ภาพเทพอสูรบรรพกาล – ตอนที่ 58

ตอนที่ 58 อาชวนมาแล้ว

 

เพียงวูบเดียว หลิวชีเยว่ก็ปรากฏขึ้นข้างๆเจ้าสำนักจงเฉียนเหอ พวกเขาร่วมมือกันเพื่อสกัดแม่ทัพอสูรทั้งสองเอาไว้

 

“ท่านเจ้าสำนัก” หลิวชีเยว่พูด “เปลวเพลิงพิเศษนี้มันสิ้นเปลืองพลังปราณของข้ามาก ข้าสามารถยิงได้อีกเพียง 80 ลูกเท่านั้น”

 

เจ้าสำนักจงไม่แปลกใจแม้แต่น้อย หลิวชีเยว่ยังอยู่เพียงช่วงปลายของระดับก่อกำเนิด การจะให้เธอรักษาร่างวิหคเพลิงสวรรค์ไว้นั้นเป็นเรื่องยาก

 

“อย่ากังวลไป พยายามถ่วงเวลามันเอาไว้” เจ้าสำนักจงกล่าว “เราจะต้านพวกมันให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้! เพราะตราบใดที่เทพอสูรชนะ เราก็จะรอด”

 

“ค่ะ” หลิวชีเยว่พยักหน้าและยิงเกาฑัณฑ์ด้วยพลังทั้งหมดของเธอ

 

“เจ้ายิงช้ากว่านี้ก็ได้” เจ้าสำนักจงกล่าว “ข้าจะใช้พลังเต็มที่ เจ้าแค่สนับสนุนข้าก็พอ แค่เรายื้อผู้นำทั้งสองนั้นเอาไว้ได้ก็เพียงพอแล้ว”

 

“ค่ะ” สีหน้าของหลิวชีเยว่เคร่งขรึม

 

 

“เรารอไม่ได้แล้ว ถ้าช้ากว่านี้อาจจะเกิดอะไรไม่คาดฝันขึ้น บางทีเทพอสูรอาจจะมาช่วยเด็กมนุษย์นี่ที่มีสายเลือดวิหคเพลิงสวรรค์อยู่ในตัว” แม่ทัพอสรพิษกล่าวกับสหายของมัน “เราต้องเร็ว ตราบใดที่เราจับผู้หญิงมนุษย์นั่นแบบเป็นๆได้ เราจะส่งกลับไปที่ประชุมเก้าอสูรในทันทีและมอบมันให้กับท่านเจ้าขุนเขา”

 

“ใช่ เจ้าพูดถูก ตราบใดที่เราจับผู้หญิงคนนี้ได้ ไม่ว่าจะสังเวยลูกน้องของพวกเราเพียงใดก็คุ้มค่า” แม่ทัพวัวก็เห็นด้วยเช่นกัน เหล่าอสูรปฏิบัติตามกฎของป่าและไม่สนใจอสูรชั้นต่ำที่เป็นลูกน้องใดๆ ในความเป็นจริงการต่อสู้ที่โหดร้ายและนองเลือดเหล่านี้เป็นสิ่งที่อสูรชอบ การต่อสู้เหล่านี้จะขจัดอสูรที่อ่อนแอและช่วยทำให้อสูรแข็งแกร่งขึ้น

 

ยิ่งตายมากเท่าไหร่มันก็เป็นการประหยัดอาหารแถมยังได้ทำให้ตัวที่แข็งแกร่งแข็งแกร่งยิ่งขึ้นไม่ใช่เหรอ?

 

ดังนั้นแล้ว เทพอสูรมนุษย์ที่ประจำอยู่ตามเมืองด่านต่างๆมักจะต้องเจอกับการรุกรานของอสูร

 

“บุก! พวกข้าจะรั้งนักเกาฑัณฑ์ไว้ ทำลายป้อมนี้ซะ!” แม่ทัพวัวคำราม

 

“บุก! ทำลายป้อมเพลิงตะวัน” แม่ทัพอสรพิษออกคำสั่งเช่นเดียวกัน

 

อ่านบทล่าสุดที่ my-novel.co หรือ www.thai-novel.com

 

“ฆ่า!”

 

“ฆ่า!”

 

“ฆ่า!”

 

ทันใดนั้น กลุ่มผู้นำอสูรก็พุ่งไปข้างหน้าพร้อมกับอสูรจำนวนมาก เมื่อกองทัพทั้งสองรวมตัวกันจำนวนของพวกมันก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก หลิวชีเยว่และเจ้าสำนักจงกำลังยุ่งอยู่กับการยื้อแม่ทัพทั้งสองเอาไว้ ทำให้นี่เป็นเรื่องง่ายสำหรับผู้นำ เพียงไม่กี่ชั่วครู่พวกมันก็วิ่งไปถึงด้านล่างของป้อมเพลิงตะวัน

 

ฝูงอสูรจำนวนมากกระโจนขึ้นไปที่หน้าต่างทันที

 

“ยิง!” ลูกดอกขนาดใหญ่พุ่งออกมาจากหน้าต่างและยิงทะลุร่างของอสูร อย่างไรก็ตาม อสูรนั้นมากเกินไป บางตัวกระโดดขึ้นไปบนหน้าต่างได้แล้ว

 

“พวกเรา โจมตี!” จอมยุทธมนุษย์กลุ่มใหญ่อยู่ในป้อม พวกเขาพยายามป้องกันเหล่าอสูรที่โถมเข้ามาผ่านทางหน้าต่าง

 

การต่อสู้ที่สำนักเต๋าเพลิงตะวันกลายเป็นการต่อสูระยะประชิดแล้ว

 

อสูรพุ่งเข้ามาไม่หยุดหย่อน ขนาดผู้นำอสูรยังนำการบุกด้วยซ้ำ พอผู้นำอสูรฟาดขวานลง หน้าไม้ยักษ์ก็ระเบิด ทหารและศิษย์ที่อยู่ที่หน้าไม้ปลิวไปด้านหลังเลือดสาดกระเซ็นไปทั่ว พวกเขาตายในทันที

 

“ตาย!” จอมยุทธมนุษย์มีความได้เปรียบด้านภูมิประเทศ เป็นเพราะหน้าต่างจึงทำให้พวกเขาสามารถต่อสู้กับศัตรูที่เยอะเกินไปได้ พวกเขาฆ่าอสูรไปทีละตัวๆ เหล่าอสูรต่างร่วงลงไปกับพื้นเรื่อยๆ

 

เมื่อเจ้าสำนักจงเห็นฉากนองเลือดนี้ เปลือกตาของเขาก็กระตุกและสั่งทันทีว่า “จุดไฟสัญญาณ ปล่อยควันซะ”

 

“ขอรับ” ทันใดนั้น อาจารย์คนหนึ่งก็ตอบรับและไปจุดไฟสัญญาณ

 

การจุดไฟสัญญาณมันหมายความว่าสำนักเต๋าตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย อีกไม่ช้าก็คงจะถูกทำลาย

 

ในไม่ช้า หนึ่งในท่อควันขนาดใหญ่ของป้อมเพลิงตะวันก็เต็มไปด้วยควันที่ลอยขึ้นสู่ท้องฟ้า ทั้งตงหนิงเมืองสามารถมองเห็นได้ ใครก็ตามที่รอดชีวิตอยู่ในเมืองตงหนิงรู้ดีว่าสิ่งนี้หมายถึงอะไร! สำนักเต๋าเพลิงตะวันกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวังและร้องขอความช่วยเหลือ!

 

การต่อสู้นองเลือดก็ยังคงดำเนินต่อไป

 

“ตาย” ชายร่างกำยำถือโล่และขวานใหญ่ฟันใส่ผู้นำอสูร ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือดและดวงตาของเขาเป็นสีแดง แต่แล้วผู้นำอสูรสองตนก็ร่วมมือกันและพุ่งใส่เขา “จอมยุทธมนุษย์นี่มันเข้าถึงพลังแล้ว ร่วมมือจัดการฆ่ามันเสีย”

 

ข้อได้เปรียบของความแข็งแกร่งของอสูรมันมากเกินไป

 

ผู้บัญชาการอสูรทุกตนนั้นน่าเกรงขาม พวกระดับสูงนั้นมีร่างกายที่เทียบได้กับระดับไร้ตำหนิ แม้มนุษย์จะได้เปรียบทางด้านพื้นที่ แต่พวกเขาก็ยังถูกกดดันและถูกบังคับให้ถอยร่นไปอยู่เรื่อยๆอยู่ดี

 

เมื่อจำนวนอสูรที่ขึ้นไปที่ป้อมเพิ่มขึ้น มนุษย์ก็เริ่มสูญเสียความได้เปรียบทางภูมิประเทศ

 

“ข้าจะยื้อไม่ไหวแล้ว” เจ้าสำนักจงมองไปทางหลิวชีเยว่ที่หน้าซีดเพราะใช้พลังปราณจนหมด แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็พยายามใช้วิชาต้องห้าม จากนั้นเขาก็มองไปที่นักรบมนุษย์ที่ถูกบังคับให้ล่าถอยในขณะที่กำลังปัดป้องเหล่าอสูร ไม่ว่าจะเป็นทหารที่มีประสบการณ์ ทหารเกษียณ หรือลูกศิษย์รุ่นเยาว์ของสำนักเต๋า พวกเขาต่างใช้วิชาต้องห้ามสู้จนสุดชีวิต

 

ไม่มีทางหนี ทำได้แค่เพียงใส่ให้เต็มที่

 

“ทุกๆตัวที่เราสังหารลงได้มีผล ถ้าข้าสังหารมันได้สอง ก็คุ้มค่าแล้ว!” ทหารผ่านศึกที่บาดเจ็บคนหนึ่งพุ่งไปขวางระหว่างลูกศิษย์สำนักเต๋ากับอสูร

 

“ศิษย์พี่ยี่ ถ้าพวกเรารอด เจ้าจะแต่งงานกับข้าไหม?”

 

“ได้สิ ข้าสัญญาเลย”

 

“ท่านพ่อ ข้าสังหารอสูรได้แล้วนะ” เหล่าศิษย์อายุน้อยทั้งหลายเริ่มบ้าคลั่ง พวกเขาอยู่ในระดับชำระแก่นแท้แล้ว และเรียกได้ว่ามีพรสวรรค์ในรุ่นของพวกเขา อย่างไรก็ตาม ตอนนี้พวกเขาจนมุม

 

น้ำตาไหลอาบแก้มเมื่อต้องเห็นเหล่าศิษย์พี่น้องต้องตายในการต่อสู้ พวกเขาก็จะเอาจริงเช่นกัน

 

“พวกเราจะแพ้รึเปล่า?” หลิวชีเยว่ที่กำลังใช้คาถาต้องห้ามเทพอสูรอยู่ก็ตัวสั่นเล็กน้อย “ท่านพ่อ อาชวน…ข้าอยากเจอพวกเขาอีกจริงๆ”

 

ในตอนนั้น หลิวชีเยว่คิดถึงพ่อของเธอมากเช่นเดียวกันกับอาชวน

 

ในฐานะนักเกาฑัณฑ์ หลิวชีเยว่มักใช้กระแสปราณเพื่อเสริมตาของเธอ มันทำให้เธอสามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่ไกลออกไปได้อย่างชัดเจน ขณะที่เธอจ้องมองไปที่แม่ทัพอสูรทั้งสองขณะที่ยิงใส่พวกมัน ทันใดนั้นเธอก็สังเกตเห็นร่างที่เหมือนกับสายฟ้าพุ่งเข้ามา

 

“นั่นมัน…” หลิวชีเยว่อดไม่ได้ที่จะน้ำตาซึม พวกเขาเติบโตมาด้วยกัน แม้ว่าภาพนั้นจะเร็วมาก แต่เธอก็มั่นใจ “อาชวน! อาชวนมาแล้ว!”

 

“อาชวน!” หลิวชีเยว่ส่งเสียเรียกในทันที น้ำเสียงของเธอดูสั่นๆ “หนีไป! อย่ามาที่นี่! หนีไป ได้ยินข้ารึเปล่า!?”

 

ทั้งสำนักกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้าย คนระดับต่ำกว่าเทพอสูร เป็นไปไม่ได้ที่จะช่วยเหลือด้วยตัวคนเดียว ในสายตาของมนุษย์แทบทั้งหมด รวมไปถึงหลิวชีเยว่และเจ้าสำนักจง สถานการณ์ที่สำนักเต๋ากำลังเผชิญอยู่นี้มีเพียงเทพอสูรเท่านั้นที่จะช่วยได้

 

“นั่นมนุษย์” อสูรที่ยังกำลังมุ่งหน้าไปก็พบร่างที่ปกคลุมไปด้วยสายฟ้าพุ่งมาใส่พวกมัน

 

“เจ้ากล้าดียังไงมาโจมตีกองทัพอสูรของพวกเรา เจ้าต้องตายอย่างทรมาณ”

 

“ฉีกกระชากมันซะ”

 

อสูรเหล่านี้ไม่กล้าที่จะต่อสู้กับมนุษย์ที่เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเช่นนี้ในการต่อสู้ตัวต่อตัว แต่ตอนนี้พวกมันรวมสองกองทัพเข้าด้วยกัน และไปด้วยสหายที่จำนวนมาก จำนวนของพวกมันช่วยเพิ่มความมั่นใจ พวกมันรู้สึกว่าตราบใดที่ไม่ใช่เทพอสูร พวกมันจะฉีกใครก็ตามที่กล้าบุกเข้ามาเป็นชิ้นๆก็ได้

 

“ฆ่ามัน”

 

“ขยี้มัน!”

 

อสูรกลุ่มหนึ่งขว้างขวานหรือพ่นพิษออกมา บางตัวพ่นใย พยายามจะตรึงเมิ่งชวน

 

ฟิ้ว!

 

ร่างที่ปกคลุมด้วยสายฟ้ากลายเป็นภาพติดตาในขณะที่พุ่งทะยานไป เมิ่งชวนหลีกเลี่ยงอุปสรรคมากมายและพุ่งเข้าใส่ฝูงอสูรได้อย่างง่ายดาย

 

“เจ้ามนุษย์นี่รนหาที่ตายเสียจริง” อสูรวิ่งเข้ามาอย่างบ้าคลั่ง เนื่องจากอสูรกำลังโจมตีป้อมเพลิงตะวัน จึงมีฝูงอสูรจำนวนมากล้อมปราสาทอยู่ ทันใดนั้นอสูรเกือบร้อยตัวก็พุ่งเข้าหาเมิ่งชวนด้วยความมั่นใจ

 

ฉับฉับฉับฉับฉับฉับ!

 

ลำแสงกระบี่อันแพรวพราวเล่มวาดไปทั่วบริเวณ ลำแสงแต่ละอันมีความยาวหลายจั้งและความเร็วของพวกมันก็น่าสะพรึง อสูรอยู่กันแน่นเกินไปจนหลบไม่ได้

 

เพียงหกกระบี่ เขาก็หั่นผ่านอสูรเกือบร้อยตัวที่มาพุ่งเข้าใส่เขา และพื้นก็เต็มไปด้วยร่างอสูรที่ขาดเป็นชิ้น สิ่งนี้ทำให้การปิดล้อมป้อมหยุดลงครู่หนึ่ง เนื่องจากอสูรหลายตัวอดไม่ได้ที่จะมองไป เพราะไม่ว่าอย่างไร อสูรทั้งสองกองทัพก็มีจำนวนกว่าสองพันตน แต่ตอนนี้กว่าร้อยตนตกตายไปภายในชั่วพริบตาอย่างนั้นหรือ?

 

ทหาร ทหารผ่านศึก และศิษย์สำนักเต๋าก็เห็นเช่นกัน

 

พวกเขาเห็นสายฟ้าฟาดฟันผ่านพวกอสูรอย่างรวดเร็ว ลำแสงดาบอันแสนรวดเร็วพุ่งผ่านอากาศ อสูรจำนวนมากร่วงลงพื้นราวกับข้าวที่ถูกเกี่ยว

 

“ทั้งสองคนจัดการกับอสูรตัวอื่่นไป ปล่อยให้ข้าจัดการกับแม่ทัพอสูรทั้งสองตัวนี้เอง” เสียงดังก้องไปทั่วทั้งสำนักเต๋าเพลิงตะวันก่อนที่ร่างที่ปกคลุมไปด้วยสายฟ้านั้นจะพุ่งเข้าใส่แม่ทัพอสูรทั้งสอง

 

ภาพเทพอสูรบรรพกาล

ภาพเทพอสูรบรรพกาล

ภาพเทพอสูรบรรพกาล
Status: Ongoing
อ่านนิยายเรื่อง ภาพเทพอสูรบรรพกาล โลกนี้ถูกรุกรานโดยเหล่าปิศาจมานานนับศตวรรษ มนุษยชาติได้รวมตัวกันก่อตั้งสำนักที่เก่าแก่อย่างสำนักเขาหยวนชูขึ้นมา และจัดตั้งระบบการฝึกฝน พร้อมทั้งส่งเทพอสูรไปป้องกันประตูทางเข้าโลกต่างๆ เมิ่งชวนอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่เชี่ยวชาญกระบี่ไว แม้ว่าชีวิตนี้จะได้รับมรดกอันล้ำค่า แต่ปณิธานที่อยู่ภายในใจมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือกำจัดพวกปิศาจให้สิ้นซาก! ในอดีตมารดาของเขาได้ยอมสละชีวิตของตนเองเพื่อปกป้องเขา เรื่องนี้กลายเป็นแผลในใจที่ไม่อาจจะลืมเลือนได้ เขามุ่งมั่นและทุ่มเททุกอย่างเพื่อที่จะได้เข้าสู่เขาหยวนชู และได้รับทรัพยากรกับการสั่งสอนที่ดีกว่า นอกเหนือจากการฝึกฝนแล้ว สิ่งเดียวที่ทำให้จิตใจของเขาสงบลงได้ก็คือการวาดรูป และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset