ภาพรักสีจางกลางสมุทร – ตอนที่ 95 จูบ / ตอนที่ 96 เสียงร้องที่น่าสงสาร

ตอนที่ 95 จูบ

 

 

เมื่อเขาหันหน้ามาอีกครั้งก็พบว่าซย่าชิงอีใช้มือหนึ่งกุมศีรษะไว้ขณะที่มืออีกข้างยังจับตะเกียบอยู่ เธอหยุดกินทั้งยังก้มหน้าลงให้คนมองอย่างเขาไม่รู้ว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่

 

 

โม่หันเอ่ยถาม “เป็นอะไรไป รู้สึกไม่สบายเหรอ”

 

 

เธอเงยหน้าขึ้นมองเขาก่อนส่ายหัวและส่งยิ้มให้

 

 

เขารู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ กับรอยยิ้มของเธออย่างบอกไม่ถูก ต้องมีบางอย่างผิดปกติแน่ๆ

 

 

เด็กสาววางตะเกียบในมือลงและยืดตัวขึ้น ใช้มือทั้งสองเท้ายันศีรษะของตัวเองไว้ทั้งใบหน้าที่แต้มไปด้วยรอยยิ้ม มองไปที่ผู้คนรอบตัว น้ำเสียงไม่ดังแต่ก็ไม่เบานักว่าขึ้น “ทุกคน… พร้อมกันหรือยังคะ”

 

 

ความสนใจของคนทั้งโต๊ะพุ่งตรงมาที่เธอทันที พากันจ้องมองเธออย่างงุนงง ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

 

 

เธอยังคงยิ้มกว้าง “ถ้างั้นฉันจะเริ่มแล้วนะคะ”

 

 

“สาม” เธอนับกับตัวเอง

 

 

โม่หันเห็นลางไม่ดี รีบดึงแขนเธออย่างคิดว่าเธอคงเมาแล้วพลางเอ่ยถามขึ้นอย่างงงงัน “เธอเป็นอะไร”

 

 

“สอง” เธอหัวเราะคิกคัก

 

 

คนที่นั่งอยู่ในโต๊ะเริ่มรู้สึกร้อนรนขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ พวกเขาหยุดคุยกันและจ้องมองที่เธอเป็นสายตาเดียว

 

 

“หนึ่ง” ซย่าชิงอีหันหน้าไปหาโม่หันทันทีที่เธอพูดจบ ใช้มือขวาจับคางและดึงศีรษะของเขาให้ก้มลงมา ก่อนที่จะยืดตัวขึ้นไปประทับจูบใส่อีกฝ่าย

 

 

โม่หันนิ่งอึ้งไปเมื่อริมฝีปากของพวกเขาสัมผัสกัน เขามองซย่าชิงอีอย่างเอือมระอา เธอหลับตาขณะที่จูบเขา ชายหนุ่มสัมผัสได้ถึงริมฝีปากนุ่มนิ่มและชุ่มชื้นราวกับสายไหมของเธอ

 

 

ร่างของเธอแนบชิดกับเขาจนได้ยินเสียงลมหายใจบางเบา

 

 

แต่ไม่ทันที่เขาจะได้รู้ตัวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เธอก็ผลักเขาออกแล้วหันไปมองจางจิ้งเฉินที่นั่งด้านขวาของเธอก่อนจะพุ่งตัวเข้าไปจูบเขาเช่นกัน

 

 

ทุกคนบนโต๊ะต่างมึนงงอย่างไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้านี้ โม่หันเป็นคนที่ดึงเธอกลับมาเมื่อเธอจะคว้าจางจิ้งเฉินเข้ามาจูบ ทว่าไม่มีใครคาดคิดว่าเธอจะเมินเฉยการกระทำของโม่หันและยังยกมือขึ้นหมายจะคว้าคอของจางจิ้งเฉินมากอด

 

 

ในเวลาเดียวกันจางจิ้งเฉินเองก็แปลกใจ เขาเบิกตากว้างจ้องมองเธอระหว่างที่ยังนั่งนิ่งไม่ไหวติง

 

 

“เธอทำอะไรเนี่ย” โม่หันลุกขึ้นยืนกอดซย่าชิงอีไว้ในอ้อมแขนแน่นเพื่อแยกทั้งคู่ออกจากกัน

 

 

เธอทรุดตัวลงบนตัวเขาอย่างไร้เรี่ยวแรง ใบหน้ายังคงเปื้อนรอยยิ้มกว้าง ดวงตาฉายแววเป็นประกายอย่างยั่วยวน “ทำไมต้องคิดมากด้วยล่ะคะ นี่แค่สองคนเองนะคะ”

 

 

เขาโอบประคองเอวเธอขณะที่รวบมือทั้งสองเข้ากับร่างที่โอนเอนของเธอ ท่าทีเย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็ง “เธอเมาเหรอ”

 

 

เธอหัวเราะออกมาครั้งหนึ่งพลางหันหน้าไปมองคนอื่นๆ ที่นั่งที่โต๊ะ “พวกคุณทุกคน…ไม่มีใครหนีไปได้หรอกนะคะ”

 

 

ทุกคนเริ่มหัวเราะออกมาเสียงดังเมื่อเห็นว่าเธออยู่ในสภาพไหน พวกเขาเข้ามาปลอบใจโม่หัน “เจ้านายครับ น้องสาวของคุณตอนเมานี่ไม่เหมือนใครเลยนะครับ”

 

 

โม่หันนิ่งเงียบขณะที่จัดการกับซย่าชิงอีที่ดิ้นในอ้อมแขนของเขาไม่หยุด เธอใช้มือหนึ่งดึงมือของเขาออกพร้อมหลับตายื่นหน้าจูบคนอื่นไปทั่ว

 

 

ความโกรธก่อตัวขึ้นอย่างจริงจังขณะที่เขายื่นมือไปปิดปากอีกฝ่าย ก่อนบอกกับคนที่เข้ามาคุยกับเขา “ผมขอโทษที่ทำให้ต้องเห็นเรื่องแบบนี้ด้วยนะ”

 

 

พวกเขาที่เหลือเอ่ยอย่างเข้าใจปนขบขัน “ไม่เป็นไรหรอกครับ น้องสาวของเจ้านายสวยขนาดนี้ ผมไม่ว่าอะไรถ้าจะให้เธอจูบผมหรอกครับ”

 

 

ซย่าชิงอีหงุดหงิดอยู่ไม่น้อยขณะที่หันมองโม่หัน เธอส่งเสียงประท้วงอย่างต้องการดิ้นหนีจากเขา

 

 

“พี่จะบอกเธอให้นะซย่าชิงอี ถ้ายังไม่เลิกทำแบบนี้ คืนนี้พี่จะไม่ให้เธอเข้าบ้าน!” น้ำเสียงเข้มของเขาดังกังวานขึ้น ทุกคนในงานเลี้ยงกลัวขึ้นมาอย่างไม่ต้องสงสัยเมื่อเขาขมวดคิ้วมุ่นพร้อมว่าขึ้นเสียงดัง

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 96 เสียงร้องที่น่าสงสาร

 

 

เขาไม่คาดคิดว่าอยู่ๆ ซย่าชิงอีจะร้องไห้ออกมา น้ำใสๆ ไหลลงมาทีละหยดขณะสูดน้ำมูกระหว่างที่สะอึกสะอื้นทั้งยังถูกปิดปากไว้อยู่ เธอหลับตาลงอย่างน้อยใจพลางผลักเขาออกด้วยแรงทั้งหมดที่มี

 

 

โม่หันเริ่มตระหนกเมื่อเห็นน้ำตาของเธอ เขาไม่เคยเห็นเธอร้องไห้มาก่อน ทำได้เพียงปล่อยมือที่ปิดปากเธออยู่อย่างทำอะไรไม่ถูก ใช้มือเช็ดน้ำตาพร้อมน้ำเสียงที่อ่อนลงอย่างเห็นได้ชัด “ร้องไห้ทำไมล่ะ ไม่ต้องร้องนะ”

 

 

ทุกคนอ้าปากค้างกับสิ่งที่เห็นตรงหน้า ตลอดเวลาหลายปีที่ทำงานที่สำนักงาน พวกเขาไม่เคยเห็นโม่หันพูดแบบนี้มาก่อน เขาที่เป็นคนพูดน้อยและเย็นชาเป็นภาพคุ้นชินสำหรับพวกเขา คำปลอบโยนที่นุ่มนวลและอ่อนโยนเหล่านี้ดูเป็นเรื่องที่ไกลตัวเขานัก

 

 

ทว่าในตอนนี้ เกิดอะไรขึ้นกับสถานการณ์ตรงหน้านี้กัน

 

 

“ผมขอโทษจริงๆ นะครับ ทุกคนกินกันต่อเถอะ ผมจะพาเธอออกไปข้างนอกสักพักแล้วเดี๋ยวเราจะกลับมา” เขาก้มศีรษะพร้อมเอ่ยขอตัว ไม่สามารถปล่อยเธอไว้ที่นี่ทั้งสภาพเช่นนี้ได้

 

 

โม่หันโอบแขนรอบเอวพร้อมประคองตัวเธอขึ้นอย่างทุลักทุเลไปยังทางเดินที่เงียบกว่าก่อนปล่อยให้เธอพิงตัวกับกำแพง มือของเขายังโอบประคองรอบเอวของอีกฝ่ายเอาไว้อย่างเกรงว่าอีกฝ่ายจะลื่นไถลมาตามกำแพง

 

 

ซย่าชิงอียังคงร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่เงียบๆ น้ำตาอาบใบหน้าของเธอ

 

 

โม่หันถอนหายใจ กระซิบบอกพลางเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของอีกคน “ไม่ต้องร้อง ไม่ต้องร้องนะ พี่ผิดเอง ตกลงไหม”

 

 

“ทำไมพี่ต้องพูดรุนแรงกับฉันด้วย ฉันทำผิดอะไรคะ” เธอว่าทั้งยังร้องไห้คร่ำครวญอยู่อย่างนั้น

 

 

เป็นครั้งแรกของเขาที่พูดกับใครสักคนด้วยเสียงนุ่มนวลเช่นนี้ น้ำเสียงอ่อนโยนดังขึ้นพลางกระชับอ้อมแขนกอดเธอไว้ ปล่อยให้เธอพิงเข้ากับไหล่ของตัวเองพร้อมลูบศีรษะเธอเบาๆ “พี่ผิดเอง พี่เป็นคนผิดเอง พี่ไม่ควรพูดจารุนแรงกับเธอแบบนั้น ไม่ต้องร้องนะ”

 

 

เธอทิ้งตัวเอนซบเขาเงียบๆ ขณะที่ตัวยังสั่นอยู่น้อยๆ

 

 

โม่หันลูบหัวอีกฝ่าย รอจนกว่าเธออาการดีขึ้นก่อนถาม “รู้สึกดีขึ้นหรือยัง”

 

 

ซย่าชิงอีไม่ตอบ เขาก้มลงมองเธอที่ซบลงบนหัวไหล่ของเขาไม่ไหวติง ดูเหมือนเธอจะผล็อยหลับไปเสียแล้ว

 

 

โม่หันถึงกับพูดไม่ออก เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนช้อนตัวอุ้มเธอในท่าเจ้าหญิงแล้วเดินตรงไปที่

 

 

ล็อบบี้ร้านอาหารเพื่อสอบถามหาห้องว่างกับพนักงาน

 

 

พนักงานต้อนรับมองชายหนุ่มร่างสูงหน้าตาดีที่อุ้มเด็กสาวไว้และเข้ามาถามหาห้องพักส่วนตัวอย่างตกตะลึง คาดเดาว่าทั้งสองจะทำอะไรไปต่างๆ นานา

 

 

โม่หันเห็นแววตาสับสนของเธอจึงรีบอธิบาย “คุณเข้าใจผิดแล้วครับ เธอเป็นน้องสาวของผม เธอเมาน่ะ ผมเลยหาที่ให้เธอได้พักสักครู่ก่อนที่จะพาเธอกลับบ้าน หลังผมไปเอาของของตัวเองที่ห้องอาหาร”

 

 

เธอไปแจ้งหัวหน้าของเธอให้ทราบอย่างไม่เชื่อคำพูดของเขาเท่าไหร่นัก พวกเขานำโม่หันไปยังห้องพักพนักงานแคบๆ ก่อนวางร่างของเธอบนโซฟาตัวเล็ก เขาไหว้วานให้พวกเขาช่วยดูแลเธอให้ชั่วคราวแล้วเขาจะรีบกลับมา

 

 

โม่หันวิ่งกลับไปที่ห้องจัดเลี้ยง หยิบของของซย่าชิงอีที่วางไว้บนเก้าอี้และเอกสารของเขา เมื่อเขาสบตากับทุกคนที่ส่งสายตาสงสัยมาให้จึงว่าขึ้น “เธอไม่ค่อยสบายตัวเท่าไหร่ ผมจะพาเธอกลับก่อน ผมจ่ายค่าอาหารให้เรียบร้อยและขึ้นไปติดต่อบาร์ชั้นบนไว้แล้ว พวกคุณขึ้นไปสนุกต่อได้เลย”

 

 

เขาไม่ทันได้สังเกตดูท่าทีของคนอื่นๆ เพราะความเร่งรีบและวิ่งตรงไปยังห้องพักพนักงานที่เขาฝากเธอไว้

 

 

โม่หันผลักประตูเข้าไปและเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ได้นอนอยู่แล้ว เธอลุกขึ้นนั่งบนโซฟามองตรงมาที่เขาที่ปรากฏตัวหน้าประตู

ภาพรักสีจางกลางสมุทร

ภาพรักสีจางกลางสมุทร

เมื่อลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้ง เธอกลับพบว่าเธออยู่ในสภาพบาดเจ็บสาหัสและจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง ชื่อ ที่อยู่ ครอบครัวและประวัติความเป็นมาล้วนถูกซัดหายไปจากความทรงจำทั้งหมด เบาะแสเดียวที่หลงเหลืออยู่มีเพียงชื่อ โม่หัน ทนายหนุ่มจากสำนักงานกฎหมายที่ลงท้ายไว้บนใบเสร็จค่ารักษาพยาบาลเท่านั้น เขาเป็นใครและเกี่ยวข้องอะไรกับเธอ ทำไมถึงดูแลค่าใช้จ่ายให้ทุกอย่างแต่ไม่เคยมาเยี่ยมเธอเลยสักครั้ง เมื่อถูกครอบงำด้วยความสงสัย เธอจึงตัดสินใจหนีออกจากโรงพยาบาลแล้วออกตามหากุญแจสุดท้ายที่จะไขความลับให้กับเธอ ทว่าเมื่อตามหาตัวโม่หันจนพบ เขากลับบอกเธอว่า “ขอโทษด้วยครับ ผมไม่รู้จักคุณ” เป็นไปได้ยังไงกัน เธอไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร เธอต้องไขปริศนาเรื่องนี้และเรียกคืนความทรงจำทั้งหมดที่หายไปกลับมาให้ได้!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset