โม่หันไม่รู้เลยว่าหลังจากที่เขาออกไปนั้น เธอก็ไม่ได้หลับเลยแม้แต่นิดเดียว
ว่ากันตามจริงคือเธอหลับไม่ลง เมื่อไม่กี่วันก่อนตอนที่เธอเดินเตร็ดเตร่ไปตามท้องถนนทั้งชุดคนไข้ เธอก็ไม่รู้สึกง่วงเลยแม้แต่น้อย สิ่งที่เธอรู้สึกมีเพียงความเจ็บปวดและความหนาวเหน็บ ตลอดสองวันนั้นเธอซ่อนตัวอยู่ใต้กระดานลื่นในสนามเด็กเล่นและไม่มีใครจะหาเธอพบ ถ้าไม่เป็นเพราะว่าความหิวที่ทำให้ต้องออกไปหาอาหารประทังชีวิตที่ร้านค้า ป่านนี้เธอคงยังซ่อนตัวอยู่ที่เดิมแน่
แสงไฟในห้องดับลง ทิ้งไว้เพียงแสงอาทิตย์อ่อนๆ ยามเย็นอ่อน ที่สะท้อนเข้ามาในห้องผ่านหน้าต่าง เธอเปลี่ยนชุดเป็นเสื้อผ้าที่เขาให้เธอไว้ ทิ้งตัวนั่งบนเตียง รู้สึกอุ่นใจน้อยๆ เมื่อได้ยินเสียงของเขาจากด้านนอก เสียงน้ำที่ไหลกระทบพื้นตอนที่เขาเข้าไปอาบน้ำ และเสียงปิดประตูจากห้องข้างๆ ที่ดังขึ้นก่อนที่ความเงียบจะเข้ามาเยือน
เธอเพิ่งเริ่มรู้สึกง่วงจึงล้มตัวนอนบนเตียง ในขณะที่ใกล้จะผล็อยหลับไปนั้นก็ได้ยินเสียงวุ่นวายจากอีกด้านของประตู เธออยากลุกขึ้นไปดูแต่ก็ต้องเซด้วยอาการมึนงง จู่ๆ ก็รู้สึกหนักหัวขึ้นมาทันที
เธอไม่รู้ตัวว่าหมดสติไปตอนไหนเพราะตอนนี้ตัวเธอได้จมดิ่งไปใต้ทะเลลึกอีกครั้ง
ทะเลลึกที่ว่างเปล่าเหมือนกับตอนที่เธอพบว่าตัวเองกำลังจมลงไปในช่วงที่รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล
อีกด้านหนึ่ง โม่หันเดินทางไปสถานีตำรวจอีกครั้ง
เขาแวะไปยื่นคำร้องขออุทธรณ์คดีที่เตรียมมา สิ่งที่เขาอยากรู้ตอนนี้คือตัวตนที่แท้จริงของเด็กสาวซึ่งกำลังอยู่ในบ้านของเขา รวมถึงการรับมือกับสถานการณ์ที่ชวนงุนงงที่เกิดขึ้นนี้ด้วย
เพราะคดีมากมายที่ต้องจัดการมาตลอดหลายปี เขาจึงกลายเป็นแขกประจำที่มาเยือนที่นี่อยู่บ่อยๆ จนคุ้นหน้าคุ้นตากับเจ้าหน้าที่หลายคน นี่เองที่ทำให้เขาได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการทำคดี
“วันนี้หัวหน้าจางอยู่ไหมครับ” เขาถามหนึ่งในเจ้าหน้าที่ชั้นผู้น้อยของทีมสอบสวน
ทว่าอีกฝ่ายกลับจำทนายโม่คนดังไม่ได้จึงชี้ส่งๆ ไปที่ห้องด้านหลังห้องหนึ่ง “เขาอยู่ในห้องสอบสวนน่ะครับ ทำไมคุณไม่ไปรอในห้องทำงานเขาล่ะ”
เขาก้าวไปในห้องทำงานของคนอายุมากกว่าก่อนจะนั่งรออย่างใจเย็น
ในที่สุดหัวหน้าจางก็กลับมาที่ห้องทำงานในอีกราวหนึ่งชั่วโมงต่อมา เขารู้สึกตกใจเมื่อเห็นโม่หันนั่งรอตัวตรงเงียบๆ ตอนที่ผลักประตูเข้ามา “ทนายโม่ ทำไมถึงมาที่นี่ได้ล่ะ”
“ผมมีเรื่องอยากให้ท่านช่วยหน่อยครับ”
หัวหน้าจางแตะศีรษะเขาเบาๆ ยกยิ้มขึ้น “ทำไมต้องสุภาพขนาดนี้ด้วยล่ะ เมื่อสักครู่นี้เสี่ยวจางบอกว่ามีคนมาหา ฉันก็คิดอยู่ว่าใครกันนะ! ที่แท้เป็นนายนี่เอง! ไม่ได้มาที่นี่มาสักพักหนึ่งแล้วใช่ไหมนี่”
เขาวางเอกสารก่อนเดินไปกดน้ำส่งให้โม่หันหนึ่งแก้ว “ทนายโม่ ต้องเป็นเรื่องสำคัญสำหรับนายแล้วล่ะมั้ง ถึงขนาดทำให้ต้องมาสถานีตำรวจด้วยตัวเองแบบนี้ มีเรื่องอะไรเหรอ อยากให้ฉันช่วยอะไรหรือเปล่า”
โม่หันพูดเข้าเรื่องทันที “ผมอยากให้ช่วยสืบเรื่องของคนคนหนึ่งให้หน่อยครับ”
ฝ่ายคนฟังเมื่อเห็นสีหน้าจริงจังของเขาก็รู้ได้ว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน เขาบอกให้โม่หันนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามแล้วเอ่ยถามขึ้น “นายตามหาใครอยู่ล่ะ มีชื่อไหม”
เขาตอบกลับ “เธอจำชื่อของเธอไม่ได้ครับ”
คำตอบของเขาทำให้หัวหน้าจางตกใจปนงุนงง “ไม่มีชื่อ? แล้วฉันจะตามสืบจากไหนได้ล่ะเนี่ย”
เขาชะงักไปชั่วขณะ “เธอ…ความจำเสื่อมครับ ครอบครัวของเธอไม่ได้ออกตามหาเธอเหมือนกัน ผมอยากให้ช่วยผมสืบประวัติของเธอให้หน่อย”
อีกฝ่ายครุ่นคิด “ถ้าอย่างนั้น…ก็ต้องใช้เส้นสายนิดหน่อย”
โม่หันครุ่นคิดกับตัวเอง “ท่านช่วยผมตรวจดูไฟล์จากกล้องวงจรปิดตรงทางเข้าของโรงพยาบาลเมื่อเดือนที่แล้ว วันที่สิบสี่เมษายนได้ไหมครับ เธอถูกพบตัวครั้งแรกที่นั่น”
คนอายุมากกว่าลุกขึ้นและพาเขาไปยังห้องควบคุม ย้อนวิดีโอดูก่อนจะเลื่อนหาเทปบันทึกภาพเหตุการณ์ที่โรงพยาบาลในวันนั้น
ชายสองคนนั่งบนเก้าอี้ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมและจริงจัง ค่อยๆ ตรวจดูอย่างละเอียดโดยไม่พลาดแม้แต่วินาทีเดียว โม่หันพยายามนึกเวลาที่แน่นอนที่เขาไปถึงโรงพยาบาลขณะที่ดูเทปซึ่งบันทึกเหตุการณ์หนึ่งชั่วโมงก่อนเขาจะไปถึง
ในช่วงครึ่งชั่วโมงก่อนที่เขาจะเดินทางไปถึงนั้น ชายหนุ่มก็สังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างในที่สุด