บทที่ 181 ตำแหน่งของข้าสูงกว่าเจ้า
เฉียวเทียนช่างดึงมือที่โดนหนิงเมิ่งเหยาจับเอาไว้ออก ก่อนจะสวมกอดหญิงสาวแน่น และก้มลงจุมพิตตรงหน้าผากของนาง “ข้าจะดูแลเจ้าเป็นอย่างดี”
“ข้าเชื่อเจ้า”
หนิงเมิ่งเหยาเชื่อมั่นในตัวชายหนุ่มอย่างหมดหัวใจ ทำให้หลิงหลัวรู้สึกละอายใจเล็กน้อย เขาไม่อาจทำในสิ่งที่หญิงสาวเอ่ยมาเมื่อครู่ได้ แล้วจะมีสิทธิ์อะไรไปเรียกร้องให้นางมาอยู่ข้างเขากันเล่า
“หลิงหลัว เจ้ามีครอบครัวของตนเองอยู่แล้ว ฉะนั้นเจ้าไม่ควรมาที่นี่ กลับไปเสียเถิด และอย่ากลับมาอีก” หนิงเมิ่งเหยากอดเฉียวเทียนช่าง ขณะที่เอ่ยกับหลิงหลัวอย่างจริงจัง
“เจ้าไม่อยากเห็นหน้าข้าจริงๆ หรือ”
หนิงเมิ่งเหยาผงกศีรษะ “ข้าไม่อยากให้เกิดการฆ่ากันตายอีกแล้ว อีกอย่างเราสองคนก็ไม่มีอะไรจะต้องพูดคุยกันอีก เทียนช่างไม่ชอบเจ้า และข้าก็ไม่อยากทำให้เขาไม่สบายใจเพราะเจ้าด้วย”
หลิวหลัวหัวเราะสมเพชตนเอง ‘เป็นเพราะชายผู้นี้ นางพูดเรื่องราวบ้าบอต่างๆ เหล่านั้นก็เพราะเขาคนนี้นี่เอง’
“ฮ่าๆ เจ้าอยากใช้ชีวิตธรรมดาสามัญกับเขาที่นี่รึ เจ้าคิดหรือว่าข้าจะยอม” หากเขาไม่ได้ตัวนางไป คนอื่นก็อย่าหวัง มันเคยเป็นเช่นนั้นมาก่อน และจะยังคงเป็นเช่นเดิมต่อไป เขามีสิทธิ์และอยู่ในตำแหน่งที่คนธรรมดาไม่มี ดังนั้นเขาจึงกดดันพวกเขาได้อย่างง่ายดาย
“นี่ ขอข้าดูหน่อยสิว่าใครอยู่ตรงประตูนั่น อ้อ มิน่าล่ะ นี่คือหลิงหลัวผู้ที่กำลังจะเป็นพ่อคนมิใช่หรือ เจ้ามาทำอะไรที่บ้านพี่ชายและพี่สะใภ้ของข้าเล่า” ก่อนที่หนิงเมิ่งเหยากำลังจะตอบโต้กลับ เซียวฉีเทียนก็ส่งเสียงมาจากด้านหลังของพวกเขา
จากนั้น พวกเขาก็เห็นเซียวฉีเทียนเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
เฉียวเทียนช่างเย้ยหยันเมื่อเห็นหลิงหลัวมีท่าทีแข็งเกร็งไป
“ฝ่าบาท” จริงอยู่ที่หลิงหลัวนั้นมีอำนาจมาก แต่ยศถาบรรดาศักดิ์ของเขาเทียบไม่ได้กับเซียวฉีเทียนเลย เพราะเขาผู้นี้คือน้องที่ฮ่องเต้รักและเอ็นดูที่สุด
เซียวฉีเทียนปราดตามองหลิงหลัว “หลิงหลัว ข้าไม่สนใจหรอกนะว่าก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับพี่สะใภ้ของข้าเป็นเช่นไร แต่ตอนนี้นางคือคู่หมั้นของพี่ชายข้า และพวกเขากำลังจะแต่งงานกัน พี่สะใภ้ของข้าเองก็เคยบอกเจ้าไปแล้วนี่ หากข้าได้ยินว่าเจ้ายังคิดระรานพวกเขาอีก ก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเจ้า”
“พ่ะยะค่ะ ฝ่าบาท” แม้ว่าหลิงหลัวจะไม่เต็มใจ แต่เขาก็ยอมตกลงโดยดี
ต่อให้เขาไม่อาจจะมาวุ่นวายอะไรได้ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นๆ จะทำไม่ได้เสียหน่อย
เฉียวเทียนช่างมองท่าทีไม่เต็มใจของหลิงหลัวอย่างไม่ชอบใจ “เจ้าเป็นแค่ซื่อจื่อ มิใช่ท่านอ๋องเสียหน่อย”
“จะเป็นอ๋องหรือไม่นั้น ตำแหน่งของข้าก็ยังสูงส่งกว่าของเจ้านัก” หลิงหลัวอยู่ใต้อำนาจของเซียวฉีเทียนก็จริง แต่ทำไมเฉียวเทียนช่างจึงกล้าดูถูกเขาด้วยเล่า
เซียวฉีเทียนมองหลิงหลัวพลางยิ้ม “หากจะพูดให้ถูกต้องแล้ว ตำแหน่งของเทียนช่างนั้นสูงกว่าเจ้านะ เจ้าควรระวังตัวเอาไว้ ข้าเกรงว่าคงจะไม่ดีนัก หากเจ้าทำให้ตระกูลของตนเองนั้นต้องเกิดปัญหา”
ไม่มีใครมาแทนตำแหน่งของเฉียวเทียนช่างได้ แม้แต่เสนาบดีชั้นสูงที่สุดก็ไม่อาจเข้ามาแทนที่เขาได้ นับประสาอะไรกับซื่อจื่ออย่างเขา
“ท่านซื่อจื่อขอรับ ภรรยาของท่านใกล้จะคลอดแล้วขอรับ” ในขณะที่หลิงหลัวรู้สึกอับอายอยู่นั้น จู่ๆ ชายคนหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นอยู่ด้านหลัง ก่อนจะกระซิบข้างหูเขาอย่างร้อนรน
หลิงหลัวขมวดคิ้วอย่างเห็นได้ชัดว่าหงุดหงิดใจ ‘นางผู้นั้นจะมาเรียกร้องอะไรเอาตอนนี้’
นางทำตัวเช่นนี้บ่อยๆ มาตลอดระยะเวลาหนึ่งแล้ว เมื่อไหร่ก็ตามที่เขาไปยังบ้านของอนุภรรยานานเล็กน้อย นางก็จะใช้ข้ออ้างต่างๆ เพื่อเรียกตัวเขากลับ และปกติแล้ว ก็มักจะใช้เรื่องของเด็กในท้องนั่นเอง
“ท่านซื่อจื่อขอรับ…”
“ไปเถอะ” หลิงหลัวสูดลมหายใจเข้าลึก และกลับไปยังม้าของเขา ก่อนจะจากไปอย่างรวดเร็ว ในครั้งนี้เขาไม่หันกลับมามองหนิงเมิ่งเหยาเลยสักครั้ง
คนอีกคนที่อยู่ด้านหลังนั้นโค้งคำนับเซียวฉีเทียน ก่อนจะจากไปเช่นกัน
“เอาเถอะ กลับเข้าไปด้านในกันดีกว่า” เฉียวเทียนช่างมองตามหลัง จนพวกเขาค่อยๆ เลือนหายไป จริงๆ แล้ว การมีอำนาจเหนือผู้อื่น บางครั้งก็ดีใช้ได้เลยทีเดียว อย่างน้อยก็เอาไว้กดดันคนอื่นๆ เวลาจำเป็น
“อย่ากังวลเลย ไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก” เซียวฉีเทียนยิ้ม
เดิมทีเขานั้นรู้สึกไม่พอใจนักที่ได้ยินหนิงเมิ่งเหยาพูดคุยกับหลิงหลัว แต่ก็โล่งใจขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดของหนิงเมิ่งเหยา
ความสัมพันธ์ของคู่รักคู่นี้ใกล้ชิดกันมากจริงๆ แม้ว่าหนิงเมิ่งเหยาและหลิงหลัวนั้นจะเคยมีความสัมพันธ์ต่อกัน แต่จะสำคัญอะไร ในเมื่อมันเป็นเพียงอดีตไปแล้ว และตอนนี้นางก็อยู่กับเฉียวเทียนช่างแล้วด้วย
นอกจากนี้ พวกเขายังเชื่อว่าเฉียวเทียนช่างต้องรู้เรื่องของหลิงหลัวมานานแล้ว จึงไม่มีอะไรน่ากังวล
บทที่ 182 ใครจะไม่เคยเจอคนน่ารังเกียจมาก่อน
เฉียวเทียนช่างถอนหายใจ ก่อนพาหนิงเมิ่งเหยากลับเข้าบ้าน มันช่างเป็นเรื่องน่าหงุดหงิดใจนักที่มีคนมาเคาะประตูบ้านยามเช้าเพื่อหาเรื่องกันเช่นนี้
หลังจากพวกเขานั่งลง แขกคนอื่นๆ ในบ้านต่างมองมา จนในที่สุด หลินจือโยวจึงเอ่ยขึ้น “ท่านพี่สะใภ้ ข้าเพียงแค่สงสัยว่าท่านมีความสัมพันธ์เช่นไรกับหลิงหลัวกันแน่หรือ”
หนิงเมิ่งเหยากัดซาลาเปาแล้วผงกศีรษะ “จริงๆ แล้ว ข้ารู้จักเขาตอนข้าอายุสิบขวบ ในตอนนั้น เขาดีกับข้ามาก เขาสอนวิชาการต่อสู้ป้องกันตัวให้กับข้าและยังช่วยข้าสร้างบ้านอีกด้วย จากนั้นข้าก็ได้เรียนวิชาปักเย็บผ้าจากหญิงเย็บผ้าคนหนึ่ง หลังจากนั้นมาข้าก็หาเลี้ยงชีพด้วยตัวเอง อาจจะพูดได้ว่าเราสองคนเป็นสหายในวัยเด็ก”
“แล้วเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นหรือ” หลินจือโยวใคร่รู้อย่างยิ่ง
“จากนั้น เขาบอกว่าเขาจะแต่งงานกับข้า ซึ่งข้าเองก็คิดเช่นเดียวกัน แต่ทว่าปีที่แล้ว เขากลับอยากแต่งงานกับชายาซื่อจื่อของจวนตระกูลเซียวนามว่าเซียวจื่อเซวียน เขาจึงบอกให้ข้าไปเป็นอนุภรรยาของเขาแทน หลังจากนั้น ข้าก็เผาบ้านในเมืองหลวงทิ้ง และย้ายมาอยู่ที่นี่” หนิงเมิ่งเหยาอธิบายอย่างคร่าวๆ
เซียวฉีเทียนและเฉียวเทียนช่างต่างรู้จักหนิงเมิ่งเหยาในฐานะเจ้าของทงเป่าไจ นางทำทุกอย่างเพื่อหลิงหลัว แต่เขากลับไม่เคยรู้เลย หนำซ้ำยังบอกให้นางมาเป็นอนุภรรยาของตนเองอีกด้วย
จากที่พวกเขารู้จักหนิงเมิ่งเหยาแล้วนั้น การให้หญิงสาวเป็นอนุภรรยาถือเป็นการดูหมิ่นศักดิ์ศรีของนาง ไม่แปลกใจเลยที่นางจะเผาบ้านทิ้ง และย้ายออกจากเมืองหลวงมาที่นี่
การจากมาเป็นหนทางเดียวที่จะทำให้หญิงสาวมีชีวิตที่สุขสงบได้
“แล้วเขารู้ได้เช่นไรกันว่าเจ้าอยู่ที่นี่”
“หลังจากที่ข้าร่วมมือทางการค้ากับฉีเทียน เขาก็นำเหล้าไปขายในร้านของเขา แล้วหลิงหลัวรู้ว่าข้ารู้วิธีกลั่นเหล้าอยู่แล้ว” หลิงหลัวรู้ว่าหนิงเมิ่งเหยาเคยเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องเหล้ามาก่อน ดังนั้นจึงรู้ว่านางจะต้องผลิตเหล้าอย่างแน่นอน ตอนแรกนั้นหญิงสาวกังวลว่าหลิงหลัวจะรู้เข้า จึงไม่คิดจะทำสิ่งเหล่านี้ในทงเป่าไจ แต่ตอนนี้ก็ดูเหมือนว่านั่นจะเป็นความคิดอันชาญฉลาดทีเดียว
เซียวฉีเทียนเลิกคิ้วขึ้น ในตอนนั้นหญิงสาวและเฉียวเทียนช่างต่างมีใจให้กันแล้ว นางจึงไม่กังวลว่าหลิงหลัวจะมาตามหานางอีก บางทีมันอาจจะเป็นสาเหตุทำให้หนิงเมิ่งเหยาตัดสินใจร่วมงานกับเขาก็ได้
“พวกเจ้าเป็นอะไรไป” หนิงเมิ่งเหยาเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าทุกคนมองตนเองด้วยแววตาแปลกประหลาดไป
หลินจือโยวยิ้ม “พี่สะใภ้ พวกเราเห็นใจท่านน่ะ ท่านเป็นคนดีขนาดนี้ ทำไมต้องมาเจอคนประเภทนั้นด้วย”
เมื่อหนิงเมิ่งเหยาเห็นท่าทางของหลินจือโยว ก็หัวเราะออกมา “ในโลกใบนี้ ใครจะไม่เคยเจอคนน่ารังเกียจมาก่อนบ้างเล่า อีกอย่าง หากไม่ใช่เพราะเขา ข้าก็คงไม่ได้พบกับเทียนช่างหรอก” นั่นก็เป็นความจริง
ทุกคนต่างคิดเช่นเดียวกัน ดังนั้นพวกเขาจึงทิ้งอดีตไว้เบื้องหลัง
อย่างไรก็ตาม หนิงเมิ่งเหยาก็มองดูกลุ่มชายหนุ่มในห้อง และพูดขึ้นด้วยหัวใจอันหนักแน่น “การพยายามจะทวงคืนหญิงสาว ตอนที่นางกำลังจะแต่งงานนั้น เป็นการกระทำอันเลวทรามมาก พวกเจ้าห้ามทำตัวน่ารังเกียจเช่นเขาเด็ดขาดนะ”
ขณะนั้น หลินจือโยวและคนอื่นๆ กำลังกินข้าวต้มกันอยู่ หลังจากฟังคำพูดจากหนิงเมิ่งเหยา พวกเขาก็สำลักข้าวต้มทันที “พี่สะใภ้ เราไม่พูดเรื่องนี้กันได้หรือไม่เล่า”
“ทำไมหรือ สักวันหนึ่ง พวกเจ้าทุกคนก็ต้องแต่งงานอยู่ดี” หนิงเมิ่งเหยามองพวกเขาอย่างไร้เดียงสา
หลินจือโยวเงียบลง พลางปั้นหน้าบึ้งบูด
พวกเขาอยู่แต่ในค่ายกองทัพทุกวัน จนไม่มีเวลามองหาคนที่จะมาแต่งงานด้วย แล้วพวกเขาจะมีเวลาไปวุ่นวายกับภรรยาของชายอื่นได้เช่นไรกันเล่า เหล่าชายชาติทหารนั้นเป็นคนที่ซื่อสัตย์ที่สุด แล้วจะปฏิบัติตัวไม่ดีกับภรรยาของตนเองได้เช่นไรกันเล่า
เมื่อเห็นพวกเขาที่กำลังทานอาหารกันอยู่ หนิงเมิ่งเหยาก็รู้สึกสุขใจ รอยยิ้มของหญิงสาวทำให้หลินจือโยวและชายหนุ่มคนอื่นๆ โกรธขึ้ง “ท่านเปลี่ยนประเด็นมาที่พวกเราได้เช่นไรกันเนี่ย”
หนิงเมิ่งเหยากะพริบตาปริบๆ อย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่ “ข้าน่ะหรือ”
“เปล่าหรอก”
ก่อนที่พวกเขาจะพูดอะไร เฉียวเทียนช่างก็เอ่ยขึ้นมาก่อน แต่ทว่าคำพูดของเขากลับทำให้คนอื่นๆ ต้องสำลักอาหารกันอีกครั้ง
“นายท่าน อย่าทำตัวน่าอับอายเช่นนั้นได้ไหมขอรับ” หลินจือโยวอยู่ที่นี่มาสามวันด้วยความงุนงงอย่างยิ่ง เจ้านายของพวกเขาเปลี่ยนไปมากมายนัก ชายหนุ่มคนนี้แสดงความรักอย่างออกหน้าออกตา จนแทบจะมองไม่เห็นพวกเขาเลย
“เจ้าก็ไปหาภรรยา แล้วพามาแสดงความรักกันต่อหน้าพวกเราก็ได้นะ” หนิงเมิ่งเหยาค่อยๆ ทานอาหารเช้าของตน พลางยิ้มและเอ่ยขึ้น ท่าทีอันผ่อนคลายของหญิงสาว ทำเอาหลินจือโยวอยากจะตบหน้าตัวเองเสียจริง
‘แล้วเขาจะหาเรื่องใส่ตัวทำไมกัน’ เขาการันตีได้เลยว่าหากบทสนทนายังไม่จบ หนิงเมิ่งเหยาคงจะหาผู้หญิงมาให้เขาจริงๆ และหากเขาไม่ต้องการ เขาจะกล้าปฏิเสธได้อย่างไรกันเล่า