หลายคนต่างรู้ ตั้งแต่วันแรกที่จิ๋งจิ่วเข้ามาเป็นศิษย์ในสำนัก เขาก็บอกแล้วว่าจะไปเอากระบี่ของอาจารย์อาม่อแห่งยอดเขาซื่อเยวี่ย
ตอนแรกเริ่ม หลายคนยังคิดคาดเดาไปว่าเขาจะสร้างความตกตะลึงให้แก่ทุกคนได้เหมือนเมื่อครั้งที่อยู่ศาลาหนานซงหรือไม่ แต่เมื่อเวลาไหลผ่านไป นับวันก็ยิ่งมีน้อยคนที่เชื่อว่าเขาจะทำเรื่องนี้สำเร็จ กระทั่งศิษย์น้องอวี้ซานและลูกศิษย์แซ่หยวนจากจังหวัดเล่อหลางที่มาจากศาลาหนานซงก็มิได้คาดหวังในตัวเขาอีก
เวลาครึ่งปีผ่านไป อย่าว่าแต่ไปเอากระบี่เลย กระทั่งยอดเขากระบี่ จิ๋งจิ่วก็ยังไม่เคยไปเลยแม้เพียงครั้งเดียว
นี่กลายเป็นประเด็นพูดคุยที่ธารสี่เจี้ยนพากันพูดถึงมากที่สุด สำหรับผู้ที่มิชื่นชอบจิ๋งจิ่ว อาทิเช่นเซวียหย่งเกอและศิษย์ที่ยอดเยี่ยมของห้องเรียนแรกเหล่านั้น นี่ย่อมต้องเป็นเรื่องน่าขายหน้าของจิ๋งจิ่ว
แต่วันนี้ จิ๋งจิ่วกลับคล้ายจะไปเอากระบี่
“ไปเอากระบี่แล้ว!”
“จิ๋งจิ่วจะไปเอากระบี่แล้ว!”
ทุกที่ในศาลาสี่เจี้ยนล้วนแต่มีเสียงตะโกนดังขึ้นมา
ลูกศิษย์หลายสิบคนพากันวิ่งกรูออกไปข้างนอก
หลินอู๋จือแปลกใจ จากนั้นพลันพบว่าอาจารย์อาเหมยหลี่ได้จบการสอนห้องเรียนที่สามก่อนเวลา ก่อนจะขี่กระบี่บินออกไป มองดูทิศทางแล้วก็เป็นยอดเขากระบี่เช่นกัน
……
……
ในตอนที่จิ๋งจิ่วเดินขึ้นยอดเขากระบี่ เขามิได้รู้เลยว่าเหมยหลี่และอู๋หลินจือได้มาถึงที่นี่ก่อนล่วงหน้า แล้วก็มิได้รู้เลยว่าในตอนที่เขาเดินขึ้นยอดเขากระบี่ จะมีศิษย์ขั้นล้างกระบี่จำนวนที่มากได้ยินเรื่องนี้ต่างพากันออกมาดู แม้แต่ศิษย์จากยอดเขาอื่นเองก็มาดูเช่นเดียวกัน เพราะเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าการที่ตัวเองขึ้นยอดเขากระบี่จะถูกคนอื่นเข้าใจผิดว่าเขาจะไปเอากระบี่
โชคดีที่เขารู้ว่านี่เป็นเวลากลางวัน จึงไม่ได้วิ่งเหมือนอย่างคืนวันนั้น หากแต่เดินขึ้นไปอย่างมั่นคง
ไม่นานเขาก็ปีนขึ้นหน้าผา ความเร็วมิเร็วนัก แต่ก็มิได้เชื่องช้า
……
……
ด้านล่างยอดเขากระบี่เงียบสงัด
เหล่าผู้ดูแลของยอดเขาอวิ๋นสิงพากันส่ายหัว ตะลึงลานไม่พูดไม่จา
เหล่าลูกศิษย์พากันอ้าปากค้าง ต่างคนต่างพูดอะไรไม่ออก
ตอนแรกสุดที่นี่มิได้เงียบสงัดเช่นนี้ หากแต่จะได้ยินเสียงเยาะเย้ยถากถางจิ๋งจิ่วดังขึ้นมาอยู่ตลอดเวลา
แต่ในตอนที่พวกเขามองเห็นภาพจิ๋งจิ่วเดินขึ้นไปบนยอดเขา คำพูดดูถูกเหล่านั้นถูกเสียงสูดหายใจด้วยความตกใจดังขึ้นแทนที่
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร ในที่สุดเหล่าลูกศิษย์พลันได้สติขึ้นมา เสียงซุบซิบพูดคุยดังขึ้นมิหยุด
“เขาเพิ่งขึ้นยอดเขากระบี่เป็นครั้งแรกมิใช่หรือ? เหตุใดจึงเดินได้มั่นคงขนาดนี้”
“เป็นไปได้อย่างไร? ผ่านผาปากอินทรีไปแล้ว นี่มันเกินหกร้อยจ้างไปแล้วมิใช่หรือ?”
“พวกเจ้าว่าเขายังเดินไปได้ไกลเท่าไร? เดินอีกหนึ่งร้อยจ้างหรือ?”
“คงมิใช่ว่าเขาจะเดินเข้าไปในเมฆตั้งแต่ครั้งแรกหรอกนะ!”
“ช่างยอดเยี่ยมเสียจริง…ปิดบังความสามารถเอาไว้จริงด้วย แต่ได้ยินว่ากระบี่ของอาจารย์อาม่ออยู่ด้านบนสุดของยอดเขา คงเป็นไปได้ยากที่จะเอาได้”
“รีบดูเร็ว! เขาเข้าไปในเมฆแล้ว!”
“เขาเข้าไปในเมฆจริงๆ ด้วย!”
……
……
จิ๋งจิ่วมิทราบว่าการขึ้นยอดเขากระบี่ของตน จะมีผู้ชมมากมายขนาดนี้
ต่อให้รู้ เขาก็หาได้สนใจไม่ เขาเพียงแต่เดินตามจังหวะของตนเองไปเรื่อยๆ
ไม่นาน เขาก็เดินเข้าไปในเมฆ ไม่สามารถมองเห็นตัวเขาได้อีก หลงเหลือไว้ก็แต่เพียงเสียงอุทานที่ดังอยู่ด้านล่างยอดเขา และเสียงทอดถอนใจที่ฟังดูมิค่อยพอใจเท่าไร
หากเขาหยุดยืนโบกมือก่อนเข้าไปในเมฆ มันจะหล่อเหลาเพียงใดกัน?
หลินอู๋จือหมุนตัวเตรียมกลับธารสี่เจี้ยน สายตาไปสบเข้ากับอาจารย์อาเหมยหลี่
“สายตาอาจารย์อามั่วมิธรรมดาจริงด้วย”
เขามองอาจารย์เหมยหลี่พลางกล่าว “ขอโทษด้วย ดูเหมือนเด็กคนนี้ พวกเราคงต้องแย่งกันเสียแล้ว”
บนใบหน้าอันงดงามของอาจารย์อาเหมยหลี่เต็มไปด้วยความเย็นยะเยือก กล่าวว่า “ข้าจะพูดอีกครั้ง เจ้าลองดูใบหน้าของเด็กคนนั้น เขาย่อมต้องเข้ายอดเขาชิงหรงของพวกเรา….ศิษย์พี่มั่วอัปลักษณ์เยี่ยงนั้น เขายังมีหน้ารับเด็กคนนี้ไว้เป็นศิษย์อีกอย่างนั้นหรือ?”
……
……
เมื่อมาถึงด้านตะวันออกของยอดเขากระบี่และหาหน้าผาด้านนั้นจนพบ จิ๋งจิ่วพลันหยุดฝีเท้า
เวลานี้เป็นเวลากลางวัน สามารถมองเห็นได้ชัดเจนขึ้น ถ้ำนั้นมีความลึกเพียงสามฉื่อ สามารถให้คนๆ หนึ่งเข้าไปนั่งขัดสมาธิอยู่ด้านในได้พอดี
เจ้าล่าเยวี่ยนั่งอยู่ด้านใน คล้ายเมื่อสองวันก่อน
โลหิตของนางหยุดไหล ใบหน้าซีดขาว ดูเหมือนอาการบาดเจ็บจะสาหัสยิ่งนัก
จิ๋งจิ่ววางตะกร้าผลไม้ที่ถืออยู่ในมือลง กล่าวว่า “กินอันนี้”
ผลไม้เหล่านี้เขาให้วานรที่อยู่บนหน้าผาเก็บมาให้ก่อนที่จะออกมาจากถ้ำ รสชาติเปรี้ยวฝาด แต่มีประโยชน์ต่อการบำรุงเลือดลมอย่างมาก
จากนั้น เขาหยิบเอายาเม็ดหนึ่งออกมาจากแขนเสื้อ ก่อนจะวางลงตรงหน้านาง
เจ้าล่าเยวี่ยเงยหน้าขึ้นมามองเขา พลางกล่าว “ทำไมศพถึงถูกพบ?”
จิ๋งจิ่วประหลาดใจเล็กน้อย
นางรู้เรื่องที่เกิดขึ้นด้านล่างยอดเขาได้อย่างไร? หากบอกว่าในยอดเขาทั้งเก้ามีคนช่วยนางอยู่ เหตุใดคนผู้นั้นถึงไม่ช่วยนางรักษาอาการบาดเจ็บ?
เจ้าล่าเยวี่ยคล้ายล่วงรู้ว่าเขากำลังคิดอันใดอยู่ จึงกล่าวว่า “ข้ามีวิธีของข้า”
จิ๋งจิ่วมิได้ซักไซร้ เพราะเขาหาได้สนใจเรื่องนี้ไม่
แต่เจ้าล่าเยวี่ยกลับจ้องมองดวงตาเขา คิดอยากจะได้คำตอบ
“ข้ามิได้ฆ่าคนมานาน เริ่มลืมเลือนไปแล้วว่าหลังจากนั้นควรทำอย่างไร”
จิ๋งจิ่วกล่าวว่า “อีกทั้งจัดการศพ มันยุ่งยากน่ะสิ…”
เจ้าล่าเยวี่ยกล่าวว่า “ดังนั้นเจ้าก็เลยโยนไว้ข้างแม่น้ำ?”
จิ๋งจิ่วถาม “ไม่อย่างนั้นล่ะ?”
เจ้าล่าเยวี่ยรู้สึกชายหนุ่มผู้นี้ช่างแปลกประหลาดนัก แปลกประหลาดกว่าตนเองเสียอีก
“เจ้าเป็นใครกันแน่”
นางย่อมต้องรู้ว่าเขาคือจิ๋งจิ่ว จิ๋งจิ่วที่รูปงามไร้ที่ติ
แต่จิ๋งจิ่วคือใครกันเล่า? เป็นสายลับที่ราชวงศ์ส่งมาอย่างนั้นหรือ?
จิ๋งจิ่วมองนาง ยิ้มเล็กน้อยพลางถาม “แล้วเจ้าล่ะ เจ้าเป็นใครกัน?”
เขาย่อมต้องรู้ว่านางคือเจ้าล่าเยวี่ย เจ้าล่าเยวี่ยที่มีเพียงหนึ่งเดียว ไม่มีสอง
แต่เจ้าล่าเยวี่ยเป็นใครกันล่ะ? เป็นกองหนุนที่ถูกใครบางคนเรียกมาอย่างนั้นหรือ?
จิ๋งจิ่วมิกังวลว่าเจ้าล่าเยวี่ยจะเปิดโปงเขา
หากถูกคนพบว่านางสังหารอาจารย์อาแห่งยอดเขาปี้หู ต่อให้นางเป็นเจ้าล่าเยวี่ย นางก็ต้องมีปัญหาเช่นเดียวกัน
หากนางบอกว่าอาจารย์อาผู้นั้นคิดฆ่านาง…จะมีกี่คนที่เชื่อนาง?
ดังนั้นเรื่องนี้จึงต้องกลายเป็นความลับเท่านั้น
จิ๋งจิ่วแน่ใจแล้วว่าอาการบาดเจ็บของนางน่าจะไม่เป็นอะไรมาก จึงหมุนตัวเตรียมลงจากเขา
ทันใดนั้นเขาพลันนึกถึงเรื่องหนึ่งขึ้นมาได้ จึงกล่าวว่า “ข้านึกออกแล้ว เมื่อก่อนข้าฆ่าคนก็ไม่เคยฝัง”
เจ้าล่าเยวี่ยกล่าว “มิกลัวถูกคนพบเข้า?”
“เหตุใดต้องกลัว?”
“กลัวถูกคนแก้แค้น กลัว…ความยุ่งยาก?”
“ถูกแก้แค้น? ตอนแรกสุดก็มีอยู่หลายครั้ง ภายหลังไม่มีผู้ใดกล้า ดังนั้นจึงมิได้ยุ่งยากอะไร”
พูดจบประโยคนี้ จิ๋งจิ่วก็เดินออกจากยอดเขากระบี่ไป
เมื่อกลับมายังด้านล่างยอดเขา และมองเห็นสายตาเสียดายของศิษย์ร่วมสำนักเหล่านั้น เขาถึงได้นึกขึ้นว่าตัวเองคล้ายจะลืมเรื่องบางเรื่องไป
……
……
การเดินทางขึ้นไปยอดเขากระบี่ของจิ๋งจิ่วได้สร้างความตื่นตะลึงให้แก่ริมฝั่งทั้งสองด้านของธารสี่เจี้ยนอย่างมาก แม้นเขาจะเอากระบี่เซียนของอาจารย์ม่อกลับมาไม่สำเร็จ แต่ภายในศาลาสี่เจี้ยนก็มิได้ยินเสียงเยาะเย้ยถากถางใดๆ อีก อย่างมากก็มีเพียงเสียงถอนใจด้วยความเสียดาย รวมไปถึงเหล่าศิษย์พี่ที่ฝึกฝนอยู่ในขั้นล้างกระบี่มาหลายปีจนมีสภาวะที่ล้ำลึกเหล่านั้น ตอนนี้เวลาพวกเขาพูดคุยถึงจิ๋งจิ่ว ในน้ำเสียงก็จะมีความเคารพอยู่ไม่น้อย เนื่องเพราะในวันนั้นหลายคนต่างมองเห็นว่าเขาปีนยอดเขากระบี่เป็นครั้งแรกก็เดินเข้าไปในเมฆได้แล้ว
ส่วนเรื่องที่อาจารย์อาแห่งยอดเขาปี้หูผู้นั้นถูกสังหาร ยอดเขาซั่งเต๋อยังคงสืบสวนอย่างคร่ำเคร่ง แต่ในสองข้างธารสี่เจี้ยนไม่ค่อยมีใครพูดถึงเรื่องนี้แล้ว ไม่มีใครเคยพบอาจารย์อาผู้นั้น ย่อมไม่มีความรู้สึกผูกพันกระไร อีกทั้งเรื่องนี้ยังห่างไกลจากตัวพวกเขานัก
ไม่มีใครเชื่อว่าลูกศิษย์ขั้นล้างกระบี่จะสามารถสังหารเซียนกระบี่ที่บรรลุสภาวะขั้นมิประจักษ์ได้
นอกจากเจ้าซื่อบื้อหลิ่วสือซุ่ย
จิ๋งจิ่วยิ้มพลางครุ่นคิด
…………………………………………………………