดาได้ว่าผลของการกระทำของนางจะลงเอยเช่นไร
แม้ฮ่องเต้จะเป็นลูกพี่ลูกน้องของนาง แต่เขาย่อมไม่มีวันละเว้นโทษให้นางเพียงเพราะสายสัมพันธ์
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เซียวจื่อเซวียนก็นึกกลัว รีบสารภาพความจริงว่าตนทำอะไรลงไปให้เซียวอี้หลินฟัง
สิ่งที่เซียวจื่อเซวียนสารภาพทำให้เซียวอี้หลินเดือดดาล “งามหน้านัก”
บทที่ 134 คนตายพูดไม่ได้
เพราะต้องการจะสอนหญิงชาวบ้านให้รู้ซึ้ง เซียวจื่อเซวียนจึงติดต่อคบค้ากับพวกโจร จุดที่เลวร้ายกว่านั้นคือมีหลักฐานชี้ตัวนาง!
เซียวอี้หลินตวาด ทำให้เซียวจื่อเซวียนตกตะลึง นางเสียใจยิ่งนัก “ท่านพ่อ แล้วเราจะทำอย่างไรดี”
เขาถลึงตาใส่นาง “ทีเวลานี้เจ้ากลับกังวล กลับไปที่เรือนของเจ้าเสียแล้วอยู่เงียบๆ ป้ายหยกของเจ้าเพียงถูกขโมย เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้าแม้แต่นิดเดียว”
“เจ้าค่ะ ท่านพ่อ ข้าเข้าใจแล้ว” บัดนี้เซียวจื่อเซวียนโล่งใจเป็นปลิดทิ้ง ตราบใดที่บิดาของนางเต็มใจจะช่วย ก็ย่อมไม่มีปัญหามากมายนักหรอก
เซียวอี้หลินนวดหน้าผากตัวเอง บุตรสาวคนนี้เป็นตัวก่อปัญหานัก
เมื่อนางออกไป เซียวอี้หลินสั่งให้คนไปเมืองหลวงเพื่อรับมือเรื่องการสืบคดีของฮ่องเต้
ในท้ายที่สุด ทหารสองนายที่ลี่เฉิงตั้งใจจะพาตัวไปที่เมืองหลวงก็เสียชีวิตจากการสู้กันเอง
ลี่เฉิงโกรธยิ่งนัก มีใครบางคนพยายามโจมตีเขาต่อหน้าต่อตา!
ชายทั้งสองถูกวางยากระตุ้น ชี้ชัดว่าความตายของพวกเขาไม่ใช่อุบัติเหตุ
แต่ไม่มีร่องรอยอื่นเหลืออยู่เลย แม้เขาจะรู้ว่านี่จะต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับจวนตระกูลเซียว แต่ไม่มีหลักฐานเขาจึงทำอะไรไม่ได้
“ลี่เฉิง เราจะปล่อยพวกมันไปทั้งแบบนี้หรือ” อู๋จงขมวดคิ้วย่น เขาไม่ได้คาดการณ์ไว้ว่าจะลงเอยเช่นนี้เลยสักนิด
“ตอนนี้เราโทษเรื่องนี้ไปที่จวนตระกูลเซียวไม่ได้ แต่จากคำสั่งที่ท่านแม่ทัพให้ไว้ เขาต้องอยากสั่งสอนสกุลเซียวแน่นอน” ลี่เฉิงปวดเศียรเวียนเกล้า ถ้าท่านแม่ทัพทราบเรื่องนี้เข้า พวกเขาต้องเจอปัญหาใหญ่แน่
อู๋จงหดคอ “ข้าคิดว่าพวกเราควรไปรายงานฮ่องเต้เรื่องนี้ แล้วให้พระองค์ตัดสินใจเองเถอะ”
“จริงของเจ้า ตอนนี้เราทำได้เพียงเท่านี้” ลี่เฉิงผงกศีรษะ
ชายทั้งสองควบม้าเร่งกลับเมืองหลวง เมื่อทั้งสองไปถึง พวกเขาก็ตรงดิ่งไปที่พระราชวัง
หนิงเมิ่งเหยาเองก็ได้ข่าวเรื่องหยางซิ่วเอ๋อร์ตายในคุก ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจแต่อย่างใด กระนั้นนางก็ไม่คิดว่าจะเกิดขึ้นเร็วเพียงนี้ และเซียวจื่อเซวียนไม่โดนพาดพิงถึงเลย
เฉียวเทียนช่างพ่นลมเยาะแล้วเอ่ยเหยียดหยาม “ข้ามั่นใจว่าที่ทหารสองคนนั้นตายต้องเกี่ยวพันกับเซียวอี้หลินแห่งจวนตระกูลเซียวแน่”
“หืม”
“เพราะพวกเขาตาย เซียวจื่อเซวียนถึงไม่เป็นอะไร” แม้ว่าจะมีป้ายหยกเป็นหลักฐาน แต่ในเมื่อทหารทั้งสองเสียชีวิตแล้ว ความจริงก็ไม่อาจเปิดเผยออกมาได้ ดังนั้นตราบที่เซียวจื่อเซวียนยืนกรานว่านางไม่รู้เห็นอะไรด้วย และบอกว่าป้ายหยกถูกขโมยไป ก็ไม่อาจทำอะไรได้อีก ลี่เฉิงและพวกเขารู้ว่าเซียวอี้หลินเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ด้วยแล้วจะอย่างไรเล่า พวกเขาไม่มีหลักฐานอื่นแล้ว
หนิงเมิ่งเหยาเบะปากแล้วกล่าวเสียงแผ่วเบา “ลืมไปเสียเถอะ ข้าก็ไม่ได้อยากจัดการนางในคราวเดียวอยู่แล้ว”
“ก็จริง แต่ข้าเชื่อว่าหนนี้ จวนตระกูลเซียวคงได้รับผลกระทบบ้าง”
“ทำไมกัน” หนิงเมิ่งเหยาถามอย่างสงสัย
“ฮ่องเต้ไม่ใช่คนโง่ กลับกัน พระองค์เฉลียวฉลาดนัก ถ้าเซียวจื่อเซวียนมีความสัมพันธ์เกี่ยวข้องกับโจรพวกนั้น ก็หมายความว่าจวนตระกูลเซียวมีความเกี่ยวพันบางอย่างกับโจรกลุ่มนั้นเช่นกัน หรือก็คือ ไม่ว่าเซียวอี้หลินจะพยายามโกหกอย่างไร ฮ่องเต้ก็จะไม่ปล่อยเขาง่ายๆ” เฉียวเทียนช่างอธิบายพร้อมเผยยิ้มเย็น
เซียวอี้หลินคิดว่าตัวเองจะสลัดคดีนี้ไปได้ง่ายๆ หรือ ถ้ามันจะง่ายดายปานนั้น แผนการที่เขาวางและตระเตรียมมาอย่างดีก็คงสูญเปล่าหมดแล้ว
หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะอย่างพอใจ “เช่นนั้นข้าก็เบาใจ”
เป็นไปตามเฉียวเทียนช่างว่า จวนตระกูลเซียวรวมถึงคนตระกูลเซียวได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ยศของใต้เท้าเซียวถูกลดขั้นจากรองแม่ทัพเป็นระดับสาม
เกิดเป็นความวุ่นวายในจวนตระกูลเซียว หน้าเซียวอี้หลินทะมึน ใครจะคาดคิดว่าเรื่องเพียงเล็กน้อยจะนำไปสู่เรื่องต่างๆ อีกมากมาย
ไม่ว่าใครในเมืองหลวงจะได้รับผลกระทบ หนิงเมิ่งเหยายังคงสบายใจ
นางคุยกับเฉียวเทียนช่างทุกวัน และไปโรงงานกับร้านขายเหล้า อีกทั้งยังไปเยี่ยมกระต่ายที่เลี้ยงไว้ บ่อปลา และที่อื่นๆ แต่ละวันผ่านไปเช่นนี้
นี่ทำให้หนิงเมิ่งเหยารู้สึกสบายใจ
ไม่นาน เทศกาลแรกของปีก็มาถึง เทศกาลแข่งเรือมังกร
วันก่อนเทศกาลแข่งเรือมังกร หนิงเมิ่งเหยาเริ่มทำบ๊ะจ่าง มีทั้งรสไข่แดงเค็ม รสหมูสามชั้น รสถั่ว และอีกหลากหลายรส
หลังจากห่อบ๊ะจ่างเสร็จแล้ว นางนำบางส่วนไปแจกให้ในหมู่บ้าน และยังให้ของขวัญลูกจ้างของนางด้วย