เมื่อมาถึงบ้าน โม่หันก็หยิบเอกสารที่เขาวางไว้ก่อนทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา “เรามีเรื่องต้องคุยกันครับ”
เด็กสาวไม่เข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร เธอยืนค้างที่เดิมด้วยความงุนงง เขาจะไล่เธอออกไปเหรอ ทั้งๆ ที่เขายอมให้เธอเข้ามาอยู่ที่นี่เป็นวันแล้วน่ะนะ
เขาคลายเนกไทลงแล้วพลิกเอกสารในมือไปมา “วันนี้ผมไปสถานีตำรวจมา”
เธอก้มหน้าลงเงียบๆ
“ครอบครัวของคุณอาจไม่ได้ติดต่อมาในช่วงหลายวันมานี้” เขากล่าวขึ้น
เธอไม่ตอบอะไรกลับมา สีหน้านิ่งเฉยราวกับไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด
ชายหนุ่มคิดว่าเธอจะรู้สึกแย่ขึ้นมาสักนิด แต่เธอกลับดูไม่มีท่าทีผิดหวังเหมือนอย่างที่เขาคิดไว้
“เมื่อหลายวันก่อนที่สำนักงาน คุณช่วยผมเอาไว้ ตอนนี้ก็คุณอยู่ตัวคนเดียวแต่คุณก็ไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้ว ผมเลยส่งคุณไปที่สถานสงเคราะห์ไม่ได้ เพราะอย่างนั้น…” เขาชะงักไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ อยู่ๆ ก็พูดไม่ออกเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอ
เธอมองไปที่เขาด้วยสายตาว่างเปล่าอย่างไม่เข้าใจ
“ผมเลยเตรียมเอกสารบางอย่างมาให้คุณ”
โม่หันนึกขึ้นได้ว่าประโยคที่เขาเพิ่งพูดจบไปฟังดูกำกวมจึงรีบอธิบาย “อย่าเพิ่งเข้าใจผิด ผมหมายถึงคุณยังสามารถอยู่ที่นี่ชั่วคราวได้นะครับ”
“ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่จะบอกก็คือ คุณจะตั้งชื่อให้ฉันรวมถึงจัดการเรื่องประวัติให้ด้วยอย่างนั้นเหรอคะ” เด็กสาวแทบไม่เชื่อตัวเอง เธอคิดว่าเขาจะไล่เธอออกไปในอีกไม่กี่วันนี้และไม่สนใจเรื่องของเธออีก เธอไม่คิดเลยว่าเขาจะยื่นมือเข้ามาช่วย แค่คิดก็ขำแล้ว
เขาหยิบเอกสารออกมาก่อนยื่นให้เธอดู “นี่เป็นข้อมูลของเด็กกำพร้าในเมือง S ที่หายตัวไปตลอดสิบปีที่ผ่านมา หน้าตาอายุของเธอรุ่นราวคราวเดียวกับคุณ ผมเพิ่งตรวจดูข้อมูลพวกนี้ช่วงบ่าย ยังไงคุณก็ลองอ่านดูนะครับ”
เธอรับเอกสารสีเหลืองปึกบางมาอ่าน มันเป็นระบุข้อมูลทั่วไปพร้อมประวัติครอบครัวและรูปภาพติดพาสปอร์ตของเด็กสาวคนหนึ่ง เธอมองกล้องด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“แต่ว่าเธอกับฉัน…?” เด็กสาวคนนี้หน้าตาไม่เหมือนเธอเลยสักนิด
“รูปเก่าไม่ชัดมาก พวกเขาไม่สงสัยหรอกครับ อีกอย่างมันก็ผ่านมาหลายปีแล้ว หน้าตาก็ต้องเปลี่ยนไปบ้างเป็นธรรมดา”
“คุณอยากให้ฉันสวมรอยเป็นเธอเหรอคะ”
เขาพยักหน้าช้าๆ “ใช่ครับ”
ฝ่ายที่ฟังอยู่ถึงกับทำอะไรไม่ถูก ได้หัวเราะแห้งๆ ออกมาแทน เธอก้มหน้าอ่านข้อมูลของเด็กผู้หญิงบนกระดาษ ซย่าชิงอีคือชื่อที่แสนไพเราะของเธอ
บางทีหลังจากนี้นี่อาจกลายเป็นชื่อของเธอแทน
“ประวัติของเด็กกำพร้าถูกบิดเบือนง่าย ผมจะบอกทุกคนว่าคุณเป็นน้องสาวบุญธรรมที่เพิ่งกลับมาซึ่งครอบครัวผมรับมาเลี้ยง จนกว่าความทรงจำของคุณจะกลับมา คุณก็ใช้ตัวตนนี้ไปก่อนแล้วกันนะครับ
“ถ้าคุณตกลงตามนี้ ผมจะไปจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยภายในอีกไม่กี่วัน รวมถึงบัตรประชาชนและเอกสารสำคัญอื่นๆ ที่เตรียมให้คุณด้วย”
“ถ้าคุณบอกว่าฉันเป็นน้องสาวบุญธรรม พ่อแม่ของคุณจะไม่ว่าอะไรเหรอคะ” เธอถามขึ้นด้วยความกังวล
“คุณไม่ต้องกังวลไปหรอก พ่อแม่ของผมท่านอยู่ต่างประเทศ เดี๋ยวผมจะบอกพวกท่านให้รู้เองครับ” ชายหนุ่มดูไม่กังวลเรื่องนี้เลย แม่ของเขาอยากมีลูกสาวมาตลอดแต่ก็ไม่เป็นดังที่หวังไว้ หลังจากที่เขาเกิดมาเธอก็ไม่สามารถตั้งครรภ์ได้อีก การที่ไม่สามารถให้กำเนิดลูกสาวกลายเป็นความเสียใจครั้งยิ่งใหญ่ของเธอ ส่วนพ่อของเขาซึ่งทำธุรกิจอยู่ที่ต่างประเทศ ถ้าไม่ใช่เรื่องที่อยู่ในความสนใจของเขาก็มักจะทำเป็นมองข้ามๆ ไปอย่างไม่ใส่ใจอยู่แล้ว
ท่าทีของโม่หันดูจริงจังขึ้น “ผมเป็นทนายความ ผมไม่ทำงานที่ไม่ได้ค่าตอบแทนหรอกนะครับ ก่อนที่คุณจะหาครอบครัวของคุณเจอ ผมจะเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่ายให้เอง ฉะนั้นหลังจากที่ความทรงจำของคุณกลับมาและได้เจอครอบครัวที่แท้จริงแล้ว ผมจะมาทวงเงินคืนนะครับ
“พูดอีกอย่างก็คือเพราะคุณเคยช่วยผมเอาไว้ ผมเลยตอบแทนด้วยการหาตัวตนชั่วคราว รับผิดชอบค่าใช้จ่าย แล้วทำให้คุณแน่ใจว่าจะปลอดภัยจนกว่าคุณจะจำได้ว่าคุณเป็นใคร”
เด็กสาวครุ่นคิดกับคำพูดของเขาอย่างเงียบๆ