ภาพรักสีจางกลางสมุทร – ตอนที่ 27 ฉันเป็นน้องสาวของเขา

“มันแพงไหมคะ…” ซย่าชิงอีเอ่ยถาม  

 

 

“ทั้งชุดสามร้อยแปดสิบแปดหยวนค่ะ”  

 

 

“อืม… ถ้าอย่างนั้นฉันเอาชุดนั้นแหละค่ะ…”  

 

 

พนักงานสาวยังคงนิ่งอึ้งที่ขายเสื้อผ้าได้ภายในไม่กี่นาที  

 

 

“แค่ช่วยฉันดูขนาดให้พอดีก็พอค่ะ ตราบใดที่ฉันใส่ได้พอดีมันก็ไม่แพงและเหมาะกับฉันแล้วล่ะ ฉันจะซื้อตัวนี้แหละค่ะ” ซย่าชิงอีที่รู้สึกเหนื่อยล้าทิ้งตัวนั่งลงบนโซฟา มองไปที่พนักงานสาวอย่างไม่สนใจจะซื้อของเพิ่มแต่อย่างใด  

 

 

พนักงานขายมองเธอหวั่นๆ  จริงหรือนี่ เกิดอะไรขึ้นกัน เธอมาที่นี่เพื่อซื้อของจริงๆ หรือ  

 

 

ขณะที่กำลังตกใจอยู่นั้นเธอก็ปิดการขายได้เร็วที่สุดเท่าที่ร้านเคยมีมา หลังจากจ่ายเงินเสร็จ เด็กสาวก็เข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดใหม่ที่เพิ่งซื้อมาในห้องลองเสื้อก่อนเดินออกมาพร้อมถุงในมือ  

 

 

หลังจากซื้อของใช้จำเป็นเสร็จเรียบร้อย เธอก็เดินออกมานอกห้างสรรพสินค้า แล้วก็พบว่าท้องฟ้ามืดลงแล้ว ชั้นเมฆที่ซ้อนกันหนาแน่นเหนือศีรษะแสดงให้เห็นว่าฝนกำลังจะตก  

 

 

เธอนึกขึ้นได้ว่าโม่หันบอกว่าให้โทรหาตอนซื้อของเสร็จแล้ว หากแต่ในขณะที่กำลังจะกดต่อสายหาเขา เธอก็เพิ่งคิดได้ว่าเธอไม่มีเบอร์ติดต่อของใครเลย และตอนนั้นเองที่เธอรู้ตัวว่าเจอปัญหาใหญ่เข้าแล้ว  

 

 

เธอไม่รู้เบอร์โทรศัพท์ของเขา  

 

 

อีกฝ่ายนึกได้ว่าเธอไม่มีโทรศัพท์และไม่สามารถโทรหาเขาได้ แต่เขากลับลืมนึกไปว่าเธอไม่มีเบอร์โทรศัพท์ของเขาเช่นกัน และที่ยิ่งไปกว่านั้น แม้ว่าเธอจะพยายามหาทางกลับบ้านตอนนี้ เธอก็จำบ้านของเขาไม่ได้อยู่ดี ครั้งสุดท้ายที่เธอไปถึงบ้านคือตอนตีสามซึ่งด้านนอกยังเต็มไปด้วยความมืดและมองไม่เห็นอะไร จำได้แต่ประตูรั้วสีส้มเท่านั้น  

 

 

แต่มันจะมีประโยชน์อะไรกันล่ะ! เธอไม่สามารถบอกคนขับให้พาเธอไปส่งที่ที่มีประตูรั้วสีส้มได้สักหน่อย!  

 

 

ซย่าชิงอีรู้ตัวว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากเสียแล้ว เธอเงยขึ้นมองท้องฟ้ามืดหม่นด้านนอกและถอนหายใจหนักๆ ออกมา ไฟข้างทางติดพร้อมอากาศที่ชื้นขึ้นเป็นสัญญาณว่าพายุฝนกำลังจะมา  

 

 

เธอยืนคิดอยู่ริมถนนชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจขึ้นรถแท็กซี่ไปที่สำนักงานของโม่หันเพราะนั่นเป็นที่เดียวที่เธอรู้จัก  

 

 

เมื่อมาถึงที่หมาย เธอที่รู้ตัวว่าแผลยังไม่หายดีจึงค่อยๆ เดินอย่างระมัดระวังไม่ให้กระทบกระเทือนแผล เด็กสาวอยู่ในสภาพเหงื่อซกไปทั้งตัวขณะที่เธอวางถุงใส่ของที่มุมหนึ่งของห้องรับรอง เธอเหนื่อยจนแทบจะลุกไม่ขึ้น ได้แต่ค่อยๆ พาตัวเองไปที่โต๊ะพนักงานต้อนรับพร้อมหอบหนักๆ พลางวางถุงลง  

 

 

พนักงานต้อนรับมองมาที่เธออย่างแปลกใจก่อนเอ่ยถาม “ขอโทษนะคะ มีอะไรให้ฉันช่วยไหมคะ”  

 

 

เธอยังคงอยู่ในอาการหอบอยู่ “ฉัน… ฉันมา…หา… ทนายโม่ค่ะ”  

 

 

พนักงานต้อนรับที่ชื่อจางลี่คิดว่าเธอเป็นหนึ่งในลูกความของทนายโม่ จึงตอบกลับไปอย่างมีมารยาท “ขอโทษด้วยนะคะ แต่ถ้าไม่ได้นัดเอาไว้ คุณก็เข้าพบทนายโม่ไม่ได้ค่ะ”  

 

 

ซย่าชิงอีจำได้ว่าครั้งที่แล้วที่เธอมาที่สำนักงาน ผู้หญิงคนนี้ไม่ได้อยู่ที่นี่แต่เป็นผู้ชายไว้หนวดตัวไม่สูงมากนัก เป็นไปได้สองทางคือผู้หญิงคนนี้มาทำงานในกะของเขา หรือไม่ก็เขามาทำงานในกะของเธอ แต่ดูแล้วน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า  

 

 

เธอสูดหายใจเข้าก่อนลุกขึ้นยืน แม้จะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อยแต่เธอก็พูดพึมพำออกมา “ฉันเป็นน้องสาวของทนายโม่ค่ะ”  

 

 

จางลี่ผงะไป เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าทนายโม่มีน้องสาวด้วย   เขามีชื่อเสียงในวงการกฎหมายมาก นี่อาจเป็นกลลวงที่เธอตั้งใจจะให้เขารับทำคดีให้เธอก็เป็นได้ แต่เธอดูหอบเหนื่อยและถือของมาเยอะแยะ ไม่น่าจะเป็นแบบที่คิดได้เลย  

 

 

ซย่าชิงอีเห็นท่าทีของจางลี่ที่ดูไม่เชื่อเธอ จึงกล่าวซ้ำอีกรอบ “ฉันเป็นน้องสาวของเขาจริงๆ ค่ะ คุณช่วยโทรบอกเขาให้หน่อยนะคะ”  

ภาพรักสีจางกลางสมุทร

ภาพรักสีจางกลางสมุทร

เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับพบว่าเธออยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสและจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ชื่อ ที่อยู่ ครอบครัวและประวัติความเป็นมาล้วนถูกซัดหายไปจากความทรงจำทั้งหมด เบาะแสเดียวที่หลงเหลืออยู่มีเพียงชื่อ โม่หัน ทนายหนุ่มจากสำนักงานกฎหมายที่ลงท้ายไว้บนใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น เขาเป็นใครและเกี่ยวข้องอะไรกับเธอ ทำไมถึงดูแลค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่างแต่ไม่เคยมาเยี่ยมเธอเลยสักครั้ง เมื่อถูกครอบงำด้วยความสงสัย เธอจึงตัดสินใจหนีออกจากโรงพยาบาลแล้วออกตามหากุญแจสุดท้ายที่จะไขความลับให้กับเธอ ทว่าเมื่อตามหาตัวโม่หันจนพบ เขากลับบอกเธอว่า “ขอโทษด้วยครับ ผมไม่รู้จักคุณ” เป็นไปได้ยังไงกัน เธอไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร เธอต้องไขปริศนาเรื่องนี้และเรียกคืนความทรงจำทั้งหมดที่หายไปกลับมาให้ได้!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset