จางลี่ที่ยังคงสงสัยอยู่ชะงักไป แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจต่อสายตรงหาเขาให้เธอ
“สวัสดีค่ะ ทนายโม่ใช่ไหมคะ”
[ตอนนี้ทนายโม่ประชุมอยู่ เขาไม่ได้อยู่ที่นี่ค่ะ] ผู้ช่วยของโม่หันรับสาย
“เอ่อ… มะ… มีผู้หญิงมาที่ห้องรับรองบอกว่าเธอเป็นน้องสาวของเขา อยากจะพบเขาค่ะ” สีหน้าของจางลี่ยังมีแววสงสัยขณะมองไปที่ซย่าชิงอี
[น้องสาวเหรอ ฉันไม่เห็นรู้เรื่องนี้มาก่อนเลย ทำงานกับเจ้านายมาหลายปีเขาเองก็ไม่เคยพูดว่ามีน้องสาว เธอเป็นพวกต้มตุ๋นหรือเปล่า]
“ฉันไม่ทราบเหมือนกันค่ะ… เราควรบอกทนายโม่หรือเปล่าคะ” จางลี่เหลือบตามองไปที่ซย่าชิงอี
[บอกทำไมล่ะ! ตอนนี้เขากำลังยุ่งกับคดีของประธานจาง! อดีตภรรยาของประธานจางเพิ่งออกจากสำนักงานไปและเรียกร้องเงื่อนไขบางอย่าง ทนายโม่และนักกฎหมายคนอื่นๆ กำลังวางแผนรับมือกันอยู่!] ผู้ช่วยสาวรู้สึกโมโหขึ้นมาทันทีเมื่อพูดถึงคดี พวกเขาง่วนกับการจัดการกับวิดีโอจากภรรยาเก่าของประธานจางมาตลอดทั้งวันโดยไม่ได้พัก
“อ้อ… เข้าใจแล้วค่ะ… งั้นเดี๋ยวฉันจัดการให้เองค่ะ” จางลี่วางสายโทรศัพท์ลง
ซย่าชิงอีพาตัวเองไปที่โต๊ะของพนักงานต้อนรับ เธอไม่รู้ว่าพวกเขาพูดอะไรกันบ้างแต่จากท่าทางที่พนักงานสาวมองมาตอนกำลังคุยโทรศัพท์เหมือนกำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่ สัญชาตญาณของเธอก็บอกว่าผลลัพธ์น่าจะไม่ใช่อย่างที่เธอหวังไว้
“ขอโทษด้วยนะคะ ตอนนี้ทนายโม่ติดประชุมอยู่ ยังพบเขาตอนนี้ไม่ได้ คุณรออีกหน่อยได้ไหมคะ” พนักงานสาวรู้ว่านี่เป็นเพียงการถ่วงเวลา เธอรู้ว่าทนายโม่เกลียดเวลาที่คนที่ไม่ใช่พนักงานมารบกวนการทำงานของเขาที่สำนักงานจึงพยายามทำให้ซย่าชิงอีออกไปขณะที่บอกกับตัวเองให้ทำตามกฎของทนายโม่ แม้ว่าเธอจะปฏิเสธที่จะออกไปตอนนี้ แต่ก็ยังมีเวลาอีกสองชั่วโมงกว่าจะเลิกงาน
“งั้นฉันรอที่นี่แล้วกันค่ะ” พนักงานสาวพูดเหมือนอย่างที่เธอคิดไว้ เธอรู้ว่าคงไม่สามารถติดต่อเขาได้ภายในเร็วๆ นี้จึงย้ายของของเธอไปวางที่ว่างข้างหน้าโต๊ะรับรองก่อนนั่งลงบนเก้าอี้เพื่อพักหายใจ
ปกติแล้วเธอไม่ได้สนใจภาพลักษณ์ของตัวเองเมื่ออยู่ในสภาพที่เหนื่อยมากๆ เช่นนี้ เมื่อเธอหลับตาและเอนหลังกับพนักเก้าอี้ ทันใดนั้นเธอรู้สึกเจ็บแผลที่หน้าท้อง ซย่าชิงอีวางมือบนกระโปรงแล้วตรวจดูอย่างระมัดระวัง โชคดีที่ไม่มีเลือดออกมา เพราะว่าแผลถูกเย็บอย่างแน่นหนา เธอจึงรู้สึกอึดอัดและหายใจไม่สะดวกนัก
หลังจากลมหายใจกลับมาเป็นปกติ ซย่าชิงอีก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องคนที่เธอเคยเจอในอดีต ครอบครัวของเธออยู่ที่ไหน ทำไมไม่มีใครออกมาตามหาเธอเลย ทำไมถึงได้บาดเจ็บแบบนี้ได้ ความทรงจำในอดีตของเธอเป็นอย่างไร ทำไมถึงจำอะไรไม่ได้เลย
ตราบใดที่ยังไม่ได้คำตอบ คำถามเหล่านี้ก็ยังวนเวียนอยู่ในใจของเธอไม่ไปไหนเหมือนกับกรงเล็บแมวที่ทำให้สะกิดในใจให้รู้สึกโดดเดี่ยว
เสียงที่ดังเข้ามาขัดความคิดของเธอไม่ได้มาจากหน้าโต๊ะรับรอง แต่เป็นเสียงโครกครากจากท้องของเธอเอง
เธอลูบท้องเบาๆ ก่อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา เธอรอมาหนึ่งชั่วโมงจนตอนนี้เวลาล่วงเลยไปจนถึงสองทุ่มแล้ว นอกจากนมที่เธอดื่มมาเมื่อเช้าก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย และตอนนี้เธอก็รู้สึกหิวเหลือเกิน
เธอก้าวมาที่หน้าโต๊ะรับรอง พนักงานสาวที่กำลังยุ่งแทบจะไม่สังเกตเห็นเธอ ซย่าชิงอีรู้สึกเบื่อจึงเดินไปที่ทางออกด้านหน้า ดึงผ้าม่านขึ้นแล้วมองออกไปนอกหน้าต่าง
ท้องฟ้ามืดสนิท แสงไฟจราจรสีแดงและสีเขียวส่องสว่างท่ามกลางความมืดนั้น ฝนลงเม็ดมาสักพัก หยดน้ำฝนที่ตกลงมาค่อยๆ ไหลลงไปตามหน้าต่าง การยืนมองทิวทัศน์จากตึกสูงเช่นนี้ทำให้เธอรู้สึกเหน็บหนาวจากอากาศเย็นด้านนอก
ขณะที่มองออกไปนอกหน้าต่างและครุ่นคิดไปเรื่อย เธอก็ได้ยินเสียงที่คุ้นเคย