“พวกเขาได้เรียกร้องข้อเสนอพิเศษอะไรบ้างไหม” โม่หันใจเย็นอย่างพยายามวิเคราะห์สถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างรอบคอบ อดีตภรรยาของประธานจางเป็นคนโลภ ตั้งแต่ที่เธอมาที่สำนักงานวันก่อนหน้านี้พร้อมกับหลักฐานสำคัญแทนที่จะมาเจอกันที่ศาลพรุ่งนี้ เธอต้องมีเจตนาแอบแฝงอย่างแน่นอน
“เธอไม่ได้บอกไว้ครับ ตอนนี้เธอมารออยู่ที่ห้องรับรองแล้ว น่าจะรอให้คุณกลับมา”
“เดี๋ยว…ผมจะไปถึงสำนักงานในอีกสักครู่ แล้วค่อยคุยกันแล้วกันครับ” โม่หันวางสาย ก่อนเปิดประตูเดินเข้าไปในห้องตรวจ
ซย่าชิงอีที่กำลังจับปลายเสื้อค้างไว้ เมื่อได้ยินเสียงประตูเปิดเธอก็หันมาหาเขา เผยให้เห็นผิวขาวเนียนและบาดแผลบนหน้าท้อง หมอหนุ่มก้มลงแกะผ้าปิดแผลออก ดูเหมือนว่าเขากำลังจะเปลี่ยนผ้าปิดแผลให้เธอ
“มีเรื่องด่วนที่สำนักงาน พี่ต้องรีบกลับไปจัดการ” โม่หันเอ๋ยขึ้น
เธอนิ่งเงียบ ไม่รู้ว่าจะบอกความรู้สึกของตัวเองตอนนี้กับเขาอย่างไรดี ทำได้เพียงก้มลงมองการกระทำของหมอหนุ่ม
เขาก้าวเข้ามาใกล้ๆ หยิบบัตรเครดิตและเงินสดส่งให้เธอ “พี่ไม่คิดว่าจะกลับมาที่นี่ทัน เก็บเงินนี้ไว้ไปซื้อของที่ห้างที่แถวๆ นี้ ซื้อเสร็จแล้วโทรเรียกแล้วกัน เดี๋ยวพี่ไปรับ”
คนฟังไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยื่นมือไปรับก่อนที่จะวางลงบนโต๊ะ หันไปหาเขาและกล่าวอย่างยิ้มแย้ม “เข้าใจแล้วค่ะ พี่มีอะไรก็กลับไปทำก่อนเถอะ”
หมอหนุ่มมองทั้งคู่อย่างงุนงง คนที่บอกว่าตัวเองเป็น พี่ชาย ของเธอกลับผลักประตูออกจากห้องไปโดยไม่ลังเล ส่วนเธอก็ไม่ได้มองตามเขาไปเช่นกัน ยังคงนั่งเงียบให้หมอทำแผลให้ ดูไม่เหมือนสิ่งที่พี่น้องทั่วไปจะทำกันเลย แค่ท่าทีนิ่งเฉยต่อกันก็ต่างจากบรรยากาศอบอุ่นที่พี่น้องปกติมีกันแล้ว
หลังจากโม่หันจากไป เขาก็อดไม่ได้ที่จะถาม “เขาเป็นพี่ชายของคุณจริงๆ เหรอครับ”
เธอไม่คิดว่าเขาจะถามคำถามนี้ขึ้นมาจึงชะงักไปชั่วครู่ก่อนตอบอย่างรวดเร็ว “ใช่สิคะ ทำไมเหรอคะ”
“พี่ชายที่ไหนเขาทิ้งน้องสาวให้อยู่คนเดียวที่โรงพยาบาลกันล่ะครับ”
“ไม่มีทางเลือกน่ะค่ะ พี่เขางานยุ่งมาก อีกอย่างพ่อแม่ของเราก็อยู่ต่างประเทศ เรามีกันอยู่แค่สองคนนี่คะ” แม้เธอจะยิ้มอยู่แต่ใบหน้าของเธอก็ยังฉายแววเจ็บปวดให้เห็น บางอย่างที่ไม่สามารถเก็บซ่อนไว้ได้ ไม่ว่าข้อมูลในเอกสารยืนยันตัวตนจะเป็นอย่างไร แต่ความจริงที่ว่าเธอไม่มีตัวตนก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไป
แม้แต่หมอตรงหน้าก็ยังรู้สึกได้ว่าเขาไม่เหมือนพี่ชายของเธอสักนิด
เธอไปรับยาที่ช่องจ่ายยาตามคำสั่งของหมอหลังจากทำแผลเสร็จ เมื่อออกมาจากโรงพยาบาล เธอก็ก้มลงมองตัวเองและพบว่ายังอยู่ในเสื้อผ้าของโม่หัน เสื้อตัวหลวมจนดูเหมือนชุดเดรสยาว เธอขมวดคิ้วอย่างไม่สบอารมณ์นัก
เธอต้องไปซื้อเสื้อผ้าให้ตัวเองที่ห้างแถวๆ นี้ เธอเพิ่งมาอยู่ที่นี่แต่ดันไม่มีแม้แต่ของใช้จำเป็นในชีวิตประจำวันสักนิด แค่คิดก็ดูแย่แล้ว
คิดได้อย่างนั้น เธอจึงไปห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ แต่ด้วยความเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ทำให้เธอไม่รู้จะเดินไปทางไหน มองไปรอบๆ อยู่นานก่อนจะเจอร้านขายเสื้อผ้าร้านหนึ่ง เมื่อก้าวเข้าไปและเห็นหุ่นลองเสื้อที่ตั้งแสดงหน้าร้าน อาการกังวลก็กลับอีกครั้ง
เธอเกลียดการจัดการเรื่องยากๆ สำหรับเธอแล้วยิ่งง่ายยิ่งดี อย่างการซื้อเสื้อผ้าที่ต้องใช้ทั้งความคิดและร่างกายก็ทำให้รู้สึกลำบากไม่น้อย มากไปกว่านั้นท่ามกลางคนมากมายในห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่นี้ การอยู่ในชุดเสื้อแขนยาวตัวหลวมของโม่หันทำให้เธอรู้สึกแปลกประหลาด
ขณะที่คิดกับตัวเองอยู่ พนักงานขายในร้านยิ้มทักทายก่อนเดินเข้ามาหาเธอ “สวัสดีค่ะ มีอะไรให้ช่วยไหมคะ”
เธอสะดุ้งก่อนตอบ “ฉันมาซื้อเสื้อผ้าค่ะ”
พนักงานสาวมองคะเนขนาดตัวเธอ ชี้ไปยังเสื้อผ้าที่สวมอยู่บนหุ่น ส่งยิ้มมาให้ “ตัวคุณเล็กมาก ลองเป็นตัวนั้นดีไหมคะ น่าจะพอดีกับคุณ”
เด็กสาวมองตามเธอ พิจารณาดูเสื้อผ้าที่เธอแนะนำให้ซึ่งดูไม่แย่นัก “อืม ตกลงค่ะ งั้นฉันเอาตัวนี้แหละ”
พนักงานสาวถึงกับตกใจกับสิ่งที่เธอกล่าว เธอเจอลูกค้าที่ไม่สามารถตัดสินใจเลือกเสื้อผ้าแค่ชิ้นเดียวได้มานับไม่ถ้วน แต่ไม่เคยเจอลูกค้าที่ซื้อโดยที่ไม่ได้สนใจแม้แต่จะถามราคาแบบนี้! เธอยืนนิ่งงันอยู่ที่เดิมอย่างตกใจ ไม่รู้ว่าจะตอบกลับอย่างไรดี