หลังจากจรดปากกาลงชื่อเสร็จ เธอก็หันมาส่งยิ้มให้ชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนโซฟาด้านหลังพลางยื่นมือออกมา “พี่ชาย… จากนี้ไปฝากตัวด้วยนะคะ”
กว่าสามสิบปีที่เกิดมา นี่เป็นครั้งแรกที่โม่หันถูกเรียกว่า ‘พี่ชาย’ เขาไม่เคยมีน้องชายหรือน้องสาวมาก่อน ว่ากันตามจริงแล้วเขาก็เป็นคนเงียบๆ ตอนยังเด็กอยู่เคยรู้จักเด็กสาวที่เป็นลูกสาวของเพื่อนของพ่อ เธอเกาะแขนเสื้อก่อนเอ่ยเรียกเขาว่า ‘พี่โม่’ และสิ่งเดียวที่เขารู้สึกได้ก็คือความรำคาญใจเท่านั้น เด็กสาวตัวน้อยในชุดเดรสแสนสวยวิ่งวนรอบตัว อ้อมหน้าอ้อมหลังเขายิ่งทำให้เขารู้สึกรำคาญมากกว่าเดิม เมื่อเขาโตขึ้นและเริ่มเข้าเรียน ด้วยรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่นก็ทำให้เขาติดหนึ่งในสามอันดับชายหนุ่มขวัญใจสาวๆ ในรุ่น ด้วยเหตุนี้ เด็กสาวจากห้องอื่นเลยมักจะแอบมามองเขาที่ห้องพลางพูดซุบซิบกัน
เขาได้ยินพวกเธอพูดขึ้น ‘ดูสิ! เขานั่งหน้าตายอยู่ตรงนั้นน่ะ’
เพื่อนเพียงคนเดียวที่เขายังติดต่อและมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอยู่คือไป๋อวี่ ไป๋อวี่มักจะพูดอยู่บ่อยๆ ว่า ‘หน้านิ่งๆ ของนายนั่นแหละที่ทำให้สาวๆ ตกหลุมรักเข้า ดูพวกเธอมองหน้านายอย่างหลงใหลสิ แต่จะว่าไปนายก็ดูไม่เหมือนคนที่ใครจะอยากได้เป็นพี่ชายหรือแฟนเลยสักนิด’
ครั้งหนึ่งที่เขาจับพลัดจับผลูได้เปลี่ยนสถานะตัวเองเป็นแฟนหนุ่มก็คือตอนที่เขาคบกับเฉินโหรว สาวสวยที่หาตัวจับยาก ทว่าการมีเขาเป็นแฟนก็ไม่ได้ต่างอะไรกับอยู่เป็นโสด อีกทั้งเธอยังย้ายไปอยู่ที่อเมริกาอีกด้วย ทำให้พวกเขาที่อยู่คนละประเทศและงานยุ่งตลอดเวลาติดต่อหากันแค่นานๆ ทีเท่านั้น
ดีที่ไม่มีใครโชคร้ายต้องมาเป็นน้องสาวของเขา ตั้งแต่เด็กไม่ว่าจะเป็นที่โรงเรียนหรือที่บ้าน เขามักจะตีหน้านิ่งอยู่เสมอ ไม่แม้แต่จะพูดอะไรออกมาสักคำ!
ทว่าสิ่งที่ไป๋อวี่ไม่รู้คือตอนนี้ใครคนนั้นได้กลายเป็นพี่ชายอย่างที่ไม่ได้คาดคิดไว้เสียแล้ว
โม่หันเรียงเอกสารบนโต๊ะก่อนนึกอะไรขึ้นมาได้ “รอคุณได้เอกสารยืนยันตัวตนแล้วผมจะพาคุณไปสมัครเรียนตอนที่คุณหายดีแล้วนะครับ”
ซย่าชิงอีตกใจและรู้สึกงุนงงไปชั่วขณะ “ฉันเนี่ยนะคะจะไปโรงเรียน”
เขางงกับท่าทีของเธอ “ทำไมเหรอครับ”
เธอเอ่ยถาม “คุณจะให้ฉันไปโรงเรียนเหรอคะ”
“คุณยังเป็นนักเรียนมัธยมปลายอยู่ไม่ใช่เหรอ ถ้าไม่ไปโรงเรียนแล้วคุณจะทำอะไรล่ะ”
เด็กสาวเม้มปากเข้าหากันอย่างไร้ทางเลือกก่อนก้าวไปหาเขา สูดหายใจก่อนแล้วช้อนตาขึ้นมองด้วยสายตามุ่งมั่นอย่างมั่นใจ “สิ่งที่ฉันบอกคุณได้อย่างแน่นอนคือ…ฉันเป็นผู้ใหญ่แล้ว”
ซย่าชิงอียืนประชิดตัวเขา โม่หันทำได้เพียงก้มหน้ามองขนตางอน รู้สึกถึงลมหายใจแผ่วเบาของเธอ เขาก้าวถอยหลังและยิ้มอ่อนโยนออกมาโดยไม่รู้ตัว “ขอโทษด้วย ผมไม่เชื่อหรอกครับ” เธอโอดครวญพลางเหลือบมองเขาอย่างเคืองๆ ด้วยความไม่พอใจ “ฉันอายุเกินเด็กมัธยมแล้วจริงๆ นะคะ อีกอย่างไม่มีเหตุผลที่ฉันต้องไปโรงเรียนด้วย ไม่ไปหรอกค่ะ”
อีกฝ่ายมองเด็กสาวตัวเล็กที่บอกว่าตัวเองโตแล้วตรงหน้าก่อนหัวเราะออกมา “แล้วคุณอยากทำอะไรล่ะครับ”
“ออกไปทำงานค่ะ” เธอตอบ
เขาก้มมองเธอ “ทำเป็นเหรอครับ”
“ทำไม่เป็นค่ะ แต่ฉันเชื่อว่าฉันเรียนรู้ได้” แม้ปากจะบอกว่าทำไม่เป็นแต่ท่าทางของเธอก็ดูกระตือรือร้น เธอไม่อยากทำตัวเป็นเด็กเล็กๆ ที่เอาแต่นั่งในท่องจำและตอบคำถามในห้องเรียน ไม่อยากทำตัวเป็นภาระให้เขา
“คุณยังดูเป็นเด็กนักเรียนอยู่เลย อีกทั้งยังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการทำงานด้วย มันเร็วเกินไปนะครับ” เขาพูดหน้านิ่ง
“ถ้าคุณอยากให้ฉันไปโรงเรียนจริงๆ คุณเตรียมตัวรับเรื่องได้เลยว่าฉันโดดเรียนทุกวัน ฉันไม่ได้อยากสร้างปัญหาให้คุณหรอกนะคะ” ซย่าชิงอีกล่าวขึ้นอย่างจริงจัง จ้องไปที่ใบหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่ยอมอ่อนข้อให้
“ไม่ได้หรอกนะครับ คุณยังเด็กเกินไป ต้องไปโรงเรียนครับ” เขาตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้เช่นกัน
ซย่าชิงอีมองเขาแล้วเอ่ยเสียงดังขึ้น “ฉันบอกคุณแล้วไงว่าฉันไม่ใช่เด็กเล็กๆ แล้ว ฉันบรรลุนิติภาวะแล้วนะคะ คิดและรับผิดชอบตัวเองได้แล้ว คุณอย่ามาห้ามฉันเลยค่ะ!”
“ผมห้ามคุณไม่ได้งั้นเหรอครับ ตอนนี้ผมเป็นผู้ปกครอง เป็นพี่ชายของคุณอยู่นะ ผมมีสิทธิ์ที่จะสอนและคอยดูแลทุกอย่างที่คุณทำครับ” โม่หันไม่รู้ว่าทำไมอยู่ๆ เขาถึงพูดออกมาอย่างนั้น เหมือนกับว่าเขากำลังยอมรับเธอเป็นน้องสาวของเขาอย่างไม่รู้ตัว!