ตอนที่ 57 เดินทางกลับจีน
ไม่ว่าซย่าชิงอีจะดูรูปในโทรศัพท์นานแค่ไหน เธอก็ไม่รู้สึกแบบเดียวกับเมื่อตอนเช้าเลย ไม่เห็นอะไรที่ช่วยให้เธอจำเรื่องในอดีตได้ และเมื่อมองตัวอักษรสองตัวนั้นก็ไม่รู้สึกอะไรเช่นเดียวกัน
เธอยังสงสัยว่าภาพที่ฉายแวบเข้ามาเมื่อเช้าอาจเป็นสิ่งที่เธอคิดไปเอง
“จำอะไรได้บ้างไหม”
“ไม่เลยค่ะ” เธอส่ายหัว
“งั้นก็เลิกคิดได้แล้ว ไปนอนซะ ดึกมากแล้ว”
“ถ้าวันหนึ่งฉันเกิดจำทุกอย่างได้ขึ้นมา ฉันจะทำยังไงดีคะ”
คนฟังชะงักไปชั่วขณะก่อนส่งยิ้มอ่อนโยนให้ “เธอจะทำอะไรได้ล่ะ เราตกลงกันไว้แล้วนี่ว่าจะให้เธอกลับไปใช้ชีวิตตามเดิมถ้าจำทุกอย่างได้แล้ว ถึงยังไงพี่ก็ไม่ใช่พี่ชายแท้ๆ ของเธอสักหน่อย”
ใบหน้าของเธอฉายแววผิดหวังอย่างเห็นได้ชัด เขาฝืนยิ้มก่อนพูดขึ้น “คงต้องเป็นอย่างนั้น สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องจากไปอยู่ดี”
เธอเงยหน้าสบตาเขา ท่าทีกลับไปเป็นปกติ กล่าวผ่านๆ “ฉันจะไปนอนแล้ว พี่ก็ควรไปนอนได้แล้วเหมือนกันนะคะ”
หากไม่มีอะไรผิดพลาด เธอต้องกลับไปบ้านที่แท้จริงของเธอหลังจากความทรงจำกลับมาแล้ว เขาจะได้ค่าชดเชยสำหรับการดูแลเธอมาตลอด และพวกเขาก็จะไม่ใช่พี่น้องบุญธรรมกันอีกต่อไป เขาจะยังคงเป็นคนบ้างานผู้เงียบขรึม ทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนกับอย่างที่เคยเป็นมาก่อนหน้านี้
อย่างไรก็ตามไม่มีใครรู้ได้ว่าอนาคตขางหน้าจะเป็นอย่างไร
โม่หันไม่รู้ว่าการที่ซย่าชิงอีจำเรื่องราวในอดีตของเธอได้จะมีความหมายกับเขา
ทุกอย่างได้เปลี่ยนแปลงไปเสียแล้ว
อยู่ๆ เขาก็ได้รับสายโทรศัพท์บอกว่าเฉินโหรวตัดสินใจที่จะเดินทางกลับมาที่จีน เธอไม่ได้เจอโม่หันมาราวสามเดือนได้แล้ว ครั้งล่าสุดที่เจอกันเพราะว่าเขามีคดีที่ต้องเดินทางไปทำที่ต่างประเทศจึงไปพบเธอที่อเมริกา พวกเขาเคยผ่านช่วงที่ไม่ได้เจอกันมานานกว่านี้ในตอนที่เธอเดินทางไปต่างประเทศเมื่อปีก่อน แต่อยู่ๆ ตอนนี้เฉินโหรวก็กลับมาที่จีนอย่างไม่รู้สาเหตุหลังจากโทรคุยกันครั้งนั้น
เธอรู้สึกได้ว่าเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย ยังไม่แน่ใจว่ามันดีหรือแย่สำหรับเธอกันแน่
เหตุผลหลักคือเธอคิดถึงเขา อยากจะใช้เวลากับเขาให้มากขึ้น จึงตัดสินใจลางานหนึ่งเดือนแม้ว่าหัวหน้าของเธอจะไม่ยอมและเดินทางกลับจีน
เธอมาถึงสนามบินในเวลาราวหนึ่งทุ่ม ตอนแรกตั้งใจว่าจะโทรบอกโม่หันให้มารับแต่เวลานี้เขาคงยังกำลังทำงานอยู่ และเขาก็ไม่ชอบให้ใครรบกวนเวลางานของเขา อย่างไรก็ตามเธอก็มีกุญแจบ้านของเขาจึงคิดว่าจะตรงไปรอแล้วทำให้เขาตกใจที่บ้านก่อนดีกว่า
คิดได้ดังนั้นเธอจึงเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋าเหมือนเดิม ลากกระเป๋าและเรียกแท็กซี่ไปที่บ้านของเขา เขาต้องดีใจที่เห็นเธอตอนที่กลับมาถึงบ้านแน่
ทว่าเมื่อเฉินโหรวลากกระเป๋าเข้ามาในห้องนั่งเล่น เธอก็รู้สึกถึงความผิดปกติ
มีบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม
เธอมองไปรอบๆ อย่างระวังตัว สอดส่ายสายตามองแจกันที่ใส่ดอกไม้สดอยู่ และร่องรอยของใครสักคนที่เข้าออกห้องครัวในช่วงเช้า เบาะนั่งลายดอกไม้ พรมสีเทา และรองเท้าหนึ่งคู่ที่ขนาดเล็กกว่าของเธอ
ผิด! ผิด! ทุกอย่างมันผิดปกติไปหมด!
คนอย่างโม่หันไม่มีทางเอาดอกไม้มาไว้ในบ้าน เขาไม่เคยใช้ห้องครัว เขาอาจจะซื้อเบาะนั่งแบบนั้นมาจากร้านขายของ แต่รองเท้าคู่ที่วางอยู่ที่เท้าของเธอเป็นของคนอื่นอย่างแน่นอน
มีคนอื่นอยู่ในบ้านหลังนี้ เป็นไปได้ว่าคนคนนั้นเป็นผู้หญิงและดูท่าจะอยู่ที่นี่มานานแล้ว
ตอนที่ 58 รอยตบที่ได้รับ
เฉินโหรวรู้สึกราวกับจมลงในน้ำเย็นเฉียบ เธอพูดไม่ออก มือทั้งสองข้างเย็นเยียบ เกลียวผมทุกเส้นของเธอสั่นไหว เป็นไปไม่ได้! เป็นไปไม่ได้!
เธอสติแตกและรีบเดินเข้าไปในห้องนอนของโม่หัน พยายามกำจัดความคิดแง่ร้ายของตัวเองออกไป แต่เมื่อผลักประตูเปิด เธอก็ตกตะลึง พรมผืนหนึ่งวางอยู่ข้างเตียงของเขา ด้านบนมีผ้าห่มผืนวางทับอยู่ ต้องเป็นของผู้หญิงแน่ๆ
เมื่อก้าวเข้ามาในอีกห้องหนึ่ง เธอก็ภาวนาให้สิ่งที่เธอคิดไม่ใช่เรื่องจริง แต่โชคไม่เข้าข้างเธอเสียเลยเมื่อเธอเปิดประตูตู้เสื้อผ้าออก
มีเสื้อผ้าผู้หญิงอยู่เต็มตู้เสื้อผ้า ไม่รวมของใช้ส่วนตัวสำหรับผู้หญิงที่วางอยู่บนโต๊ะ
เธอรู้สึกปวดหัวราวกับจะระเบิด เสื้อผ้าพวกนั้นที่เห็นทำให้เธอกัดฟันด้วยความโกรธ เธอทนไม่ไหวอีกต่อไป โยนทุกอย่างออกมาที่ห้องนั่งเล่น พยายามจะทำลายของเหล่านั้น ทั้งฉีกทึ้งสุดแรงและเหยียบย่ำด้วยเท้าเต็มแรง เธอทำแบบเดียวกันกับของใช้เหล่านั้นเช่นกัน ทิ้งทุกอย่างที่เป็นของผู้หญิงคนนั้นลงบนพื้น
เฉินโหรวไม่มีทางปล่อยให้มีร่องรอยของผู้หญิงคนไหนที่นี่เด็ดขาด โม่หันเป็นของเธอแค่คนเดียว!
เธอไม่รู้ว่าผู้หญิงหน้าไม่อายคนนั้นมาเกาะแกะโม่หันได้อย่างไร ถึงตอนนี้เธอจะไม่ได้อยู่ที่นี่แต่ไม่ว่ายังไงเฉินโหรวก็ต้องกำจัดเธอให้พ้นจากเขาให้ได้
ทรงผมของหญิงสาวยุ่งเหยิงจากการอาละวาด มือทั้งสองสั่นเทา เธออยากจะโทรถามโม่หันว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่เธอไม่อยู่ที่นี่กันแน่
ไม่ทันที่เธอจะได้โทรหาเขาก็ได้ยินเสียงเปิดประตูจากด้านนอก
ซย่าชิงอีเพิ่งมาถึงบ้าน ยังสะพายกระเป๋าไว้บนไหล่ ก้มตัวลงกำลังจะเปลี่ยนเป็นรองเท้าเดินในบ้าน แต่ก็พบว่ารองเท้าของเธอหายไป เธอรู้สึกงุนงงเล็กน้อย และเมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นผู้หญิงหน้าตาสะสวยที่มองตรงมาที่เธออย่างโกรธเกรี้ยว เสื้อผ้าและสิ่งของของเธอกองอยู่ที่เท้าของผู้หญิงคนนั้น
ซย่าชิงอีไม่ได้สวมรองเท้าและค่อยๆ เดินเข้าไปหาทั้งเท้าเปล่า
แต่ก้าวไปได้ไม่ไกล เฉินโหรวก็ตรงเข้ามาและเหวี่ยงฝ่ามือเข้าไปตบเข้าที่ใบหน้าของเธอ “ยัยผู้หญิงหน้าไม่อาย! ”
รอยแดงปรากฏชัดบนใบหน้าทันที ซย่าชิงอีแลบลิ้นเลียมุมปากที่แตก มึนหัวเล็กน้อยจากแรงตบ เธอพยุงตัวลุกขึ้นและเงยหน้ามองเฉินโหรว
ไม่ต้องถามเธอก็พอจะเดาได้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร น่าจะเป็นแฟนสาวของโม่หันไม่ผิดแน่
เจ้าหล่อนคงหึงหวงเมื่อเห็นของของเธอ แต่แบบนี้ดูจะทำเกินไปหน่อย
ซย่าชิงอีฝืนยิ้ม “คุณคือแฟนของพี่ใช่ไหมคะ” ทีแรกตอนที่เธอยืนอยู่ที่ประตูทางเข้า เธอคิดว่าผู้หญิงคนนี้ที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเธอคงกำลังเข้าใจบางอย่างผิด จึงอยากเข้าไปถามให้รู้เรื่อง หากแต่แรงตบที่เธอส่งมาทำให้เธอมึนงงไปเล็กน้อย
เฉินโหรวจ้องมองเธอและกัดฟันพูดขึ้น “เธอรู้ว่าฉันเป็นแฟนของเขาด้วยเหรอ”
“ฉันได้ยินมาจากคนอื่นน่ะค่ะ”
เฉินโหรวสงบอารมณ์ไม่ไหวอีกต่อไป เหวี่ยงมือหมายจะตบเธออีกครั้ง แต่ครั้งนี้ซย่าชิงอีจับแขนเธอไว้แน่น “ตบฉันแค่ครั้งเดียวก็พอแล้วค่ะ ถ้าตบอีกทีจะถือว่าผิดกฎหมายแล้วนะคะ”
“ฉันจะตบเธอเท่าที่ฉันพอใจ! ยัยหน้าด้าน ไม่มีใครมาช่วยเธอแม้ฉันจะตบเธอจนเลือดกบปากหรอก! เฉินโหรวอยากจะฉีกผู้หญิงตรงหน้าเป็นชิ้นๆ “เธอเป็นอะไรกับโม่หัน! ”
“เขาเป็นพี่ชายของฉัน”
“พี่ชาย! น่ารักเหลือเกินนะ! พี่ชายกับน้องสาว เหอะ เธอคิดว่ากำลังหลอกเด็กอยู่รึไง! เธออยู่กับเขามานานเท่าไหร่แล้ว คิดว่าเขาจะรักเธอจริงๆ เหรอ ฉันเข้าใจว่าเขาคงรู้สึกเหงาเพราะเราไม่ได้เจอกันมานาน เธอก็แค่เครื่องมือแก้เบื่อให้เขาเท่านั้นแหละ! อย่าหลอกตัวเองไปหน่อยเลย! ”