ตอนที่ 55 พี่อุ้มเธอเอง
ตั้งแต่เขาก่อตั้งสำนักงานกฎหมายนี้ขึ้นมา ตารางงานของเขาก็ไม่เคยได้ว่าง ได้รับมอบหมายให้ทำคดีที่ซับซ้อนในฐานะทนายความมือดีอันดับต้นๆ เพราะต้องการสร้างชื่อเสียงให้กับสำนักงานกฎหมายของเขาให้กว้างขวางมากขึ้นจึงยังมีสิ่งต่างๆ ที่ต้องทำอีกมาก
ตัวเขาเองไม่มีงานอดิเรกจริงๆ จังๆ และเพราะความสันโดษของเขาจึงทำให้นอกจากไป๋อวี่ เขาก็ไม่ได้มีเพื่อนมากนัก เขาไม่ได้มีปัญหากับการยุ่งอยู่กับงานตลอดเวลาของตัวเองนัก ออกจะขบขันเมื่อถูกคนอื่นล้อเลียนบ่อยๆ ว่าเป็นพวกบ้างานด้วยซ้ำ
เลขาของเขาเปิดประตูเข้ามา บอกว่าเวลาสี่ทุ่มแล้วก่อนเอ่ยถามต่อว่าเขาจะกลับบ้านเลยหรือไม่ เขารู้สึกว่ายังใช้เวลาทำงานไม่เต็มที่ด้วยความคิดแบบคนบ้างาน
“คุณกลับได้เลย ผมยังมีงานค้างอีกนิดหน่อย”
เธอผลักประตูออกไปเตรียมจะเลิกงาน แต่ก็หันกลับหลังมาพูดอย่างกล้าๆ กลัวๆ “เจ้านายคะ งานน่ะกลับมาทำเมื่อไหร่ก็ได้ ยังไงก็ดูแลสุขภาพด้วยนะคะ”
เขายิ้มรับ “ผมรู้แล้วครับ”
หลังจากเธอจากไป เขาก็ทำรายงานสำหรับคดีล่าสุดเสร็จ หมุนคลายหัวไหล่ก่อนเตรียมตัวกลับบ้าน เหลือบมองโทรศัพท์ที่ปิดเครื่องเอาไว้ก่อนหน้านี้ ไม่แปลกใจเลยที่วันนี้เขาได้ทำงานเงียบๆ มาทั้งวัน
โม่หันเปิดเครื่อง เขาพบว่าตอนนี้เวลาใกล้ห้าทุ่มแล้วและเขาไม่ได้รับสายซย่าชิงอี เธอคงโทรหาเขาเพื่อถามว่าจะกลับถึงบ้านกี่โมงในระหว่างทางกลับบ้านเหมือนปกติล่ะมั้ง เขาลืมบอกเธอไปว่าวันนี้จะเลิกงานช้าหน่อย
ชายหนุ่มปิดไฟและเดินท่ามกลางความมืดพลางคิดว่าควรโทรกลับหาเธอหรือไม่ แต่ดึกป่านนี้เธอคงนอนหลับไปแล้ว เขาจึงตัดสินใจไม่โทรหาเธอ คิดแค่ว่าคงต้องทำตัวเงียบๆ ตอนกลับถึงบ้านเท่านั้น
เวลาเกือบเที่ยงคืน รถยนต์บนถนนบางตาจนทำให้เขาใช้เวลาเพียงสิบเอ็ดนาทีในการเดินทางกลับบ้าน โม่หันจอดรถก่อนหยิบกุญแจรถและกระเป๋าเอกสาร ระหว่างที่เดินเข้าบ้านเขาก็รู้สึกถึงความผิดปกติ
ห้องของเขาอยู่บนชั้นสบสอง และเขาก็เห็นบางคนนั่งอยู่ที่บันไดบริเวณใต้ตึก เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ ดวงตาก็เบิกกว้างเมื่อเห็นว่าเป็นซย่าชิงอี!
เขารีบเดินเข้าไปหาและพบว่าเธอนอนพิงกำแพงด้านหนึ่งอยู่ มีพรมคลุมขาเอาไว้ เด็กสาวปิดตานอนหลับสนิท
คนมองรีบเขย่าตัวเธอให้ตื่น “ตื่น ตื่นได้แล้ว”
เปลือกตาที่ยังหนักเพราะความง่วง ซย่าชิงอีแหงนหน้าขึ้นมองเขา เอ่ยเสียงเบา “พี่กลับมาแล้ว”
“กลางดึกป่านนี้ ทำไมเธอถึงมานอนอยู่ที่นี่ได้” เขารู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อย
“มารอพี่ค่ะ” เธอสบตามองเขา
อีกฝ่ายใจเต้นแรงอยู่ในอก “ทำไมเธอลงมารอพี่ด้านล่างแบบนี้ล่ะ”
เด็กสาวยืดขาออกและนวดมันด้วยอาการเมื่อยเนื่องจากนั่งทับเป็นเวลานาน “ฉันโทรหาพี่ตอนที่กลับมาถึงบ้านแต่พี่ปิดเครื่องไว้ ฉันยังไม่ง่วงเลยออกมาดูโทรทัศน์ระหว่างที่รอพี่ แต่รู้สึกเบื่อๆ ก็เลยเอาพรมออกมานั่งสูดอากาศข้างนอกรอพี่กลับมาแล้วก็ผล็อยหลับไปน่ะค่ะ”
“ถ้าพี่ปิดเครื่อง ทำไมไม่โทรเข้าเบอร์ที่ทำงานล่ะ แล้วจริงๆ เธอเข้านอนไปก่อนก็ได้” เพราะโมโหที่เธอออกมารอเขาข้างนอกตัวคนเดียว เขาเลยหงุดหงิดขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัวว่าเผลอทำท่าทางน่ากลัวออกมา
“พี่คิดว่าฉันอยากรอพี่นักเหรอ ฉันอยู่บ้านแค่คนเดียว เบื่อก็เบื่อแถมยังนอนไม่หลับอีกต่างหาก” เธอไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงต้องโกรธเธอขนาดนี้ด้วย เธอเองไม่ใช่หรือที่เป็นคนต้องรอเขากลับมาบ้านตั้งนาน ไม่ใช่เขาเสียหน่อย
“ทำไมเธอซื่อบื้อขนาดนี้เนี่ย! ” โม่หันยืนขึ้นข้างบันไดพลางมองอีกฝ่ายที่ยังคงนั่งอยู่บนพื้น ก่อนถอนหายใจออกมาและกล่าวขึ้น “แล้วทำไมยังมาอยู่ตรงนี้อีก! เข้าบ้านไปนอนได้แล้ว! ”
เธอมุ่ยหน้าแหงนมองเขา เมื่อเธอลุกยืนขึ้นก็รู้สึกเจ็บขาจนจะล้ม ขมวดคิ้วมุ่นพลางนวดขาไปด้วยใบหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวด
เขาถอนหายใจออกมาอีกครั้งขณะก้มตัวก่อนอ่อนเสียงลง “มานี่มา เดี๋ยวพี่อุ้มเธอเอง”
ตอนที่ 56 พี่จะกลับมาเร็วๆ
เธอสบตามองเขาใกล้ๆ และหยุดนิ่งอยู่ที่เดิม
“ทำไมยังมายืนเหม่ออยู่ตรงนี้ ไม่อยากขึ้นไปนอนเหรอ! ”
เธอทำเพียงปีนขึ้นไปเกาะบนหลังเขา กระชับอ้อมแขนของตัวเองไว้ สายตาจดจ้องไปที่เส้นผมที่โค้งสวยบนศีรษะของเขา
เมื่อเขาแบกเธอขึ้นบนหลังก็รู้สึกได้ว่าเธอช่างตัวเบาเสียจริง มือที่สัมผัสได้ถึงท่อนขาเล็ก เธอไม่ได้กระชับอ้อมแขนรอบคอของเขาแต่กลับไขว้วางบนไหล่ของเขาอย่างระวัง ให้เขาได้รู้สึกถึงกระดูกภายในแขนน้อยๆ ของเธอ
“วันนี้พี่เลิกงานดึก” เขาพูดขึ้น
“ฉันรู้ค่ะ”
“ครั้งหน้าไม่ต้องรอพี่นะ ถ้าเธอเบื่อก็ดูโทรทัศน์ไป เดี๋ยวสักพักก็ง่วงเอง”
“ค่ะพี่”
โม่หันเอื้อมมือมากดลิฟต์ก่อนก้าวเข้าไปด้านใน เธอเอ่ย “ฉันไม่เจ็บขาแล้วค่ะ พี่ปล่อยฉันลงก็ได้นะ”
เขาปล่อยเธอวางลงบนพื้น เจ้าตัวกอดพรมเอาไว้พลางพิงตัวกับกำแพงด้านหลังอย่างเงียบๆ ตามองเลขชั้นที่ไล่ขึ้นสูงไปเรื่อยๆ
“พี่จะพยายามกลับให้เร็วขึ้นละกันนะ” อีกคนพูดขึ้นช้าๆ
เธอปรายตามองเขาก่อนหยักหน้า “ค่ะ”
โม่หันไม่เคยคิดว่าจะมีใครมานั่งรอเขาที่ชั้นล่างของบ้านจนหลับไปอย่างที่เกิดขึ้นวันนี้ และก็ไม่มีใครเคยทำมาก่อน แม้จะคบหากับเฉินโหรวมาหลายปีแต่พวกเขาก็ทำเพียงออกไปทานอาหารด้วยกันที่ร้านอาหาร และด้วยทั้งคู่เป็นคนตรงเวลาจึงไม่เคยต้องรอกันและกัน
ครั้งยังเรียนมหาวิทยาลัย เขาเคยเห็นเด็กสาวมารอแฟนหนุ่มอยู่ที่ชั้นล่างของหอพักอยู่บ่อยๆ เขายังคิดอยู่ว่านั่นเป็นการกระทำที่ไร้สาระ พวกเธอยังคงรอต่อไปอย่างไร้จุดหมายและไม่รู้ว่าแฟนหนุ่มของตัวเองจะกลับมาเมื่อไร ทำไมต้องมานั่งเสียเวลาไปกับเรื่องที่ไม่ได้สร้างประโยชน์พวกนี้กันด้วย
พอมาวันนี้ที่เห็นซย่าชิงอีนั่งรอเขาจนผล็อยหลับไป ความรู้สึกหลากหลายที่เกิดขึ้นเข้าจู่โจมเขาให้ปั่นป่วนใจ
เขาไม่ชอบและไม่พอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นซึ่งเป็นเหตุให้เขาต้องอารมณ์เสีย
จังหวะที่เธอเงยหน้าสบตาเขาขณะที่บอกว่าเธอรอเขาอยู่ ทำให้เขาใจอ่อนยวบอย่างไม่รู้สาเหตุ เขาเริ่มจะเข้าจความรู้สึกของเด็กหนุ่มว่ามีความสุขแค่ไหนยามที่เห็นแฟนสาวของตัวเองรออยู่
แค่คิดว่ามีใครสักคนที่รอตัวเองอยู่ก็ทำให้เขาสุขขึ้นมา
ซย่าชิงอีหายง่วงเมื่อมาถึงบ้าน อาจเป็นเพราะว่าเธอนอนหลับข้างนอกมาบ้างแล้ว ตอนนี้เธอรู้สึกกระปรี้กระเปร่า นึกได้ว่าบอกให้อีกฝ่ายช่วยถ่ายรูปรอยสักด้านหลังไว้เมื่อเช้า
“ช่วยฉันถ่ายรูปหน่อยค่ะ” เธอวิ่งไปข้างๆ เขา
“รูปอะไร” โม่หันที่เพิ่งถอดสูททิ้งตัวนั่งพักบนโซฟา
“พี่บอกว่าจะช่วยฉันถ่ายรูปรอยสักด้านหลังฉันเมื่อเช้านี้ไม่ใช่เหรอคะ” เธอส่งโทรศัพท์ให้เขา
เขานึกขึ้นได้จึงรับโทรศัพท์มาก่อนกวักมือเรียกเธอให้เข้ามาใกล้ๆ จะได้ถ่ายรูปได้ชัดๆ
คนถูกเรียกขยับไปใกล้พร้อมหันหลังให้ เขาแตะที่เอวของเธอ มืออีกข้างดึงชายเสื้อขึ้นและจ้องมองที่รอยสักรูปแผ่นหลังของผู้ชายคนหนึ่งอีกครั้ง
รอยสักนั้นเป็นเพียงรูปที่มีแต่ลายเส้น ถูกวาดด้วยการลากเส้นที่แม่นยำแบบที่บอกได้ว่าเป็นผลงานของช่างที่มีฝีมือ ลายเส้นเรียบง่ายยังคงชัดโดยที่ไม่มีการเติมเพิ่มยิ่งย้ำว่าน่าจะเป็นฝีมือของช่างที่มีทักษะสูง