“คุณจาง ผมขอเอกสารที่ประธานจางส่งมาเมื่อวานหน่อยครับ” โม่หันก้าวไปยังโต๊ะรับรองด้านหน้า แต่ก่อนที่เขาจะเดินผ่านไป จู่ๆ เขาก็หันหลังกลับมา
จางลี่ที่นึกไม่ถึงว่าทนายโม่จะเดินมารีบลุกขึ้นและหาเอกสารบนโต๊ะให้อย่างลุกลี้ลุกลน
เมื่อซย่าชิงอีเห็นโม่หันกำลังจะเดินจากไป เธอจึงร้องเรียกเขาสุดเสียง “พี่คะ!”
โม่หันและจางลี่หันหน้ามามองเธอ ในขณะที่คนแรกรู้สึกงุนงง คนหลังกลับอยู่ในอาการตกใจไปเสียแล้ว
“เธอมาทำอะไรที่นี่เนี่ย” โม่หันจำเธอไม่ได้ไปชั่วขณะ ก่อนหน้านี้เธอสวมแต่ชุดคนไข้กับเสื้อตัวหลวมของเขา เขาเลยไม่เคยเห็นเธอใส่เสื้อผ้าปกติเลยสักครั้ง
โม่หันเพิ่งสังเกตว่าจริงๆ แล้วเธอเป็นคนสวยคนหนึ่ง ผิวของเธอขาว และผมสั้นที่ล้อมกรอบหน้าเรียวเล็กนั้นอย่างพอดี ดวงตาส่งประกายวิบวับเหมือนดวงดาวให้คนต้องหันไปมองเธอ
“ฉันจำทางกลับบ้านไม่ได้น่ะค่ะ” เธอกล่าวขึ้น
ทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ขึ้นว่าทิ้งเธอไว้ที่โรงพยาบาลและบอกให้เธอโทรหาเขาให้มารับ เพราะพวกเขามีประชุมที่สำนักงานเกี่ยวกับคดีของประธานจางทั้งวันทำให้เขาลืมไปรับเธอเสียสนิท จนมาตอนนี้ถึงเพิ่งนึกขึ้นได้
“ทำไมไม่โทรหาพี่ล่ะ”
“ฉันไม่มีเบอร์พี่นี่คะ” เธอตอบกลับ
โม่หันถอนหายใจออกมา เขาไม่อยากเชื่อเลยว่าตัวเองจะลืมเรื่องสำคัญแบบนี้ เขาก้าวไปหาซย่าชิงอีพลางมองถุงที่อยู่บนพื้นก่อนมุ่นคิ้วถาม “เธอถือถุงพวกนี้มาคนเดียวเลยเหรอ”
“ฉันเรียกแท็กซี่มาค่ะ แต่ว่าถือถุงพวกนี้มาที่นี่เอง” เธอตอบ
เมื่อพนักงานต้อนรับเห็นทั้งคู่คุยกัน เธอก็อึ้งเงียบไป ทนายโม่ไปมีน้องสาวตอนไหนกัน ทำไมเธอไม่เคยรู้มาก่อนเลย
“แล้วทำไมไม่เข้ามาด้านในล่ะ รออยู่ที่นี่มานานเท่าไหร่แล้ว” เขาถามกลับ
“ประมาณชั่วโมงหนึ่งได้ ไม่นานเท่าไรหรอกค่ะ พนักงานต้อนรับบอกว่าพี่มีประชุมอยู่เลยให้ฉันรออยู่ที่นี่น่ะค่ะ”
เขามองไปที่จางลี่อย่างเย็นชาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบที่ทำให้เธอรู้สึกกลัว “ทำไมคุณบอกให้เธอรอข้างนอกล่ะครับ”
จางลี่ก้มหัวขอโทษทันทีก่อนตอบเสียงสั่น “ฉันขอโทษค่ะ… ฉันไม่ทราบ… ฉันไม่ทราบว่าเธอเป็นน้องสาวของคุณน่ะค่ะ”
“คุณบอกอย่างนี้กับทุกคนที่มาหาผมหรือครับ” เขาจ้องไปที่เธอ แม้จะไม่ได้ขึ้นเสียงแต่มันก็ดังก้องไปทั่วห้อง กลบเสียงอื่นให้เงียบสนิท
“ฉันขอโทษค่ะ… ฉันคิดว่า…” เสียงของเธอยังคงสั่นเหมือนจะร้องไห้ ขณะที่ตัวก็สั่นระริกตามไปด้วยพร้อมก้มหน้าขอโทษ
“ครั้งหน้าผมไม่อยากให้คุณตัดสินใจอะไรเองนะครับ ไปเขียนรายงานแล้วมาส่งที่ห้องทำงานของผมพรุ่งนี้”
ขณะที่ซย่าชิงอีมองไปที่จางลี่ที่เกือบจะร้องไห้ออกมา เธอก็รู้สึกผิดขึ้นมา เด็กสาวดึงแขนเสื้อของโม่หัน “เธอไม่ได้ตั้งใจหรอก อย่าเข้มงวดกับเธอมากขนาดนั้นเลยค่ะ”
เขาหันมามองมือเล็กๆ ที่จับแขนเสื้ออยู่ ค่อยๆ ใจอ่อนลง เดินนำเธอเข้าไปในสำนักงานอย่างเงียบๆ “เธอซื้อของทุกอย่างแล้วใช่ไหม” เขาถามขึ้น
“เรียบร้อยแล้วค่ะ ตอนนี้ฉันแค่หิวนิดๆ น่ะ”
“ทำไมเธอไม่กินจากข้างนอกมาล่ะ”
“ฉันมัวแต่ซื้อของอยู่ก็เลย…ลืมค่ะ” ซย่าชิงอีเห็นว่าทุกคนมองมาที่เธอตั้งแต่ที่เดินเข้ามา สายตาของพวกเขาทำให้เธอรู้สึกอึดอัดจึงเอาแต่เดินตามหลังโม่หันไปติดๆ พยายามซ่อนตัวไม่ให้ใครเห็น
เธอไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาไม่เคยพาใครมาที่นี่ แม้เขาจะไม่ชอบพูดเรื่องส่วนตัวที่ที่ทำงานแต่ท่าทีของเขาก็ดูไม่พอใจนัก ทุกคนจึงต่างอดแอบสงสัยไม่ได้ว่าเด็กสาวคนนี้เป็นใครกัน
หลิวจื้อหย่วนสังเกตเห็นซย่าชิงอีตั้งแต่เธอก้าวเข้ามา เขารู้สึกคุ้นเคยกับเด็กสาวคนนี้แต่จำไม่ได้ว่าเคยเจอเธอที่ไหน