ภาพเทพอสูรบรรพกาล – ตอนที่ 8 ทักษะลับ ‘ขั้นที่สามกระบี่ใบไม้ร่วง’

 

การกระทำของเมิ่งชวนทำให้ศิษย์ขั้นชำระแก่นแท้ของตึกขุนเขาธาราพากันตกตะลึง ในตึกขุนเขาธารา เมิ่งชวนไม่ได้โดดเด่นอะไรนัก อีกทั้งอายุค่อนข้างน้อย แม้ว่าบิดาของเขาจะเป็นถึงว่าที่หัวหน้าตระกูลเมิ่ง แต่เมิ่งชวนก็ไม่เคยทำตัวโอ้อวด ดังนั้นศิษย์ร่วมสำนักจึงมีความประทับใจต่อเมิ่งชวนค่อนข้างดีมาก แต่ครั้งนี้กลับแย่งขึ้นเวทีประลองก่อน แล้วยังกล่าวอีกว่า “อันดับหนึ่งของการประลองนี้ ข้าคงต้องขอรับไว้”

ซึ่งนั่นหมายความว่าไม่เห็นพวกเขาอยู่ในสายตาไม่ใช่รึ

“ศิษย์พี่เมิ่งขึ้นไปบนเวทก่อนงั้นรึ?”

“ทำไมเขาถึงขึ้นไปเป็นคนแรกล่ะ?”

“น่าจะรอให้ผ่านสองคนแรกไปก่อน แล้วค่อยขึ้นอีกทีก็ยังไม่สายนะ” ห่างออกไป เหล่าศิษย์น้องที่อยู่รอบลานประลองพากันซุบซิบอย่างประหลาดใจ

กระทั่งเจ้าสำนักที่กำลังดื่มสุราอยู่ก็ยังประหลาดใจเล็กน้อย เขาเป็นคนโลภและรักสุรา จึงได้ประโยชน์จาก ‘เมิ่งต้าเจียง’ ที่เป็นเถ้าแก่ของภัตตาคารอาหารอันดับหนึ่งแห่งเมืองตงหนิงอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นเขาจึงพลอยเอ็นดูบุตรชายของเมิ่งต้าเจียงไปด้วย ส่วนหนึ่งเป็นเพราะเมิ่งชวนไม่เคยอาศัยอำนาจของตระกูลทำเรื่องเลวร้าย และเมิ่งต้าเจียงก็ให้สิทธิประโยชน์กับเขามากมาย

“เร็วเข้า ใครอยากจะประลองกับเมิ่งชวนก็รีบขึ้นมา” เก๋อหยู่กระตุ้น

“ข้าเอง”

ป๋ายก้วนเจ้าของใบหน้าเย็นชาได้ก้าวเท้าออกมาและเดินขึ้นไปบนเวทีประลอง เขามองเมิ่งชวนด้วยแววตาเย็นยะเยือก ก่อนจะหัวเราะเยาะ “เมิ่งชวน เจ้าอยากได้อันดับหนึ่งของการประลองนี้ ได้ถามข้าก่อนรึยัง”

ในการแข่งขันชิงสิบอันดับแรกระหว่างศิษย์ขั้นชำระแก่นแท้ เขาก็สามารถคว้าอันดับหนึ่งมาได้ทุกครั้ง มีแค่ครั้งนี้ที่พ่ายแพ้ให้กับว่านหม่าง

ในหมู่ศิษย์ขั้นชำระแก่นแท้ของตึกขุนเขาธารา มีเพียงว่านหม่างผู้ที่มีพละกำลังแข็งแกร่งมาตั้งแต่กำเนิดเท่านั้นที่จะทำให้เขาระมัดระวังตัวได้ ส่วนศิษย์คนอื่นๆเขาไม่เคยเห็นอยู่ในสายตา ตอนที่เมิ่งชวนขึ้นไปเป็นคนแรก เขาก็คิดว่าจะเป็นผู้ชม แต่พอเมิ่งชวนกล่าวว่า ‘อันดับหนึ่งของการประลองนี้ ข้าคงต้องขอรับไว้’ เขาก็เกิดความรู้สึกอยากจะสั่งสอนเมิ่งชวนขึ้นมา

“เชิญ” เมิ่งชวนตอบกลับ

“ตรงไปตรงมาดีนี่”

ป๋ายก้วนชักกระบี่สองเล่มออกมาจากด้านหลัง กระบี่ยาวคู่นี้ไม่ได้เปิดคม การประลองในหมู่ศิษย์ด้วยกันนั้น พวกเขาจะทำให้อาวุธของตัวเองทื่อ

ป๋ายก้วนถือกระบี่อย่างละข้าง ดวงตาจ้องมองไปที่เมิ่งชวน ก่อนจะกล่าวว่า “เจ้ากับข้าประมือกันมาแล้วเจ็ดครั้ง แต่ไม่มีครั้งไหนที่เจ้ารับมือข้าได้เกินสิบกระบวนท่า”

“ทักษะกระบี่คู่ของท่านทรงพลังจริงๆ” เมิ่งชวนพยักหน้าชื่นชม

ป๋ายก้วนเก่งกาจมากจริงๆ แม้แต่ว่านหม่างผู้มีพละกำลังแข็งแกร่งมาตั้งแต่กำเนิดก็ยังโชคดีเอาชนะเขาได้แค่ครั้งเดียว ซึ่งนั่นเป็นเพราะทักษะกระบี่คู่! เขาคือผู้เชี่ยวชาญกระบี่คู่ที่แท้จริง ซึ่งจำเป็นต้องเคลื่อนไหวทั้งสองอย่างพร้อมกัน กระบี่สองเล่มก็เปรียบเสมือนนักกระบี่สองคนที่ร่วมมือกัน…ต้องต่อสู้กับนักกระบี่แบบนี้ ก็เหมือนเผชิญหน้ากับนักกระบี่คู่ที่เข้าขากันอย่างสมบูรณ์แบบ ดังนั้นเหล่าศิษย์ชำระแก่นแท้ของตึกขุนเขาธาราจึงพ่ายแพ้ให้กับเขา

“การที่เจ้ากล้าขึ้นมาเป็นคนแรก ข้าก็ขอชื่นชมในความกล้า ฉะนั้นข้าจะใช้ท่าไม้ตาย ‘เฉือนใจ’ เพื่อให้เจ้ายอมรับความพ่ายแพ้ทั้งปากและใจ” ป๋ายก้วนผู้หยิ่งผยองได้บอกถึงทักษะที่ตนจะใช้ต่อจากนี้โต้งๆ เพื่อเป็นการสั่งสอนเมิ่งชวน เขาจะใช้ทักษะที่แข็งแกร่งที่สุดกดดันเมิ่งชวน

“แสดงออกมาเลย” เมิ่งชวนไม่รีบร้อน ความเข้าใจต่อทักษะลับของเขาได้ก้าวไปอีกระดับแล้ว ฉะนั้นเขาจึงไม่จำเป็นต้องรีบลงมือก่อน ปล่อยให้อีกฝ่ายมีโอกาสแสดงทักษะลับอย่างสมบูรณ์ดีกว่า

ฟ้าว

ป๋ายก้วนลงมือทันที

มือที่ถือกระบี่ทั้งสองข้างเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว แม้จะมั่นใจแต่เขาก็ยังทุ่มพลังทั้งหมด กระบี่พุ่งตรงไปทางเมิ่งชวน ท่าร่างของเขาดูแปลกมาก เดี๋ยวก็โผล่ไปทางซ้ายทีขวาที ทำให้ยากที่จะระบุตำแหน่งที่แท้จริงของเขาได้

พริบตาเดียว เขาก็ทะยานเข้าไปใกล้เมิ่งชวนที่อยู่อีกด้านหนึ่งของเวที

“ตาย” ป๋ายก้วนแสยะยิ้มให้กับเมิ่งชวน กระบี่คู่ได้แสดงท่าไม้ตาย ‘เฉือนใจ’ ออกมา แม้ว่าคมกระบี่จะทื่อ แต่ด้วยทักษะนี้เมิ่งชวนก็บาดเจ็บได้

ประกายแสงคมกระบี่คู่สว่างวูบ ขณะฟันไปที่ร่างของเมิ่งชวน

“หือ?” ป๋ายก้วนเบิกตากว้างอย่างตกใจ เพราะเขารู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังฟันอากาศอยู่

ตอนนั้นเองเขาก็รู้สึกเย็นยะเยือกที่ลำคอ

เขารีบหันกลับไปมอง

เป็นเมิ่งชวนที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา และถือกระบี่วางไว้ที่คอของป๋ายก้วน

“เป็นไปได้ยังไง ทำไมเจ้าถึงเร็วขนาดนี้?” ป๋ายก้วนยากจะทำใจเชื่อได้ “ทำไมข้าถึงมองไม่ชัด”

เขาไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ศัตรูที่ยืนอยู่ตรงหน้า พริบตาเดียวกลับไปยืนอยู่ด้านหลัง และเอากระบี่จ่อคอเขา

เห็นได้ชัดว่าการฆ่าเขามันง่ายพอๆกับการฆ่าไก่

ตอนแรกเก๋อหยู่ยังกอดไหสุราอย่างสบายอารมณ์ แต่จังหวะที่ยกขึ้นดื่มและมองไปบนเวที เขาก็ต้องตกตะลึงขึ้นมา ดวงตาของเขาเบิกกว้างขณะมองฉากนี้อย่างไม่อยากจะเชื่อ กระทั่งไหสุราในมือก็ยังร่วงลงมากระแทกพื้นจนแตกเป็นเสี่ยงๆ สุราไหลเจิ่งนองไปทั่วพื้น แต่เก๋อหยู่ก็ไม่แม้แต่จะปรายตามองสุราที่หกราดพื้นเลยแม้แต่น้อย สายตาของเขาจับจ้องไปที่เมิ่งชวน

“ทักษะลับ ‘ขั้นที่สามกระบี่ใบไม้ร่วง’ ข้าเก๋อหยู่อบรมศิษย์แบบนี้ออกมาได้ด้วยรึ?” เก๋อหยู่พึมพำกับตัวเองเบาๆ เขาเป็นเจ้าสำนักมาสิบห้าปี แต่ไม่เคยอบรมอัจฉริยะที่คาดว่าจะเป็นเทพอสูรมาก่อน

เหล่าอาจารย์และผู้ช่วยต่างก็มองหน้ากันอย่างงงๆ พวกเขามองเห็นอย่างชัดเจนว่าเมิ่งชวนใช้ทักษะอะไร และเข้าใจว่านี่หมายความว่าเช่นไร

“เป็นทักษะลับ ‘ขั้นที่สามกระบี่ใบไม้ร่วง’ ”

“ทักษะลับกระบี่ใบไม้ร่วง ‘ขั้นที่สามกระบี่ใบไม้ร่วง’! สำนักกระจกทะเลสาบของข้าปรากฏศิษย์ที่สามารถเข้าใจทักษะลับได้ ปีนี้เมิ่งชวนอายุเพียงสิบห้า แค่สิบห้าปีกลับครอบครองทักษะลับได้แล้ว นี่เป็นเรื่องจริงรึนี่!”

“สำนักกระจกทะเลสาบของเรา ปรากฏศิษย์ที่เข้าใจทักษะลับตั้งแต่อายุสิบห้าปี!”

“สำนักกระจกทะเลสาบของเรา! ฮาฮา…”

เหล่าอาจารย์ที่อุทิศตนเพื่อสำนักมาชั่วชีวิตพากันตื่นเต้นขึ้นมา นี่คือช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดของพวกเขา ทั้งสำนักได้อบรมสั่งสอนศิษย์มามากมาย เป้าหมายก็เพื่อเลี้ยงดูอัจฉริยะที่สามารถกลายเป็นเทพอสูรได้ในอนาคต

บัดนี้ สำนักกระจกทะเลสาบได้ปรากฏอัจฉริยะเช่นนั้นขึ้นมาแล้ว แบบนี้จะไม่ให้เหล่าอาจารย์ตื่นเต้นได้อย่างไร? จะไม่ให้พวกเขาคลุ้มคลั่งได้อย่างไร?

ถ้าหากบอกว่าเหล่าอาจารย์พากันตื่นเต้น เช่นนั้นพวกลูกศิษย์นับพันที่มองดูฉากนี้ก็น่าจะเข้าขั้นบ้าคลั่งขึ้นมา

“สวรรค์!”

“ข้าไม่ได้ตาฝาดใช่ไหม?”

“นี่คือ…”

“ข้าเห็นศิษย์พี่เมิ่งสองคน คนหนึ่งอยู่ด้านหน้าศิษย์พี่ป๋าย อีกคนอยู่ด้านหลังศิษย์พี่ป๋าย?”

“ทักษะลับ ‘ขั้นที่สามกระบี่ใบไม้ร่วง’ นี่ต้องเป็นทักษะลับ ‘ขั้นที่สามกระบี่ใบไม้ร่วง’ ของกระบี่ใบไม้ร่วงแน่ๆ! เจ้าสำนักเคยบรรยายให้พวกเราฟังมาแล้ว”

“ที่แท้ก็เป็นทักษะลับ ‘ขั้นที่สามกระบี่ใบไม้ร่วง’!”

เสียงพูดคุยพลันดังกระหึ่มขึ้นมา แม้แต่ศิษย์จากตึกขุนเขาธาราก็ตะลึงงันเช่นกัน

วินาทีนั้น ตั้งแต่เจ้าสำนัก ไปจนถึงเหล่าศิษย์สามัญต่างก็พากันพูดคุยอย่างตื่นเต้น ทุกคนล้วนก็เข้าใจอย่างชัดเจนว่าการที่เด็กอายุสิบห้าสามารถใช้ทักษะลับได้นั้นมันหมายความว่าอะไร!

“ฟิ้ว” ในบรรดาศิษย์มากมายที่รายล้อมรอบเวทีนั้น จู่ๆก็มีศิษย์คนหนึ่งวิ่งออกจากสำนัก

“เร็วเข้า รีบกลับไปที่เรือนบรรพบุรุษ ไปรายงานให้คนในตระกูลทราบ”

“เร็ว รีบกลับไปรายงาน!”

ศิษย์ในสำนักกระจกทะเลสาบบางส่วนก็มาจากตระกูลเมิ่ง เมื่อมีศิษย์จากตระกูลเมิ่งคนแรกที่วิ่งออกไป ก็มีคนที่สองและสามตามมา พวกเขามุ่งหน้าไปยังตระกูลของตัวเอง พวกเขาอยากจะนำข่าวดีนี้ไปแจ้งให้คนในตระกูลทราบ! ด้านหนึ่งคือพวกเขาอยากมีส่วนร่วมกับเรื่องที่น่ายินดี อีกด้านคือเมื่อพวกเขากลับไปรายงานข่าวนี้กับตระกูล ทางตระกูลอาจจะตบรางวัลให้กับพวกเขา

รายงานข่าวดี จึงได้รางวัล นี่ไม่ใช่เรื่องสมควรหรอกเหรอ โดยเฉพาะข่าวดีเทียมฟ้าเช่นนี้

ฟิ้วววว….ศิษย์ตระกูลเมิ่งแต่คนต่างก็ใช้ทักษะตัวเบาวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว

“ทักษะลับ ‘ขั้นที่สามกระบี่ใบไม้ร่วง’?” ป๋ายก้วนบนเวทีที่มองเห็นทักษะไม่ชัด เมื่อได้ยินเสียงพูดคุยจากผู้คนรอบๆเวที จึงเพิ่งนึกได้ว่าเมิ่งชวนใช้ทักษะอะไร เขาเข้าใจแล้วว่าทักษะที่อีกฝ่ายใช้ก็คือกระบี่ใบไม้ร่วง

“เจ้าเข้าใจทักษะลับแล้วรึ?”

ป๋ายก้วนแสดงสายตาที่ซับซ้อนขณะมองไปทางเมิ่งชวน

“หลังจากติดคอขวดมาสองปี ในที่สุดข้าก็บรรลุแล้ว” เมิ่งชวนพยักหน้า

ป๋ายก้วนทั้งอิจฉาทั้งริษยา ตัวเขาเองไม่ใช่ว่าติดคอขวดเช่นกันหรือ? เขาสามารถใช้กระบี่คู่พร้อมกันได้ ทำให้พลังรบของเขาเหนือกว่าศิษย์รุ่นเดียวกันหลายขุม แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังคงติดอยู่คอขวด เขาปรารถนาที่จะเข้าใจทักษะลับยิ่งกว่าใคร

“มิน่าล่ะเจ้าถึงขึ้นมาเป็นคนแรก เเบบนี้นี่เอง เจ้าในตอนนี้กับพวกข้าทุกคนล้วนคนละชั้น” ป๋ายก้วนกล่าวเสียดสี ก่อนจะเดินลงมาจากเวที

แต่วินาทีนี้ไม่มีใครสนใจป๋ายก้วน

สายตาของทุกคนยังจ้องมองไปที่เมิ่งชวนเด็กหนุ่มวัย ‘สิบห้าปี’ บรรดาศิษย์จากตึกขุนเขาธาราแสดงสีหน้าตกใจและอิจฉาออกมา แม้แต่ศิษย์ขั้นก่อกำเนิดทั้งหกคนก็ยังรู้สึกอิจฉาไม่แพ้กัน เพราะว่าพวกเขายังตระหนักรู้ทักษะลับไม่ได้! อันที่จริงแล้ว ผู้ฝึกยุทธ์ขั้นก่อกำเนิดส่วนใหญ่ต่างก็ไม่สามารถเข้าใจทักษะลับได้ ชั่วชีวิตจึงติดอยู่ขั้นนี้ตลอดกาล

หากเข้าใจทักษะลับ ก็สามารถก้าวเข้าสู่ขั้นไร้ตำหนิได้

“ฮ่าฮ่าฮ่า” เจ้าสำนักเก๋อหยู่ที่ตัวเปื้อนสุราเล็กน้อยพลันหัวเราะออกมาเสียดัง “นี่คือทักษะกระบี่ใบไม้ร่วงที่ข้าสอนเจ้าไปจริงๆ อู๋ฉี!”

อู๋ฉีชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตอบกลับอย่างนอบน้อม “ศิษย์อยู่นี่!”

ในบรรดาศิษย์ขั้นก่อกำเนิดทั้งหกคนเขาคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ปีนี้เขาอายุสิบเก้าแล้ว ระดับการบ่มเพาะก็อยู่ที่ขั้นก่อกำเนิดสมบูรณ์

“เจ้าขึ้นไปประลองกับเมิ่งชวนซะ!” ดวงตาของเก๋อหยู่เป็นประกาย ขณะออกคำสั่งกับอู๋ฉี

“ให้ข้าประลองกับอู๋ฉี?” เมิ่งชวนที่อยู่บนเวทีก็หันหน้ากลับมามอง อู๋ฉีคือผู้ฝึกยุทธ์ขั้นก่อกำเนิดขั้นสมบูรณ์ เป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักกระจกทะเลสาบ และยังเป็นศิษย์พี่ใหญ่ของสำนักอีกด้วย

ภาพเทพอสูรบรรพกาล

ภาพเทพอสูรบรรพกาล

อ่านนิยายเรื่อง ภาพเทพอสูรบรรพกาล โลกนี้ถูกรุกรานโดยเหล่าปิศาจมานานนับศตวรรษ มนุษยชาติได้รวมตัวกันก่อตั้งสำนักที่เก่าแก่อย่างสำนักเขาหยวนชูขึ้นมา และจัดตั้งระบบการฝึกฝน พร้อมทั้งส่งเทพอสูรไปป้องกันประตูทางเข้าโลกต่างๆ เมิ่งชวนอัจฉริยะรุ่นเยาว์ที่เชี่ยวชาญกระบี่ไว แม้ว่าชีวิตนี้จะได้รับมรดกอันล้ำค่า แต่ปณิธานที่อยู่ภายในใจมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น นั่นก็คือกำจัดพวกปิศาจให้สิ้นซาก! ในอดีตมารดาของเขาได้ยอมสละชีวิตของตนเองเพื่อปกป้องเขา เรื่องนี้กลายเป็นแผลในใจที่ไม่อาจจะลืมเลือนได้ เขามุ่งมั่นและทุ่มเททุกอย่างเพื่อที่จะได้เข้าสู่เขาหยวนชู และได้รับทรัพยากรกับการสั่งสอนที่ดีกว่า นอกเหนือจากการฝึกฝนแล้ว สิ่งเดียวที่ทำให้จิตใจของเขาสงบลงได้ก็คือการวาดรูป และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาแข็งแกร่งขึ้น…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset