เธอไม่รู้ว่าเธออยู่ในความฝันที่พร่ามัวหรือความจริงที่เลือนรางกันแน่
ราวกับว่ากำลังจมอยู่ใต้มหาสมุทรลึกที่มองไปทางไหนก็เห็นเพียงน้ำสีคราม รอบตัวไม่ปรากฏสิ่งใด และบรรยากาศก็เงียบสงัดเหลือเกิน เสียงเดียวที่ได้ยินคือเสียงเกลียวคลื่นที่สาดกระทบเข้าชายฝั่ง ร่างไร้สติของเธอลอยเคว้งออกไปท่ามกลางมหาสมุทรลึกและถูกกระแสลมพัดผ่านช้าๆ
เธอนอนหมดสติอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานาน…
“คุณ…คุณ คุณฟื้นแล้ว!”
เธอนอนราบกับเตียงพร้อมอาการปวดหัวอย่างรุนแรงจนเหมือนจะแตกเป็นเสี่ยงๆ และแผลพุพองเหมือนโดนไฟไหม้บริเวณหน้าท้อง ความเจ็บปวดที่หลังทำให้เธอไม่สามารถทนได้ มือของเธอสั่นขึ้นอย่างควบคุมไม่อยู่
“หมอจางคะ รีบมาดูอาการเธอทีค่ะ!”
เสียงที่ดังขึ้นข้างๆ เธอแผ่วเบาลงเรื่อยๆ แต่ความเจ็บปวดที่ร่างกายได้รับกลับยิ่งรุนแรงขึ้น เธอไม่สามารถแม้แต่จะลืมตาขึ้นมาเพื่อมองสิ่งที่เกิดขึ้นรอบข้างได้
“ดูเหมือนเธอจะ…หมดสติไปอีกแล้วค่ะ”
หลังประโยคนั้นจบ ทุกอย่างก็เงียบลง เธอจมหายไปในความเงียบใต้ทะเลลึกอีกครั้ง ดินแดนอัศจรรย์ที่กว้างใหญ่และไม่เคยพบเจอที่ไหนมาก่อน มีเพียงที่แห่งนั้นเท่านั้นที่เธอจะไม่รู้สึกทรมานอีกต่อไป
“เธอสลบไปอีกครั้งแล้วจริงๆ ค่ะ…” พยาบาลพยายามเปิดตาและใช้ไฟฉายส่องไปในตาของเธอก่อนกล่าวขึ้นอย่างยอมแพ้ “ทำยังไงดีคะหมอ นี่ครั้งที่สี่ของอาทิตย์นี้แล้วนะคะ…”
พยาบาลคนเดิมหันไปมองด้านหน้าห้องคนไข้ จากนั้นเมื่อจัดการกับสายน้ำเกลือจนเข้าที่ เธอก็หันไปหาหมอจางที่รีบเข้ามาดูอาการแล้วเอ่ยถาม “หมอคิดว่าอย่างไรคะ เธอจะฟื้นหรือเปล่า”
หมอจางพลิกดูประวัติการรักษาของเธอแล้วตอบอย่างสิ้นหวัง “อาทิตย์นี้คงต้องตามดูอาการอย่างใกล้ชิดอีกครั้ง เธอถูกส่งมาเพราะอาการบาดเจ็บสาหัสจนทำให้เลือดออกในปอด ถ้าเป็นคนปกติคงตายไปแล้ว”
ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในห้องคนไข้ ทั้งคู่ยืนพิงด้านข้างเตียงพลางมองไปยังผู้ป่วยที่นอนไม่ได้สติขณะคุยกันอย่างไม่รีบร้อน “อืม หมอจาง คุณคิดยังไงกับประวัติของคนไข้คนนี้คะ นี่ก็ผ่านมาเป็นอาทิตย์แล้วแต่ยังไม่เห็นว่าจะมีเพื่อนหรือญาติคนไหนมาเยี่ยมเลยสักคน อย่างกับเธอไม่มีตัวตนอย่างนั้นแหละ”
“จากที่ผมได้ยินมา ผู้หญิงคนนี้ถูกพบที่ล็อบบี้ของโรงพยาบาล คนมุงดูเธอกันใหญ่ตอนเธอนอนนิ่งจมกองเลือด ทุกคนคิดว่าเธอเป็นผีดิบแถมวิ่งหนีกันกระเจิง!”
“ถ้าอย่างนั้นใครกันคะที่ส่งเธอมาโรงพยาบาล ไหนจะค่าผ่าตัด ค่ารักษาพยาบาลอีกมหาศาลที่ต้องจ่ายอีก” พยาบาลถามขึ้นอย่างประหลาดใจ จากที่เธอเข้าใจ โรงพยาบาลไม่ไม่ทางรับคนไข้ที่อยู่ๆ ก็ล้มตึงแถวล็อบบี้แถมยังเกือบจะเสียชีวิตอย่างนี้ อาจดูไร้ความเมตตาไปหน่อยแต่ความตายเองก็เป็นสิ่งที่โรงพยาบาลพบเจออยู่ทุกวัน พวกเขาต่างคุ้นชินกับมัน
“ผมก็ไม่ค่อยแน่ใจ แต่ดูเหมือนใครคนนั้นจะจ่ายเงินก้อนโตมาให้แล้วล่ะ นอกจากนี้ยังดูแลเรื่องเอกสารทั้งหมด แถมยังอนุญาตให้เราผ่าตัดเธอได้ด้วย ค่าใช้จ่ายในการรักษาที่เพิ่มมาบางครั้งก็จ่ายเรียบร้อยแล้วเหมือนกัน”
“โห เป็นคนที่ใจดีจังเลยนะคะ แล้วค่ารักษาอื่นๆ ก็จ่ายให้ด้วยเหรอคะ”
“ใครกันนะจะยอมจ่ายเงินให้คนที่ไม่รู้จักแบบนี้! ต้องเป็นใครสักคนที่เธอรู้จักแน่ ไม่แน่ว่าอาจเป็นเพื่อนหรือญาติก็ได้”
พยาบาลสาวมองคนไข้ที่ดูซูบผอมและซีดเซียวซึ่งนอนนิ่งอยู่บนเตียง เธอเม้มริมฝีปากอย่างครุ่นคิด “อืม ถ้าเธอเป็นคนไม่มีที่มาที่ไปจริงๆ คงจะดีถ้าเธอฟื้นขึ้นมานะคะ แต่ถ้าเธอตายที่นี่ล่ะ เราจะทำยังไงกันดี”
หมอจางกลอกตาอย่างสิ้นหวังไปทางพยาบาล “ถ้ามันแย่ขนาดนั้นจริงๆ เธออาจกลายเป็นเจ้าหญิงนิทรา และนั่นจะเป็นปัญหามาก”
เขาก้มมองนาฬิกาแล้วปิดรายงานการรักษา “ครับ ถึงเวลาที่ผมต้องไปเปลี่ยนกะแล้ว คอยดูอาการเธอไว้ ถ้ามีอะไรคืบหน้าบอกผมนะครับ”
พยาบาลรั้งเขาไว้แล้วหัวเราะ เธอว่า “ฉันก็ต้องไปดูคนไข้ห้องอื่นเหมือนกันค่ะ แต่ฉันไม่คิดว่าเธอจะฟื้นขึ้นมาเร็วๆ นี้หรอกค่ะ”
ประตูห้องคนไข้ปิดลงอีกครั้ง ทิ้งให้ผู้หญิงคนหนึ่งนอนอยู่บนเตียงท่ามกลางความเงียบในห้อง
เธอนอนนิ่งไร้สติมาตลอดสัปดาห์ราวกับจมอยู่ในห้วงความฝันในทะเลลึก…ที่ปราศจากทางออก