ภาพเทพอสูรบรรพกาล – ตอนที่ 107

ตอนที่ 107 น่าตื่นใจ

 

คลังสมบัตินั้นเป็นพื้นที่พิเศษของเขาหยวนชู สมบัติและทรัพยากรจำนวนมากถูกเก็บไว้ที่นี่ เช่นเดียวกันกับคนรับใช้และพ่อบ้าน

 

จุดขัดเกลาที่แปดของร่างอสูรตัดสายฟ้า? พ่อบ้านสามคนและคนรับใช้กว่าสิบคนที่ให้บริการศิษย์อื่นที่ชั้นนี้ต่างได้ยินสิ่งที่เมิ่งชวนพูด พวกเขาได้แต่ตะลึงอยู่ในใจ พวกเขาอยู่ที่นี่มานาน และมันก็เป็นเวลานานมากแล้วที่คนที่ผ่านจุดขัดเกลาที่แปดของร่างอสูรตัดสายฟ้าได้ปรากฏขึ้น

 

“ข้าอยู่ที่คลังสมบัตินี้กว่าหกสิบปีแล้ว แต่ก็ยังไม่เคยเจอใครที่ผ่านจุดขัดเกลาที่แปดมาก่อนเลย”

 

“ท่านเมิ่งชวนพึ่งจะขึ้นมาอยู่บนเขานี้ได้แค่เพียงปีเดียว และเขาก็ผ่านจุดขัดเกลาที่แปดไปแล้ว ข้าว่าอนาคตของตระกูลท่านเมิ่งชวนคงจะประสบความสำเร็จไม่น้อยไปกว่านายน้อยห้าของราชาทะเลตงไห่เป็นแน่”

 

พ่อบ้านสองคนด้านหลังโต๊ะเคาน์เตอร์มองดูเมิ่งชวนและคุยกันผ่านกระแสเสียงอย่างลับๆ

 

คนที่จะมาเป็นพ่อบ้านนั้นอย่างน้อยต้องเป็นจอมยุทธระดับไร้ตำหนิหรือบางคนก็เป็นถึงระดับควบแน่นแก่นแท้

 

ไม่นาน ก็มีชายชราสวมเสื้อผ้าชุดเนียนเดินลงมา เป็นผู้อาวุโสอี่

 

“คารวะท่านผู้อาวุโสอี่” เมิ่งชวนทักทายด้วยท่าทางนอบน้อม

 

“เจ้าผ่านจุดขัดเกลาที่แปดแล้วอย่างนั้นหรือ? “ผู้อาวุโสอี่ยิ้มอย่างเป็นมิตร

 

“ศิษย์พึ่งจะผ่านไปเมื่อวานนี้เองขอรับ” เมิ่งชวนตอบอย่างตรงไปตรงมา

 

ผู้อาวุโสอี่พยักหน้าเบาๆ ด้วยความแข็งแกร่งของเขา เขาสามารถบอกได้ว่ากระแสพลังวินาศอีกาทองได้หลอมรวมเข้ากับร่างกายของเมิ่งชวนอย่างสมบูรณ์แบบ เขาสั่งการในทันที “ไป ไปเอาหกประสงค์วินาศมาขวดหนึ่ง”

 

“ขอรับ” ชายชุดฟ้าตอบอย่างสุภาพ

 

“หกประสงค์วินาศนั้นถูกเก็บเกี่ยวจากเมืองมนุษย์อย่างยากลำบาก” ผู้อาวุโสอี่กล่าว “ทุกๆขวดมีไอวินาศอยู่เก้าสาย มันไม่ได้หาง่ายๆ ดังนั้นแล้วจงดูดซับมันก็ต่อเมื่อตอนที่เจ้าคิดว่าพร้อมแล้วเท่านั้น! อย่าทำให้มันเปล่าประโยชน์”

 

เมิ่งชวนพยักหน้าด้วยท่าทางนอบน้อม “เข้าใจแล้วขอรับ”

 

ไม่นาน ชายชุดสีฟ้าก็หยิบขวดกระเบื้องสีแดงออกมา หลังจากรับไปแล้ว ผู้อาวุโสอี่ก็ยื่นมันให้กับเมิ่งชวน “หกประสงค์วินาศคือพลังวินาศชนิดสุดท้ายที่จำเป็นต่อการขัดเกลาร่างกายของเจ้า และมันก็เป็นอันที่พิเศษที่สุดเช่นกัน มันมีผลกระทบต่อจิตใจอย่างมหาศาล ดังนั้นเจ้าจึงควรฝึกฝนจิตใจเสียก่อน หากเจ้าไปไม่ถึงขั้นต่ำที่กำหนดก็อย่าดูดซับมันเข้าไป ไม่อย่างนั้นมันอาจจะทำลายจิตใจของเจ้าได้ ผลกระทบอาจจะติดอยู่เป็นสิบปีเลยก็ได้ เมื่อจิตใจเจ้าแข็งแกร่งพอแล้ว เจ้าสามารถลองขัดเกลามันได้ดู”

 

อ่านตอนล่าสุดที่ mynovel.co หรือ www.thai-novel.com

 

“ศิษย์จะจำไว้ขอรับ” เมิ่งชวนเคยอ่านหนังสือเมื่อนานมาแล้ว เขารู้ว่าการขัดเกลาจุดที่เก้านั้นอันตรายเพียงใด หากเขาดูดซับกระแสพลังวินาศในขณะที่จิตใจยังอ่อนแอ เขาอาจจะกลายเป็นคนบ้าที่ทำตามแค่สิ่งที่ใจปราถนา และแม้เทพอสูรของเขาหยวนชูจะช่วยเอาไว้ แต่ผลกระทบต่อจิตใจของเขานั้นอาจจะเหลือไปตลอดชีวิตเลยก็ได้

 

 

ต่อจากนี้เมิ่งชวนเตรียมได้ตัวขัดเกลาจิตใจของเขา! เขาหวังว่าพลังใจของเขานั้นจะไปถึงจุดขั้นต่ำสำหรับการขัดเกลากระแสพลังวินาศ

 

‘ข้าจะพักผ่อนซักวันให้จิตใจของข้ากลับสู่สภาพปกติ แล้วพรุ่งนี้ข้าจะไปที่แท่นบูชาแห่งความมืดเพื่อดูว่าข้าจะไปได้ไกลขนาดไหน’ เมิ่งชวนวางขวดหกประสงค์วินาศไว้ในตู้ ‘ข้าอยู่บนเขามาปีหนึ่งแล้ว อยากรู้จังว่าจิตใจของข้าแข็งแกร่งขึ้นแค่ไหนแล้ว’

 

ปีนี้ เขาฝึกฝนวิชากระบี่อย่างขยันขันแข็งทุกวัน เขาได้รับเจตจำนงกระบี่และเรียนรู้ท่าร่างดวงใจกระบี่มาแล้ว และได้ผ่านความทุกข์ทรมานจากกระแสพลังวินาศอีกาทอง 120 วันอีกด้วย

 

และในปีนี้ เขาก็ได้หมั้นกับหลิวชีเยว่เช่นกัน

 

แต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ไม่รู้ว่าพลังใจของเขานั้นเพิ่มขึ้นมากแค่ไหนเทียบกับปีที่แล้ว

 

 

วันที่ 25 ธันวาคม ในยามเช้าตรู่

 

เมิ่งชวนและหลิวชีเยว่ไปที่ตำหนักแม่น้ำสวรรค์ด้วยกัน วันนี้มีการสอนของปรมาจารย์ และคราวนี้ มีศิษย์อยู่ในตำหนักแม่น้ำสวรรค์ทั้งหมด 279 คน

 

ศิษย์ใหม่ได้มาถึงแล้ว! ศิษย์เก่าบางคนก็ผ่านเก้าถ้ำปริศนาและลงจากเขาไปแล้ว ส่วนเมิ่งชวนตอนนี้ก็ได้กลายเป็นศิษย์พี่หลังจากที่อยู่บนเขามาได้หนึ่งปี

 

เมื่อเมิ่งชวนและหลิวชีเยว่เข้าไปในตำหนัก ก็มีพ่อบ้านเดินมาหาและยิ้ม “นายหญิงหลิวชีเยว่ ที่นั่งของท่านเปลี่ยนไปนิดหน่อย โปรดตามมาขอรับ” การจัดที่นั่งเปลี่ยนไปนิดหน่อยเมื่อศิษย์ใหม่เข้ามา มีศิษย์ใหม่บางคนที่มีความสามารถมากอยู่

 

ส่วนเมิ่งชวนยังคงอยู่ที่เดิม อยู่ในแถวแรก

 

ตั้งแต่ที่เขาเรียนรู้ท่าร่างดวงใจกระบี่และไปถึงจุดขัดเกลาที่เจ็ด เขาก็ได้ขึ้นไปอยู่แถวหน้า เชวเฟิง เซี่ยวหยุนเยว่ และเทพอสูรคนอื่นๆที่เรียนรู้ร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษไปแล้วต่างนั่งอยู่ข้างหน้า และมีบางคนที่เรียนรู้ร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษก็อยู่ในแถวที่สองหรือสาม

 

หลิวชีเยว่นั่งข้างหลังเยื้องไปทางซ้ายของเมิ่งชวน เธอจะได้รับร่างเทพวิหคเพลิงที่สมบูรณ์ได้แน่ๆ เธอแค่ต้องการเวลาอีกนิด

 

“ดูสิ คู่รักนั่นที่เดินเข้ามาคือหลิวชีเยว่กับเมิ่งชวน”

 

“เมิ่งชวนไปถึงจุดขัดเกลาที่แปดของร่างอสูรตัดสายฟ้าในปีเดียวนับตั้งแต่เข้าร่วมเขาหยวนชู แล้วเขาก็เรียนรู้ท่าของโลหะทมิฬได้นานแล้วด้วย ความสามารถของเขาสูงมากขนาดที่พอๆกับลูกชายคนที่ห้าของราชาทะเลตงไห่ เชวเฟิงเลย ส่วนที่อยู่ข้างๆนั่นก็คือหลิวชีเยว่ เธอมีร่างเทพวิหคเพลิง พวกนั้นเป็นคู่รักที่ดังมากบนเขาหยวนชูของเราเลยล่ะ”

 

“ศิษย์พี่เมิ่งมาจากตระกูลเทพอสูรธรรมดาๆ ถ้าหากเขามาจากตระกูลเทพอสูรระดับราชาล่ะก็ เขาคงจะแข็งแกร่งกว่าตอนนี้มาก เชวเฟิงเป็นเทพอสูรตั้งแต่อายุสิบห้า ทำให้เขาเร็วกว่าศิษย์พี่เมิ่งสองสามปี นั่นก็เพราะตระกูลของเขา”

 

“การที่เรียนรู้วิชาจากโลหะทมิฬได้ในครึ่งปีนั้นเป็นเรื่องที่สุดยอดอย่างแท้จริง”

 

มีศิษย์หลายคนแอบพูดคุยเกี่ยวกับพวกเขา

 

ภายในครึ่งปี เมิ่งชวนนั้นคือศิษย์ที่น่าตื่นตามากที่สุดในตำหนักแม่น้ำสวรรค์ เขาพุ่งทะยานขึ้นไปอย่างรวดเร็ว จนทำให้ศิษย์หลายๆคนต้องตื่นตะลึง ในแง่ของความเร็ว เขาไวกว่าเชวเฟิงและเซี่ยวหยุนเยว่เสียอีก แต่ถึงอย่างนั้นเมิ่งชวนก็อายุสิบแปดไปแล้วตอนที่เขาเข้าสู่เขาหยวนชู ในขณะที่เชวเฟิงอายุสิบสามเท่านั้น นี่ทำให้เมิ่งชวนนั้นช้ากว่าในหลายๆด้าน แต่ถึงอย่างนั้น ศิษย์หลายๆคนก็เชื่อว่าความสามารถของเขานั้นไม่ด้อยไปกว่าของเชวเฟิงเลย

 

“เมิ่งชวน ยินดีด้วยที่ขัดเกลาจุดที่แปดได้สำเร็จ” เหยียนจินเดินเข้ามาหาเผยให้เห็นรอยยิ้มที่หาได้ยาก

 

“เจ้าก็รู้เรื่องนี้ด้วยหรือ?” เมิ่งชวนประหลาดใจ

 

“เมื่อเช้านี้ทุกคนพูดคุยเรื่องนี้กันที่ตำหนักแม่น้ำสวรรค์ ยังมีใครไม่รู้อีกหรือว่าเจ้าขัดเกลาจุดที่แปดของร่างอสูรตัดสายฟ้าได้สำเร็จ?” เหยียนจินถาม “แล้ว เจ้าวางแผนจะขัดเกลาจุดที่เก้าเมื่อไหร่รึ?”

 

“ข้าจะทดลองดู” เมิ่งชวนกล่าวด้วยรอยยิ้ม

 

เหยียนจินพยักหน้าเบาๆ “เจ้าพึ่งจะมาอยู่บนเขาได้แค่ปีเดียว แน่นอนว่าเจ้ายังมีเวลาทดลอง แต่การที่เจ้าผ่านจุดขัดเกลาที่แปดไปได้นั้นแสดงว่าเจ้าเรียนรู้ร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษได้ดีเลย ที่เขาหยวนชูนี้คนที่ฝึกร่างเทพอสูรระดับสูงพิเศษส่วนมากมักจะได้แค่ขั้นต่ำ เรียนรู้ได้ดีนั่นยังหายาก ส่วนร่างเทพอสูรที่สมบูรณ์แบบนั้นนานๆทีกว่าจะได้เจอซักครั้ง ในหมู่ศิษย์ที่ยังไม่ลงจากภูเขา พี่ชายห้าของข้าเป็นแค่คนเดียวที่เรียนรู้ได้สมบูรณ์ แต่เขาก็เรียนร่างอสูรทรายดำ มันง่ายกว่าร่างอสูรตัดสายฟ้าของเจ้ามาก”

 

เมิ่งชวนพยักหน้า “แล้วการฝึกฝนของเจ้าเป็นอย่างไร?”

 

“ยังเร็วไป” เหยียนจินส่ายหน้าเบาๆแล้วกลับไปนั่งที่เดิม

 

เหยียนจินกลับไปนั่งเงียบๆที่นั่งของเขา ‘เมิ่งชวนผ่านจุดขัดเกลาที่แปดไปเรียบร้อยแล้ว ข้าว่าข้าจะต้องใช้เวลาอีกประมาณสามเดือนก่อนที่จะไปถึงขั้นต่ำสุดของเทพบัวฟ้า หากจะไปถึงระดับสูงก็คงจะต้องใช้เวลาอีกนาน ส่วนระดับสมบูรณ์น่ะหรือ? ข้าไม่เห็นความหวังเลย! แต่ถึงอย่างนั้นข้าต้องการร่างเทพอสูรที่สมบูรณ์แบบหากข้าอยากจะสู้กับราชาเทพอสูร’ เมื่อเหยียนจินฝึกฝนไปเรื่อยๆ เขาก็รู้สึกได้ว่าแม้เขาจะฝึกฝนอย่างหนัก แต่เมื่อเทียบกับเมิ่งชวนและพี่ห้าของเขา เชวเฟิงแล้ว เขานั้นช้ากว่าอย่างแน่นอน

 

แต่เขาก็ไม่เคยยอมแพ้

 

จู่ๆก็มีพลังที่มองไม่เห็นกระจายออกไปคลุมทั่วทั้งตำหนักแม่น้ำสวรรค์ ความเงียบเข้าปกคลุม เมิ่งชวนและคนอื่นๆยืนขึ้นในทันที ศิษย์ใหม่ที่ยังคงงงๆก็ยืนขึ้นตาม ปรมาจารย์เดินเข้ามาและมองกวาดดูศิษย์ทุกคน

 

“คารวะท่านปรมาจารย์ขอรับ” เหล่าศิษย์ก้มหัวด้วยความเคารพ

 

 

หลังจากหมดคาบที่ตำหนักแม่น้ำสวรรค์ หลิวชีเยว่ก็ไปหาขุนนางเทียนซิงโหวเพื่อฝึกวิชา ในขณะที่เมิ่งชวนไปที่แท่นบูชาแห่งความมืด

 

“นายท่านเมิ่งชวน” ที่แท่นบูชาแห่งความมืดก็มีพ่อบ้านและคนรับใช้เช่นกัน

 

“ข้าจะขึ้นไปบนแท่นบูชาแห่งความมืด” เมิ่งชวนกล่าว

 

พ่อบ้านพยักหน้าและกล่าว “ถ้าเช่นนั้นข้าจะเปิดแท่นบูชาแห่งความมืดให้ขอรับ” เมื่อพูดจบเขาก็เปิดกลไกข้างๆตัวเขา

 

“เริ่มได้เลยชอรับ” พ่อบ้านพูดด้วยรอยยิ้ม “หากนายท่านเมิ่งชวนหยุดบนแท่นบูชาและเดินต่อไปไม่ได้อีกข้าจะปิดมัน”

 

แม้ว่าแท่นบูชาแห่งความมืดจะช่วยฝึกฝนจิตใจได้ แต่ปกติแล้วมันถูกเหล่าศิษย์ของเขาหยวนชูใช้เพื่อการทดสอบพลังใจของพวกเขา ตราบใดที่พวกเขาสามารถไปถึงยอดได้ นั่นก็หมายความว่าพวกเขานั้นผ่านเงื่อนไขสำหรับการเป็นเทพอสูรระดับมหาสุริยัน

 

‘ในการสอบเข้าปีที่แล้ว ข้าหยุดลงที่ขั้นที่ 75 ข้าอยากรู้จังว่าในตอนนี้จะไปได้ไกลแค่ไหน’ เมิ่งชวนเดินก้าวขึ้นไปบนแท่นบูชาแห่งความมืด หมอกสีดำซึมเข้าไปในร่างของเมิ่งชวนในทันที ร่างกายของเขาสั่นเล็กน้อยแต่เขาก็ชินกับมันได้อย่างรวดเร็วและเดินต่อไป

 

พ่อบ้านและคนใช้นั้นต่างเฝ้ามองด้วยความสงสัยว่าเมิ่งชวนที่โด่งดังอยู่ในช่วงนี้จะไปได้ถึงขั้นไหนกัน

 

“มาคาดเดากันว่านายท่านเมิ่งชวนจะไปได้ไกลแค่ไหน”

 

“ข้าว่าเขาน่าจะไปได้ถึง 90 ขั้น”

 

“นายท่านเมิ่งชวนอยู่บนเขาได้แค่ปีเดียว มันคงจะไม่ง่ายขนาดนั้นในการไปถึงขั้นที่ 90” พ่อบ้านและคนใช้เหล่านี้มีชีวิตที่ค่อนข้างน่าเบื่อกัน พวกเขาพูดคุยกันด้วยความตื่นเต้น พวกเขารู้ว่าเมิ่งชวนไม่ได้ยินเสียงในขณะปีนแท่นบูชาแห่งความมืดแน่ๆ

 

ภาพเทพอสูรบรรพกาล

ภาพเทพอสูรบรรพกาล

ภาพเทพอสูรบรรพกาล
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ภาพเทพอสูรบรรพกาล โลกนี้ถูกรุกรานโดยเหล่าปิศาจมานานนับศตวรรษ มนุษยชาติได้รวมตัวกันก่อตั้งสำนักที่เก่าแก่อย่างสำนักเขาหยวนชูขึ้นมา และจัดตั้งระบบการฝึกฝน พร้อมทั้งส่งเทพอสูรไปป้องกันประตูทางเข้าโลกต่างๆ เมิ่งชวนอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่เชี่ยวชาญกระบี่ไว แม้ว่าชีวิตนี้จะได้รับมรดกอันล้ำค่า แต่ปณิธานที่อยู่ภายในใจมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือกำจัดพวกปิศาจให้สิ้นซาก! ในอดีตมารดาของเขาได้ยอมสละชีวิตของตนเองเพื่อปกป้องเขา เรื่องนี้กลายเป็นแผลในใจที่ไม่อาจจะลืมเลือนได้ เขามุ่งมั่นและทุ่มเททุกอย่างเพื่อที่จะได้เข้าสู่เขาหยวนชู และได้รับทรัพยากรกับการสั่งสอนที่ดีกว่า นอกเหนือจากการฝึกฝนแล้ว สิ่งเดียวที่ทำให้จิตใจของเขาสงบลงได้ก็คือการวาดรูป และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset