มรรคาสู่สวรรค์ – ตอนที่ 40 เสียงหัวร่อของสายธาร

เวลานี้สภาวะของเขายังต่ำต้อย หากมิดูให้ดี อาจทำให้ยุ่งยากได้

เขาจ้องมองเปลวไฟเส้นนั้น ตวัดกระบี่ฟาดลงไป

เสียงเคร้งทึบๆ ดังขึ้นมา!

กระบี่ของเขาฟันลงไปยังปลายสุดของเปลวไฟอย่างแม่นยำอีกครั้ง

สะเก็ดไฟแตกกระจาย กระบี่ของกู้ชิงถูกฟาดจนร่วงตกลงไปในลำธาร เหมือนกับภาพเมื่อครู่ไม่มีผิดเพี้ยน

เสียงฟู่วๆ ดังขึ้นมา น้ำในลำธารที่อยู่รอบกระบี่กลายเป็นไอน้ำสีขาว

จิ๋งจิ่วมองดูกระบี่ในมือ ในใจแอบคิดมิเลว เป็นกระบี่ที่ทั้งกว้างทั้งหนาจริงด้วย แข็งแรงเหมาะมือยิ่งนัก

แต่ว่า เขามิคิดจะเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายมีโอกาสโจมตีอีก เท้าเขาเหยียบไปบนก้อนหินที่อยู่ในลำธาร สืบเท้าเข้าไปหากู้ชิง

เหล่าคนที่ชมการต่อสู้ต่างตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก

หากบอกว่าครั้งแรกกู้ชิงประมาทศัตรู มิได้แสดงฝีมือเต็มที่ อย่างนั้นครั้งนี้ล่ะ?

ครั้งนี้เพลงดาบที่กู้ชิงใช้หาใช่เพลงกระบี่ธรรมดาไม่ หากแต่เป็นเพลงกระบี่ของยอดเขาซื่อเยวี่ยที่พุ่งออกไปด้วยพลังแห่งเปลวเพลิง เหตุใดจึงตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ได้?

“เป็นไปได้อย่างไร?”

ครั้นเห็นจิ๋งจิ่วย่างเข้ามา กู้ชิงใบหน้าซีดเผือด ปากบ่นพึมพำ

ริมแม่น้ำ เซวียหย่งเกอคิดในใจ ในที่สุดก็มิใช่ตนเองที่พูดประโยคนี้ออกมา

ผลแพ้ชนะยังมิทราบ การประลองกระบี่ย่อมต้องดำเนินต่อไป กู้ชิงใช้พลังใจอันมหาศาลสงบสติอารมณ์ใหม่อีกครั้ง ท่องเคล็ดกระบี่เรียกกระบี่กลับมา ก่อนจะฟันลงไปยังจิ๋งจิ่วอีกครั้ง

ยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง เสียงเคร้งดังฟังชัด กระบี่ของเขาถูกฟันตกลงไปในลำธารอีกครั้ง

กู้ชิงแผดเสียงคำราม ขับปราณกระบี่ในร่างกายของมาจนหมด จากนั้นเรียกกระบี่บินกลับมาแล้วเปิดฉากโจมตีอย่างบ้าคลั่งอีกคราหนึ่ง

จิ๋งจิ่วเลิกคิ้ว

เมื่อเห็นภาพนี้ เจ้าล่าเยวี่ยรู้ว่าเขาเริ่มหงุดหงิดแล้ว

มือซ้ายของจิ๋งจิ่วจับไปบนด้ามกระบี่ กลายเป็นท่าจับกระบี่ด้วยสองมือ

เสียงเป๊งดังสนั่น

คล้ายดั่งระฆังแตกที่อยู่ด้านหลังเขาวัดกั่วเฉิงที่มีชื่อเสียงใบนั้นได้ถูกคนตีอีกครั้ง

กระบี่ของกู้ชิงลอยคว้างขึ้นไปกลางอากาศ สูญเสียการควบคุม มันหมุนควงไม่หยุดพร้อมส่งเสียงวึงๆ ออกมา ฟังดูคล้ายคนกำลังร่ำไห้

สุดท้ายกระบี่เล่มนั้นลอยเป็นเส้นโค้ง ก่อนจะกลายเป็นจุดดำตกลงไปในป่าที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยจ้าง

สายตาตกตะลึงจำนวนนับไม่ถ้วนมองตามมันไป

เงาดำภายในป่าดูวุ่นวาย ฝุ่นควันฟุ้งขึ้นมาอีกครั้ง เสียงร้องตื่นเต้นของเหล่าวานรดังลอยมา

จิ๋งจิ่วเดินเข้าไปหากู้ชิง

ระยะห่างระหว่างพวกเขามิใช่หลายสิบจ้างเหมือนอย่างตอนแรกอีก หากแต่เหลืออยู่ไม่ถึงสามฉื่อ

จิ๋งจิ่วถือกระบี่

กระบี่ของกู้ชิงอยู่อีกฟากหนึ่ง

สถานการณ์ค่อนข้างกระอักกระอ่วน

นี่ถือว่ารู้แพ้ชนะแล้วหรือเปล่า?

จิ๋งจิ่วมิได้กล่าวคำว่าขอบคุณที่ออมมือออกมา

กู้ชิงเองก็ย่อมไม่มีทางพูดคำว่ายอมแพ้ออกมาเป็นแน่

“หมุนตัว”

จิ๋งจิ่วกล่าวกับเขา

ในเวลานี้กู้ชิงจิตใจสับสนวุ่นวาย เขาพลันหมุนตัวตามที่จิ๋งจิ่วบอกทันที

ผัวะๆๆ!

จิ๋งจิ่วยกกระบี่ตีไปที่หลังของเขาสามที จากนั้นเก็บกระบี่กลับมา

ในตอนที่ทำเรื่องนี้ เขามิได้มองไปทางหน้าผา

“พอแล้ว!”

บริเวณหน้าผามีเสียงต่อว่าอย่างโกรธเกรี้ยวของกู้หานดังขึ้นมา “เจ้าคิดจะลบหลู่ยอดเขาเหลี่ยงว่างอย่างนั้นรึ!”

จิ๋งจิ่วหมุนตัวเตรียมจากไป ครั้นได้ยินคำต่อว่านี้ เขาพลันเงยหน้ามองขึ้นไปบนหน้าผา

เขามองกู้หาน ก่อนจะหันไปสบตากับกั้วหนานซาน

จากนั้นเขาหมุนตัว ยกกระบี่ตีไปที่หลังของกู้ชิงอีกทีหนึ่ง

“ขอบคุณที่ออมมือ”

คนที่ทราบว่าก่อนหน้านี้เกิดเรื่องอะไร ในตอนแรกที่จิ๋งจิ่วเริ่มตีกู้ชิง พวกเขาเหล่านั้นก็คาดเดาได้แล้วว่าจิ๋งจิ่วตีให้ยอดเขาเหลี่ยงว่างดู เพียงแต่มิได้กล่าวกระไรออกมา

ครั้งนี้กู้หานเอ่ยปาก เขายังจงใจหมุนตัวกลับไปตีกู้ชิงอีกครั้ง นั่นก็เท่ากับเป็นการบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดออกมาแล้ว

ใช่ ข้าตีให้เจ้าดู แล้วยังไง?

สีหน้ากู้หานโกรธเกรี้ยว

หม่าหวาหรี่ตา รู้สึกรังเกียจยิ่งนัก

มีเพียงกั้วหนานซานที่ยังรักษาความสุขุมเอาไว้ มิรู้ครุ่นคิดอันใดอยู่

“เจ้าทำได้อย่างไร?”

จิ๋งจิ่วได้ยินเสียงจึงหันมองไป พบว่าคนที่พูดคือกู้ชิง

สายตากู้ชิงหาได้มีความโกรธแค้น หากแต่มีเพียงความเศร้าสร้อย และที่มากกว่านั้นคือสับสน

เขาไม่เข้าใจ เห็นๆ อยู่ว่าตนเองบรรลุสภาวะขั้นสมความนึกคิดจนบริบูรณ์แล้ว จิ๋งจิ่วนั้นบรรลุเพียงขั้นตั้งมั่น แต่เหตุใดคนที่พ่ายแพ้กลับเป็นตนเอง?

ต่อให้อัจฉริยะเพียงใด ต่อให้ขยันฝึกฝนเพียงใด สุดท้ายกู้ชิงก็ยังเป็นเพียงเด็กหนุ่มคนหนึ่ง หากไม่รีบปลดปล่อยอารมณ์เช่นนี้ออกมา มีโอกาสสูงมากที่ใจกระบี่ของเขาจะได้รับความเสียหาย

จิ๋งจิ่วครุ่นคิดว่าควรจะอธิบายอย่างไรดี

“กระบี่ของเจ้ายังไม่เร็วพอ ข้าเลยมองเห็นได้อย่างชัดเจน”

เขากล่าวต่อว่า “และกระบี่ของข้าก็ค่อนข้างเร็ว”

กู้ชิงงงงัน

“วิถีกระบี่ต้องการเพียงสองอย่าง ความเร็วและพลัง สิ่งอื่นนอกเหนือจากนี้ล้วนไม่สำคัญ ใช่แล้ว ยังมีกระบี่ ควรจะมีกระบี่ที่ดีด้วย”

จิ๋งจิ่วกล่าว “กระบี่ของเจ้าไม่เลว ดีกว่ากระบี่ของข้าเล่มนี้เสียอีก ดังนั้นข้าจึงมิได้ไปฟาดฟันกับเจ้า หากแต่ใช้ตัวดาบฟาดไปเท่านั้น”

กู้ชิงคิดถึงตอนที่ประลองกระบี่ก่อนหน้านี้ พบว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ

ไม่ว่าจะใช้คำว่าเหวี่ยงหรือคำว่าฟาด ก็ล้วนแต่อธิบายถึงวิธีของจิ๋งจิ่ว ที่ดูคล้ายหยาบกระด้างและไม่งดงาม แต่ความจริงแล้วกลับเป็นการควบคุมกระบี่ที่มีความละเมียดละไมมากที่สุด

“ยังมีอีกไหม?”

“ไม่มีแล้ว”

“ง่ายดายเพียงนี้หรือ?”

อารมร์สับสนของกู้ชิงยังมิจางหายไปจนหมด

“เดิมกระบี่มันก็เป็นสิ่งที่มีความเรียบง่ายที่สุด มันมิใช่สิ่งอื่นใด หากแต่เป็นแค่กระบี่เท่านั้น”

จิ๋งจิ่วมองเขาพลางกล่าว “บินอยู่บนฟ้าคือกระบี่ กำอยู่ในมือก็คือกระบี่ เข้าใจหรือยัง?”

กู้ชิงคล้ายกำลังครุ่นคิด ก่อนจะคำนับอย่างตั้งใจ แล้วถอยกลับไปริมแม่น้ำ

จิ๋งจิ่วมองไปทางหน้าผา จากนั้นยื่นนิ้วชี้มือขวา แล้วแกว่งไปมา

เขากำลังบอกเหล่าวานรว่าอย่าก่อความวุ่นวาย ให้รีบเอากระบี่ของเด็กหนุ่มผู้นั้นกลับมา

แต่ในสายตาของคนอื่น เขากำลังแกว่งนิ้วชี้ไปทางกลุ่มยอดเขาเหลี่ยงว่าง

ลูกศิษย์หลายคนต่างทราบดี ศิษย์พี่กู้หานมิชื่นชอบจิ๋งจิ่ว เขาเคยพยายามทำให้จิ๋งจิ่วอับอาย เพียงแต่ถูกอาจารย์อาเหมยหลี่และอาจารย์เซียนหลินอู๋จือห้ามเอาไว้

ในความคิดของพวกเขา การกระทำของจิ๋งจิ่วในวันนี้ย่อมต้องเป็นการสั่งสอนยอดเขาเหลี่ยงว่าง และเป็นการจงใจตบหน้ากู้หาน

ภายในเมฆ อู๋หลินจือมองดูหลิ่วสือซุ่ยที่ยืนอยู่ข้างกาย ยิ้มเล็กน้อยพลางกล่าว “เขากำลังระบายอารมณ์แทนเจ้าอยู่?”

เขารู้ว่าจิ๋งจิ่วเกลียดความยุ่งยากที่สุด

ประลองกระบี่ชนะแล้ว เหตุใดจิ๋งจิ่วยังต้องยกกระบี่ขึ้นมาตีหลังกู้ชิงอีกสามทีด้วย?

นี่มิใช่การทำให้อับอาย หากแต่เป็นการแก้แค้น

เมื่อหนึ่งปีก่อนตอนที่จิ๋งจิ่วเพิ่งเข้ามาเป็นศิษย์ในสำนัก เขาเจอกับหลิ่วสือซุ่ยที่ด้านล่างยอดเขากระบี่

หลิ่วสือซุ่ยยินดีอย่างมาก เขาวิ่งตะบึงเข้ามาหาจิ๋งจิ่ว กู้หานมิพอใจ ใช้กฎของยอดเขาเหลี่ยงว่างตีหลิ่วสือซุ่ยไปหลายที

ภายหลัง หลิ่วสือซุ่ยแอบมาหาจิ๋งจิ่ว ก็ถูกตีไปอีกสองที

เรื่องเหล่านี้ผ่านมานานแล้ว

จิ๋งจิ่วมิเคยกล่าวกระไร

ที่แท้ เขาจดจำเรื่องนี้มาโดยตลอด

สายตามองดูชายที่อยู่ตรงริมน้ำ หลิ่วสือซุ่ยสีหน้าเรียบเฉย ดูค่อนข้างเคร่งขรึม

ทันใดนั้น เขาพลันหลุดหัวเราะออกมานิดหนึ่ง

จากนั้นเขารีบสำรวมจิตใจ วางท่าทีเหมือนมิได้ใส่ใจเลยแม้แต่น้อย

……

……

ทุกคนจับจ้องไปยังจิ๋งจิ่วที่ยืนอยู่บนก้อนหินในลำธาร ต่างคนต่างตกตะลึงจนพูดไม่ออก

แขกจากสำนักอื่นที่มาชมงานชุมนุมต่างเดินมายังริมหน้าผา สายตาทอดมองดูภาพที่อยู่เบื้องล่าง พร้อมกับส่งเสียงซุบซิบพูดคุยอะไรบางอย่าง

ไม่ว่าจะเป็นสาวน้อยจากสำนักแม่ชีสุ่ยเยวี่ยหรือทูตที่วางท่าทีเคร่งขรึมจากสำนักเฟิงเตา ต่างก็ถูกการประลองกระบี่เมื่อครู่นี้ทำให้ตกตะลึงไปไม่น้อย

เห็นๆ อยู่ว่าสภาวะที่จิ๋งจิ่วแสดงออกมามิได้สูงส่งกระไร เหตุใดจึงสามารถเอาชนะกู้ชิงได้ เขาใช้เพลงกระบี่อะไรกันแน่?

…………………………………………………………………….

มรรคาสู่สวรรค์

มรรคาสู่สวรรค์

ข้าคือกระบี่ พันลี้ปลิดชีพคน… สิบก้าวไม่ยอมเดิน พันลี้ปลิดชีพคน… สิบก้าวไม่อยากเดิน พันลี้ปลิดชีพคน… สิบก้าว? ไม่เดิน!!! ——————- ผู้เป็นนายคือบุรุษหนุ่มลึกลับผู้มาพร้อมกับใบหน้าที่หล่อเหลาและใบหูที่กางดูน่ารัก ผู้เป็นบ่าวคือเด็กชายใสซื่อผู้เป็นเมล็ดพันธุ์แห่งเต๋าแต่กำเนิด หนึ่งนายหนึ่งบ่าวเดินทางมายังสำนักชิงซานซึ่งเป็นสำนักบำเพ็ญพรตอันดับหนึ่งแห่งแผ่นดิน เพื่อเข้าสู่เส้นทางแห่งการบำเพ็ญเพียร ทว่าในระหว่างที่อยู่ในสำนัก ผู้เป็นนายกลับเอาแต่นอน ในสายตาคนอื่นเขาคือคนที่เกียจคร้านอย่างไม่มีใครเทียบได้ ส่วนผู้เป็นบ่าวกลับขยันฝึกฝนจนบรรลุสภาวะขั้นต้นในเวลาอันสั้น แต่สิ่งที่ไม่มีใครรู้คือ สาเหตุที่ผู้เป็นบ่าวสามารถบรรลุสภาวะได้อย่างรวดเร็ว เป็นเพราะเคล็ดการหายใจที่ผู้เป็นนายเคยสั่งสอนให้… บุรุษหนุ่มรูปงามผู้นี้คือใครกันแน่ ไฉนจึงเอาแต่นอนเกียจคร้านทั้งวันเช่นนี้?!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset