บทที่ 149 ไม่ได้ใช้ชั่วชีวิตกับเจ้า
ชีวิตหลังหมั้นนั้นเรียบง่ายและผ่อนคลาย ข้อเสียหนึ่งเดียวคือการที่เฉียวเทียนช่างยังไม่กลับมา และหนิงเมิ่งเหยาไม่รู้ว่าเขาจะกลับมาเมื่อไร หรือเขาเป็นอย่างไรบ้างแล้ว
ในขณะที่หนิงเมิ่งเหยากำลังคิดคะนึงหาเฉียวเทียนช่าง ตัวชายหนุ่มกำลังจ้องเหลยอันอย่างเย็นชา
“นายท่าน อย่ามองข้าแบบนั้นเลย ข้ากลัว” เหลยอันมองเฉียวเทียนช่างด้วยสีหน้าน่าสงสาร
สวรรค์เท่านั้นจะรู้ว่าใครยั่วโมโหเจ้านายผู้นี้ เจ้านายของเขามาถึงได้หลายวันแล้ว สีหน้าเขาเหมือนระเบิดที่พร้อมจะระเบิดได้ทุกเมื่อ
ตอนที่แผนของพวกเขาถูกใครบางคนพังไปก่อนหน้านี้ เขาแทบถลกหนังคนผู้นั้นออก ถึงตอนนี้คนผู้นั้นจะนอนนิ่งอยู่บนเตียงแล้วก็ตาม
นับแต่วันนั้นมา ทุกคนต่างระมัดระวังตัวแจ ต่างหวาดเกรงว่าจะไปทำให้แม่ทัพผู้แข็งกร้าวโกรธเข้า แม่ทัพเฉียวเทียนช่าง
เฉียวเทียนช่างจ้องเหลยอันเขม็ง “เรื่องที่ข้าสั่งให้เจ้าทำคืบหน้าอย่างไรบ้างแล้ว”
“พี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องห่วง ข้าตรวจสอบมาอย่างดีแล้ว” เหลยอันรีบผงกศีรษะ ไม่กล้าขัดคำสั่ง
เฉียวเทียนช่างผ่อนลมหายใจแล้วพุ่งความสนใจไปที่ชายตรงหน้า
ปัญหานี้ควรจะใช้เวลาเพียงระยะสั้น แต่กลับต้องเลื่อนออกไปอีกนานเกินควร
เขาเพิ่งหมั้นแต่กลับต้องออกเดินทางมาที่นี่ทันที แผนที่เขาวางไว้ในตอนแรกก็โดนพัง ทำให้เฉียวเทียนช่างโกรธเกรี้ยว
แม้สภาพตอนนี้จะดีอยู่ แต่ก็หาได้ปราศจากอันตราย อันที่จริงถือว่าลงเอยด้วยดี เพราะความล่าช้าเหล่านี้ทำให้คนยิ่งระมัดระวัง และทำตามคำสั่งเขาอย่างดีแทบไม่มีข้อผิดพลาดใดๆ ถ้าเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาควรจะได้กลับไปในไม่ช้า เขาอยากรู้ยิ่งนักว่าว่าที่ภรรยาของเขาคิดถึงเขาบ้างหรือไม่
เขาไม่ควรคิดถึงหนิงเมิ่งเหยา เพราะยิ่งคิดถึงนาง เขายิ่งอยากกลับไปหานางโดยเร็วยิ่งขึ้น
เขาไม่รู้ว่านางกำลังทำอะไรอยู่ สงสัยว่านางกำลังใช้ชีวิตสงบเรื่อยเฉื่อยเหมือนเคยหรือเปล่า
แน่นอนว่าหนิงเมิ่งเหยาไม่รู้ว่าเฉียวเทียนช่างกำลังคิดอะไรอยู่
นางมองเซียวฉีเทียนที่มายืนอยู่ตรงหน้านาง คิ้วขมวดเข้าหากันเล็กน้อย
“มีเหตุอันใดให้เจ้ามาที่นี่หรือ” หนิงเมิ่งเหยาถามด้วยความสงสัย เขามักจะมาหานางเวลามีเรื่องไม่พอใจ ครั้งนี้เขามาพร้อมสีหน้าเคร่งเครียด ทำให้หนิงเมิ่งเหยาสับสน
เซียวฉีเทียนมองเข้าไปในดวงตาหนิงเมิ่งเหยา ยามจ้องลึกเข้าสู่ดวงตาเปี่ยมแววจริงจังคู่นั้น ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ สุดท้ายหนิงเมิ่งเหยาก็นึกอึดอัด จึงขอคำตอบ “เซียวฉีเทียน เจ้ามาทำอะไรที่นี่”
ดวงตาเซียวฉีเทียนเป็นประกายระยิบระยับเล็กน้อยขณะที่เขามองดูหนิงเมิ่งเหยา “เจ้าหมั้นกับเทียนช่างรึ” เฉียวเทียนช่างบอกข่าวนี้กับเขาแล้ว และตอนนั้นเขานึกไม่ชอบใจอยู่บ้าง เขาจึงอยากจะหาโอกาสคุยกับนางเป็นการส่วนตัว ทว่าที่พระราชวังของฮ่องเต้มีเหตุวุ่นวายเล็กน้อย เขาจึงไม่มีเวลาจนกระทั่งตอนนี้
“ใช่แล้ว” หนิงเมิ่งเหยาชะงักเล็กน้อยก่อนจะผงกศีรษะ
“เจ้าคิดว่าเจ้าคู่ควรกับเขาหรือไม่” เซียวฉีเทียนถามพลางจดจ้องมองหนิงเมิ่งเหยาไม่วางตา
หนิงเมิ่งเหยาแย้มยิ้มแล้ววางตะกร้าเย็บปักถักร้อยในมือลง นางมองเซียวฉีเทียนที่เต็มไปด้วยความมุ่งร้าย “เซียวฉีเทียน เรื่องนี้เป็นเรื่องของข้ากับเฉียวเทียนช่าง เจ้าไม่จำเป็นต้องมาสนใจนักหนาหรอก ตราบที่เขายังรักข้า เจ้ามาเกี่ยวอะไรด้วยหรือ”
แวบแรกเซียวฉีเทียนรู้สึกว่าตนควรจะโกรธนาง แต่พอเห็นแววตาเย็นยะเยือกของหญิงสาว เขาก็ตระหนักได้ว่าตนไม่มีสิทธิ์จะพูดอะไรอีก
“ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นเพื่อนของเขา แต่ข้าไม่ได้ใช้ชีวิตกับเจ้า เช่นนั้นคำถามจำพวก ‘ชีวิตที่ผ่านมาของเจ้าเป็นอย่างไร’ เจ้าควรจะเก็บไว้กับตัวเสียดีกว่า แค่เราสองใช้ชีวิตมีความสุขร่วมกันก็พอแล้ว ข้าจะไม่ไปขวางไม่ให้เขาทำสิ่งที่เขาอยากทำ” หนิงเมิ่งเหยาแสดงจุดยืนของนางอย่างชัดเจน
สีหน้าเซียวฉีเทียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขามองหนิงเมิ่งเหยาแล้วฉุกใจคิดได้ว่าตนไม่เคยเข้าใจหญิงสาวนางนี้อย่างถ่องแท้ นางช่างเป็นปริศนายิ่งนัก
“ถ้าวันนี้เจ้ามาที่นี่เพื่อคุยเรื่องนี้ ข้าขอแนะนำให้เจ้าอย่าเปลืองแรงเลย” หนิงเมิ่งเหยาไม่มีวันนึกชังเซียวฉีเทียนเพราะคำถามของเขา ตรงกันข้ามเลย คำถามนั้นแสดงถึงความเป็นห่วงเป็นใยต่อเซียวฉีเทียน นางจึงยินดีที่เขามีมิตรสหายที่ดี
บทที่ 150 เขาทรมานมาหนักหนานัก
เซียวฉีเทียนพลันยิ้ม “พูดตามตรง เหตุผลที่ข้าทำงานกับเจ้าแต่แรกก็เพราะเขา ยิ่งพอหลังจากได้รู้ว่าเจ้าให้ส่วนแบ่งจากโรงงานกับเขาด้วยแล้ว”
การใช้ชีวิตตามลำพังหมายความว่าทุกอย่างต้องใช้เงิน ถ้าพวกเขาให้เงินเฉียวเทียนช่างโต้งๆ ชายหนุ่มย่อมปฏิเสธแน่ เซียวฉีเทียนยังรู้อีกด้วยว่าเฉียวเทียนช่างมีปัญญาหาเงินเอง แต่เขาก็อยากให้สหายรักของเขามีชีวิตที่ดียิ่งขึ้น จึงตัดสินใจร่วมงานเปิดโรงงานน้ำปรุงรสกับโรงกลั่นสุรา
ชีวิตเฉียวเทียนช่างบัดนี้มั่นคงดีแล้ว พอเห็นหนิงเมิ่งเหยาใช้ชีวิตอย่างเป็นอิสระ เขาก็บอกได้ทันทีว่าเฉียวเทียนช่างควรมีชีวิตที่ดีเช่นเดียวกันเช่นเดียวกัน องค์ฮ่องเต้จะได้ไม่ต้องพะวงเรื่องเขา
เขาสลับไปมองงานเย็บเสื้อผ้าที่ยังไม่เสร็จในมือหนิงเมิ่งเหยา แล้วถาม “เจ้ากำลังเย็บให้เขารึ”
“ใช่” หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะ นางเลิกนับไปแล้วว่าตนเย็บเสื้อผ้ากี่ตัวให้เฉียวเทียนช่าง นึกถึงเพียงตอนตนไปช่วยทำความสะอาดห้องให้ชายหนุ่มแล้วสังเกตว่าเขาไม่ได้มีเสื้อผ้ามากนัก จึงอยากเย็บให้เขาใส่
เซียวฉีเทียนโล่งใจ ดูจากงานเย็บปักแล้ว เขาบอกได้ว่าหนิงเมิ่งเหยาจดจ่อกับงานของนางมาก ถ้านางไม่ได้คิดจะใช้ชีวิตร่วมกับเฉียวเทียนช่างจากใจจริง มีหรือนางจะมาเย็บเสื้อผ้าให้เขามากมายเช่นนี้
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังรู้ว่าในบรรดาข้ารับใช้ของนางก็มีคนที่ช่ำชองงานเย็บ และมักคอยเย็บชุดให้นาง แต่ตอนนี้แทนที่จะมาเย็บเสื้อผ้าให้ตัวเอง นางกลับนั่งทำให้เฉียวเทียนช่าง ที่เขาว่าเฉียวเทียนช่างจะมีความสุขไปตลอดชีวิตอาจจะเป็นความจริง
“อีกไม่นานเขาจะกลับมาแล้ว” เซียวฉีเทียนโพล่ง
หนิงเมิ่งเหยาชะงักแล้วผงกศีรษะลง “ข้ารู้ เขาให้สัญญากับข้าไว้แล้ว”
“เจ้าเชื่อใจเขาขนาดนั้นเลยรึ” เซียวฉีเทียนไม่นึกว่าจะได้รับคำตอบเช่นนั้นในเมื่อทางนี้ไม่มีข่าวคราวจากเฉียวเทียนช่างเลยตั้งแต่เขาออกเดินทางไป
ทว่านางเชื่อเขา
“ใช่สิ ข้าเชื่อ”
เซียวฉีเทียนพอใจยิ่ง เขามองหนิงเมิ่งเหยาแล้วเอ่ย “ตระกูลของเขามีเรื่องซับซ้อน แม้เขาจะมองข้ามทุกอย่างไปแล้ว แต่บิดาของเขาก็ยังหาทางตักตวงผลประโยชน์จากเขา ฉะนั้น ข้าหวังว่าเจ้าจะเชื่อมั่นเขาต่อไปอย่างที่เจ้าทำอยู่ในตอนนี้ ถ้าวันใดมีข่าวลือว่าเขาทรยศหักหลังเจ้า รู้ไว้ว่าไม่มีทางเป็นเรื่องจริง”
หนิงเมิ่งเหยาย่นหัวคิ้ว เซียวฉีเทียนหมายความว่าอย่างไร
“เจ้าพยายามจะบอกอะไรข้า”
“ท่านแม่ของเทียนช่างเป็นอนุภรรยาที่ไม่เป็นที่โปรดปรานนักของแม่ทัพเฉียว นางตายไปตั้งแต่เขายังเป็นเด็ก นับแต่นั้น ชีวิตของเทียนช่างก็เลวร้ายยิ่งกว่าข้ารับใช้ ตอนเขาอายุได้สิบสองปี เขาทิ้งบ้านหลังนั้นมาต่อสู้ตรงชายแดน เข้าร่วมกองทัพแล้วค่อยๆ สร้างผลงานจนขึ้นเป็นแม่ทัพผู้เกรียงไกร” เซียวฉีเทียนสาธยายให้หนิงเมิ่งเหยาฟัง
หนิงเมิ่งเหยาขมวดคิ้ว “ถ้าเป็นเช่นนั้น บิดาเขาก็ควรนับถือเขาสิ”
“ถ้าเป็นตระกูลอื่น เจ้าคงเดาถูกแล้ว แต่ไม่ใช่กับตระกูลของเฉียวเจิ้งหง เพราะสถานะของเทียนช่างกลายเป็นอยู่สูงกว่าเขา วันที่เทียนช่างได้รับพระราชทานตำแหน่งสูงสุดที่แม่ทัพจะได้รับกัน ก็เหมือนเป็นการตบหน้าเฉียวเจิ้งหง หนักหนากว่านั้น คือเพราะไม่ใช่ลาภยศที่บุตรชายคนโตผู้สืบสกุลเฉียวอย่างถูกต้องได้รับ พวกคนสกุลเฉียว รวมถึงอนุภรรยาทั้งหลายของเฉียวเจิ้งหง จึงหวังจากก้นบึ้งหัวใจพวกเขาว่าเฉียวเทียนช่างจะไม่มีวันกลับมาในชีวิตพวกเขาอีก” เซียวฉีเทียนชังตระกูลนั้นทั้งตระกูล
หนิงเมิ่งเหยากัดริมฝีปากตัวเอง ใบหน้านางทะมึนและเศร้าสร้อย พอคิดว่าชีวิตเขาต้องทนเจออะไรเช่นนั้น…
เซียวฉีเทียนถอนหายใจยาว “เมิ่งเหยา ข้าเล่าเรื่องพวกนี้ให้เจ้าฟังเพราะหวังว่าเจ้าจะอยู่กับเขาอย่างมีความสุข เขาทนทุกข์มามากนักแล้วในอดีต”
เด็กวัยสิบสองปีควรได้รับความรักอยู่กับครอบครัว ไม่ใช่ต่อสู้ในศึกสงคราม นางไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าเฉียวเทียนช่างมีชีวิตรอดสงครามมาได้อย่างไร
“แล้วจากนั้นเล่า”
“หลังจากเขาได้รับตำแหน่งแม่ทัพ เขาพบกับฮ่องเต้แล้วหายตัวไปในวันรุ่งขึ้น ไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปไหน แต่ฮ่องเต้ปล่อยตำแหน่งของเขาว่างไว้รอเขาเสมอ เพราะแบบนี้เฉียวเจิ้งหงจึงเป็นกังวล เหตุโจรปล้นก็ทำให้เขาโดนลดขั้นไปแล้ว ดังนั้นเขาไม่ยอมแพ้ให้กับลูกของตัวเองที่มีอนาคตสดใสรออยู่หรอก” ระหว่างทางที่เซียวฉีเทียนมาที่นี่ เขารู้ว่ามีใครบางคนแอบตามตนมา เขายังรู้อีกด้วยว่าคนที่ว่าเป็นคนของเฉียวเจิ้งหง แต่เฉียวเจิ้งหงประเมินเขาต่ำไป
หนิงเมิ่งเหยาเข้าใจ นางผงกศีรษะ “ข้าเข้าใจแล้ว”