เมื่อมาถึงโรงพยาบาล โม่หันก็อุ้มเธอตรงเข้าไปรักษาที่ห้องฉุกเฉิน พอพยาบาลเห็นเด็กสาวในอ้อมแขนของเขาก็เบิกตากว้างขึ้น “คุณคือคนไข้ที่เพิ่งหนีออกไปนี่นา”
แต่ทันใดนั้นเมื่อเธอเห็นบาดแผลตรงหน้าท้องที่อาบไปด้วยเลือดและใบหน้าที่ซีดเผือดของเด็กสาว ท่าทีของเธอก็เปลี่ยนไป เธอหันไปมองชายหนุ่มสองคนที่ยืนข้างๆ “เกิดอะไรขึ้น ทำไมเธอถึงได้อยู่ในสภาพนี้ได้ละคะ”
“แผลที่ท้องของเธอฉีกน่ะครับ” โม่หันตอบ
เธอขมวดคิ้วแล้วหันหน้าไปมองเด็กสาวบนเปล “เจ็บแผลใช่ไหมคะ เราอุตส่าห์บอกแล้วว่าคุณเพิ่งฟื้นขึ้นมา ร่างกายยังไม่หายดี แต่คุณก็ดันแอบหนีออกไปซะได้ แล้วดูสภาพคุณตอนนี้สิ สุดท้ายก็ต้องกลับมาที่นี่อีกจนได้”
ความเจ็บปวดบริเวณหน้าท้องที่เธอกำลังประสบนั้นอย่างกับแผลโดนไฟไหม้ เธอดูทรมานมาก “คุณคะ ถ้าคุณยังไม่เย็บแผลให้ตอนนี้ ฉันคงได้ตายไปจริงๆ แน่ มันเจ็บเกินไปแล้ว”
พยาบาลจ้องเข้าไปในดวงตาของเธอก่อนมองไปทางโม่หัน “กรุณาลงไปชั้นล่าง กรอกเอกสารแล้วชำระเงินด้วยนะคะ”
พอจบประโยค เธอก็เข็นเปลเข้าไปข้างในและเริ่มเย็บแผลให้เด็กสาว
“นายลงไปจ่ายค่ารักษาชั้นล่างให้ที ฉันจะตามไปดูเธอ” โม่หันเดินตามพยาบาลเข้าไปโดยไม่รอให้ไป๋อวี่ตอบรับ
ไป๋อวี่กระทืบเท้ากับพื้นแล้วตะโกน “นี่… นายจะเมินกันแบบนี้เหรอ รอฉันด้วยสิ ฉันไม่รู้ว่าห้องจ่ายเงินอยู่ตรงไหนด้วยซ้ำ!” เขาเห็นแผ่นหลังของโม่หันที่เดินห่างออกไปไกลๆ ก็ย่นปากไม่พอใจและเดินไปจัดการเอกสารลงทะเบียนคนไข้ตามคำสั่งอย่างไม่เต็มใจนัก
หมอจังให้เด็กสาวนอนลง จากนั้นก็ฉีดยาชาให้ เสร็จแล้วเขาก็ผละไปเตรียมอุปกรณ์ห้ามเลือดก่อนจะเริ่มเย็บแผลอีกครั้ง
เขาสวมหน้ากากอนามัย มองคนไข้สาวที่ปิดปากพร้อมลืมตามองเขาไปด้วย เธอดูราวกับไม่ได้บาดเจ็บแม้แต่น้อย เขาหัวเราะแล้วเอ่ยขึ้น “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แผลของคุณฉีกใช่ไหมครับเนี่ย มาดูกันว่าครั้งนี้คุณจะหนีออกไปอีกไหม!
“โชคดีนะครับที่คุณยังมีสติอยู่ สำหรับคนที่หนีออกไปตอนที่ร่างกายยังไม่หายดีแบบนี้ แผลฉีกแค่นี้นับว่าน้อยมากแล้ว
“เคยคิดบ้างไหมครับว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าแผลเกิดติดเชื้อหรืออักเสบขึ้นมา ถ้าคุณเป็นไข้ขึ้นมาล่ะ มันคงไม่ง่ายแบบที่แค่มานั่งเย็บแผลอยู่อย่างนี้หรอกนะครับ”
ระหว่างที่หมอจังเย็บแผล เขาก็บ่นตักเตือนคนไข้ที่ตั้งแต่เข้ามารักษาตัวก็สร้างความวุ่นวายให้ไม่หยุดหย่อนไปด้วย ในตอนนั้นบนร่างของเธอมีแผลที่จุดสำคัญสองที่ซึ่งสามารถคร่าชีวิตเธอไปได้ง่ายๆ เธอถูกแทงที่หน้าท้องทำให้มีเลือดออกในอวัยวะภายใน บริเวณหน้าอกก็เช่นกัน มันห่างจากหัวใจไปแค่ศูนย์จุดสามมิลลิเมตรเท่านั้น เธออยู่ในภาวะโคม่าถึงสองสัปดาห์ เข้ารับการผ่าตัดถึงสามครั้ง และต้องคอยเฝ้าดูอาการอย่างใกล้ชิด แต่หลังจากพ้นขีดอันตรายฟื้นขึ้นมาได้ไม่ถึงวัน เธอก็หนีออกไปจากโรงพยาบาล
เขาเชื่อเลยว่าบันทึกการรักษาของเธอจะต้องเป็นหนึ่งในปาฏิหาริย์ที่เกิดขึ้นที่นี่แน่ๆ
หมอจังถอดถุงมือออกหลังจากเย็บแผลเสร็จ “ทำไมคุณไม่พักที่นี่ต่อสักหน่อยล่ะครับ ผมจะมาตรวจแผลให้อีกครั้งหลังจากยาชาหมดฤทธิ์”
หมอจังสังเกตเห็นโม่หันยืนอยู่ตรงทางเดินขณะเดินออกจากห้องมา เขาคิดว่าโม่หันคงเป็นญาติของคนไข้แน่จึงถอดหน้ากากอนามัยออกและบอกให้อีกฝ่ายตามเขาไปที่ห้องตรวจ
“ร่างกายของเธอยังไม่ฟื้นตัวดี ช่วงนี้อย่าให้ออกกำลังกายหนักดีกว่านะครับ เพราะถ้าเกิดแผลเปิดอีกรอบเหมือนคราวนี้จะรักษายากกว่าเดิม” หมอจังพูดพลางหย่อนตัวนั่งบนเก้าอี้ทำงาน
“คุณเป็นพี่ชายของเธอใช่ไหมครับ ทำไมถึงได้ใช้เวลาตามหาตัวเธอนานนักล่ะ” เขาถามขึ้น
โม่หันรู้สึกงุนงงเล็กน้อย เขากำลังจะอ้าปากอธิบายแต่ก็ทำได้แค่ฟังหมอจางที่เอ่ยปากเล่าเรื่องเสียยืดยาว “เธอนอนรักษาตัวอยู่ที่นี่มาสองสัปดาห์แต่ผมก็ไม่เคยเห็นญาติเธอคนไหนแวะมาเยี่ยมเลยสักคน อีกทั้งตอนเธอฟื้นขึ้นมาก็สูญเสียความทรงจำไปอีก เธออยากจะตามหาตัวพวกคุณแต่ก็ไม่รู้ว่าต้องเริ่มหาที่ไหน ผมไม่ได้อยากจะโทษคุณหรอกนะครับ แต่คุณได้เอาใจใส่เธอบ้างไหม เธอรอดชีวิตมาได้อย่างไม่น่าเชื่อจริงๆ เพราะฉะนั้นก็ช่วยดูแลเธอให้ดีๆ ด้วยเถอะครับ”
หมอจังที่เห็นเขาเอาแต่ทำหน้านิ่งเฉยและนั่งเงียบบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามก็ได้แต่คิดในใจด้วยความสงสัย…
นี่พวกเขาเป็นพี่ชายน้องสาวกันจริงๆ หรือเปล่าเนี่ย