ตอนที่ 114 ความจริง
หลังจากเงียบไปชั่วครู่ หยางเย่ส่ายหัวพร้อมเผยรอยยิ้ม “ข้ายอมรับว่าที่กล่าวมานั้นสมเหตุสมผล แต่ก็คงต้องขอปฏิเสธ
“ทําไมกัน?” สตรีชุดเงินขมวดคิ้ว
“เพราะข้าไม่เชื่อท่านไงล่ะ!” หยางเย่มองไปที่ดวงตานาง ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกัน ท่านบอกความจริงข้าแค่ครึ่งเดียวเท่านั้น เช่นเดียวกับเวลานี้ สิ่งที่ท่านบอกมาอาจเป็นเรื่องจริง แต่ข้ารู้สึกว่าจุดสงค์หลักนั้นไม่ง่ายเพียงนี้แน่นอน ดังนั้นหากข้าฟังและร่วมมือกับท่าน มันก็ไม่ต่างจากขุดหลุมฝังตนเองแทนท่าน!”
หยางเย่ไม่คิดว่าเขาโง่ แต่ก็ไม่คิดว่าตนเองฉลาดมาก เขาไม่สามารถมองสตรีผู้นี้ออกเพียงแค่บอกว่าชื่นชอบเขา ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งหรือความคิด เขาก็ไม่สามารถทราบได้อย่างชัดเจน เมื่อไม่สามารถมองเห็นบางอย่างที่อันตรายแบบนั้นได้ มันจึงเป็นการดีที่สุดที่จะไม่เข้าไปยุ่งกับอันตราย
สําหรับจักรวรรดิต้าฉินและอาณาจักรสัตว์อสูร ทั้งสองยังไม่ทราบว่าเขาคือใคร ดังนั้นจะมีผู้ใดจําเขาได้เมื่อกลับไปยังยอดเขาผู้ใช้ยันต์?
สตรีชุดเงินมองหยางเย่อีกครั้ง ”น้องชาย พี่หญิงยังรู้สึกว่าเป็นการดีที่สุดที่จะร่วมมือกัน และเจ้าไม่ควรคิดเอาตัวรอดคนเดียว พี่หญิงทราบดีว่าสถานะของเจ้าไม่ธรรมดา แต่พี่หญิงต้องการจะบอกเจ้าว่ามันไร้ประโยชน์แม้จะเป็นบุตรของเจ้าสานักดาบราชันก็ตาม เพราะเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับอาณาจักรสัตว์อสูรและจักรวรรดิต้าฉินโดยตรง ถึงแม้พี่หญิงจะยอมไปที่อาณาจักรสัตว์อสูรเวลานี้เพื่อหมั้นหมาย หรือจะมีเพียงไม่กี่คนที่ทราบ มันก็ไม่ใช่เรื่องเล็กน้อยสําหรับสิ่งที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ที่พี่หญิงหนีมากับเจ้า พี่หญิงก็ต้องรับผลที่เลวร้ายแน่นอนอยู่แล้ว และทั้งสองจักรวรรดิจะไม่ปล่อยให้คนที่พาข้าหนีมีชีวิตอยู่อย่างสงบสุขอยู่แล้ว เจ้าคิดเห็นเช่นไร? จะร่วมมือกันหรือไม่?”
เย่มองไปยังสตรีชุดเงินอย่างเคร่งขรึม “อันที่จริง ข้าต้องการจะสังหารท่านตรงนี้เสีย เชื่อหรือไม่!”
หากไม่ใช่เพราะสตรีตรงหน้าเขาคงกําลังปราบสัตว์อสูรราชันอยู่ หากไม่ใช่เพราะนาง บางทีเขาคง…
สรุปคือตั้งแต่พบเจอกับนาง นอกจากจะไม่ได้รับประโยชน์อะไร เขายังถูกดึงไปอยู่นวังวนของสองมหาอํานาจ ดังนั้นมันจึงทําให้หยางเย่ต้องการจะลงดาบกับนางอย่างแท้จริง
นางยังคงยิ้มพร้อมกล่าว ” พี่หญิงยอมรับว่ามันเป็นความผิดของข้าเอง แต่พวกเราลงเรือลําเดียวกันแล้วตอนนี้ หากเจ้าไม่ร่วมมือกับพี่หญิง พวกเราทั้งสองจะต้องตายแน่นอน เจ้าต้องเข้าใจว่าอํานาจของจักรวรรดิต้าฉินนั้นน่าสะพรึงมาก!”
“ข้าบอกไปแล้ว! ข้าไม่เชื่อใจท่าน!” หยางเย่กล่าวอย่างหนักแน่น
” ความเชื่อใจกันต้องเริ่มก่อตัว พวกเราค่อย ๆ สร้างมันขึ้นมาได้ พี่หญิงมีความอดทนมากพอ!” สตรีชุดเงินกล่าวพร้อมรอยยิ้ม
หยางเย่ตอบ ” ข้าไม่คิดจะสร้างอะไรกับท่านทั้งนั้น เอาล่ะข้าไม่ต้องการเปลืองลมหายใจกับท่านอีก สําหรับทั้งสองมหาอํานาจ พวกเขายังไม่ทราบว่าข้าคือใคร ดังนั้นปล่อยให้พวกเขาทําสิ่งที่ต้องการ ข้าหวังว่าจะไม่พบท่านอีก!”
ทันทีที่กล่าวจบ หยางเย่หันหลังจากไป
เขายอมรับว่าจักรวรรดิต้าฉินและอาณาจักรสัตว์อสูรนั้นร้ายกาจ แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่เชื่อใจนางเพราะการทํางานร่วมกับสตรีผู้นั้น มันก็ไม่ต่างจากการทํางานร่วมกับพยัคฆ์
สําหรับสองมหาอํานาจ เมื่อเขาออกจากขุนเขาไม่สิ้นสุดแล้วซ่อนตัวให้ห่างจากฝูงชน หยางเย่ไม่เชื่อว่าจะถูกพบตัวที่ยอดเขาผู้ใช้ยันต์ได้!
เมื่อนางเห็นหยางเย่กําลังจะจากไป ดวงตานางหมุนกลอกรอบหนึ่งก่อนจะรีบตามหลังเขา นางกล่าวขณะเดินอยู่ “น้องชาย พี่หญิงไม่คิดร้ายกับเจ้าแม้แต่น้อย หากร่วมมือกับพี่หญิง เช่นนั้นจะมีแต่ผลประโยชน์ร่วมกัน และไม่…”
ขณะกล่าว เปลือกตาของนางกระตุกในทันทีก่อนจะโยกหลบไปด้านข้าง เวลานี้ดาบได้หยุดลงตรงจุดที่นางเคยยืนอยู่ และเป็นหยางเย่เองที่ถือดาบ
หยางเย่เก็บดาบเข้าฝึกพร้อมกล่าวอย่างเย็นเยือก ” ข้าบอกว่าอย่าตามมา! เข้าใจหรือยัง?”
“สตรีคนนี้เห็นเราเป็นคนโง่ขนาดนั้นเชียวหรือ? นางยังคิดจะหลอกใช้เราอีก?”
” น้องชาย เจ้าช่างไร้หัวใจนัก! เจ้าที่พี่หญิงอย่างไม่ลังเล!” สตรีชุดเงินใช้มือที่ขาวราวกับหยวกกล้วยทาบอก จากนั้นกล่าวอย่างขุ่นเคือง “พี่หญิงคิดว่าหลงรักเจ้าหัวปักหัวป่า และต้องการจะร่วมมือด้วยเท่านั้น แต่เจ้า…”
“หุบปาก!” หยางเย่ตะโกนลั่น “ข้าไม่มีเวลาจะมาเปลืองลมหายใจกับท่าน ตอนนี้ท่านก็ปลอดภัยแล้ว ดังนั้นก็ไปทําสิ่งที่ต้องการได้แล้ว!”
ท่าทีของนางกลับเป็นปกติเมื่อได้ยิน “เย่หยาง เรามาหารือกันอย่างจริงจังได้หรือไม่?”
“ท่านนี้ช่างเปลี่ยนอารมณ์ได้รวดเร็วนัก!” หยางเย่เยาะเย้ย
สตรีชุดเงินส่ายหัว ” ข้าทราบว่าเจ้าคิดกับข้าไม่ดี แต่ข้าคิดว่าพวกเรายังสามารถร่วมมือกันได้ ข้ายอมรับว่าปกปิดบางอย่างจากเจ้า ตอนนี้ข้าจะบอกทุกอย่าง เจ้าจะลองไตร่ตรองอีกทีได้หรือไม่ หลังจากข้าบอกความจริงทุกอย่าง?”
หยางเย่ขมวดคิ้วเมื่อเห็นท่าทีของนาง ” ความจริงอะไร? กล่าวให้ชัดเจน หากท่านยังปกปิดสิ่งใดอีก ข้าจะไปทันที และลืมเรื่องที่จะร่วมมือกันได้เลย!”
สตรีชุดเงินเสยผมตรงหน้าผากขึ้นพร้อมกล่าวอย่างจริงจัง ” อันที่จริงการหมั้นหมายของข้ากับองค์ชายรองแห่งอาณาจักรสัตว์อสูรนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับพี่ใหญ่หรือว่าปูข้า ปูของข้านั้นเป็นผู้ก่อตั้งจักรวรรดิต้าฉิน และพี่ชายคนโตเป็นจักรพรรดิของจักรวรรดินี้ ทั้งสองปิดประตูบ่มเพาะพลังเพื่อบรรลุระดับสูง และให้หลานชายข้าปกครองจักรวรรดิ”
”เข้าประเด็นสักที! ข้าไม่สนใจราชวงศ์ท่าน!”
สตรีชุดเงินกล่าว ”การหมั้นหมายนี้เป็นความคิดของหลานชายข้า และเขาทําไปเพราะหวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากองค์ชายรองของอาณาจักรสัตว์อสูร แต่มันไม่ใช่ประเด็นหลัก ประเด็นหลักคือไม่มีใครหาคําตอบเกี่ยวกับเรื่องนี้ได้ เพราะท่านปูและพี่คนโตของข้าได้มีข้อห้ามว่าห้ามสมรู้ร่วมคิดกับศัตรู หากมีใครทราบเรื่องนี้ เช่นนั้นหลานชายข้าคงทําได้เพียงฝันเท่านั้นที่จะนั่งบัลลังค์!”
“มีช่องโหว่มากมายในเรื่องที่ท่านเล่ามา หยางเย่กล่าว “อย่างแรก ท่านบอกว่าไม่มีใครทราบเรื่องนี้ แต่กองทหารม้าที่มากับท่านล่ะ? หรือพวกเขาไม่ใช่มนุษย์หรือไง?”
“เจ้าคิดว่าพวกเขาจะออกจากขุนเขาไม่สิ้นสุดแบบมีชีวิตได้งั้นหรือ?” นางกล่าวต่อ “ทันที่ที่ไปถึงอาณาจักรสัตว์อสูร มันก็คือเวลาตายของพวกเขา!”
หยางเย่เงียบไปชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยถาม ”แล้วเหตุใดท่านถึงตกลงหมั้นหมายกับองค์ชายรองล่ะ
ประกายเย็นเยือกพร้อมจิตสังหารปรากฏผ่านดวงตานางเมื่อได้ยิน “เพราะหลานชายข้าขู่เข็นจะสังหารข้ากับท่านแม่! ข้าทราบว่าเจ้าจะถามอะไร ข้ามีบิดาคนเดียวกันแต่ต่างมารดากับจักรพรรดิคนปัจจุบัน ประกอบเข้ากับที่ท่านแม่ไม่ค่อยได้รับการสนับสนุนที่ดีเท่าไหร่นัก ดังนั้นหลานข้าจึงข่มขู่ได้โดยง่าย”
“พวกราชวงศ์ช่างโหดเหี้ยมจริง ๆ !? หยางเยส่ายหัว เขาเคยได้ยินผู้อื่นเล่าขานมาก่อน แต่ไม่คิดว่าจะเป็นเรื่องจริง ราชวงศ์จะไม่หยุดเมื่อยังไม่บรรลุเป้าหมาย!
“เมื่อเขาข่มขู่ว่าจะสังหารท่านกับมารดา แล้วเหตุใดท่านจึงหนี?” หยางเย่เอ่ยถาม
” เพราะข้าสามารถช่วยท่านแม่และตนเองโดยการทําเช่นนั้น!” สตรีชุดเงินกล่าวด้วยน้ำเสียงต่ำ ” หากข้าแต่งงานกับองค์ชายรองจริง ด้วยนิสัยของหลานชายข้า ไม่ว่ายังไงเขาก็จะหาวิธีสัง
หารท่านแม่อยู่ดี ในทางกลับกัน หากข้าหนีเช่นนั้นเขาจะต้องหวาดกลัว และยังรักษาชีวิตท่านแม่เพื่อใช้ข่มขู่ข้า”
“สังหารมารดาท่าน?” หยางเย่กล่าวอย่างไม่เชื่อ “ล้อกันเล่นหรือไม่! มารดาของท่านเป็นภรรยาของผู้ก่อตั้งจักรวรรดิ เขายังกล้าอีกหรือ?”
นางหัวเราะอย่างขมขื่นขณะกล่าว ”เจ้าทราบหรือไม่ว่าปูข้ามีนางสนมกี่คน?”
ก่อนที่หยางเย่จะตอบ นางได้เอ่ยขึ้น ว่ากันว่านางสนมของจักรพรรดินั้นมีถึงสามพันคน แต่ปู่ข้าไม่ได้มีเพียงแค่นั้น เขามีมากกว่าแปดพันคน และยังมีอีกมากมายที่ไม่ได้ถูกต้องตามกฎหมาย เจ้าทราบหรือไม่ว่ามีทายาทภายในจักรวรรดิต้าฉินกี่คน? เราจะไม่กล่าวถึงองค์จักรพรรดิ แต่แค่ปู่ของข้าก็มีบุตรชายถึงสี่ร้อยคน และบุตรหญิงอีกประมาณหนึ่งพันคน”
หยางเย่ทําได้เพียงหัวเราะ “ผู้ก่อตั้งคนนี้เป็นพ่อพันธุ์อย่างแท้จริง!”
ตอนนี้เขาค่อนข้างเข้าใจเล็กน้อย เนื่องจากผู้ก่อตั้งจักรวรรดิมีพระสนมมากมาย บางครั้งก็เป็นเพียงความสัมพันธ์แบบชั่วข้ามคืน และมารดาของนางคงเป็นเช่นนั้น วังหลวงของจักรวรรดิต้าฉินมักจะให้ความสําคัญกับสนมพวกนั้นเล็กน้อย และแทบไม่ได้รับความโปรดปราณจากผู้ก่อยัง
หลังจากผ่านไปชั่วครู่ หยางเยส่ายหัว “แล้วมันเกี่ยวข้องอะไรกับข้า? ทําไมข้าต้องไปเสี่ยงชีวิตร่วมมือกับท่านด้วย?”
“เจ้านี้ช่างโง่เขลาเสียจริง การหมั้นหมายระหว่างข้ากับองค์ชายรองของอาณาจักรสัตว์อสูรนั้นเป็นความลับ เพื่อป้องกันความลับรั่วไหล หลานชายข้าจะสังหารองครักษ์ทุกคนรวมถึงยอดฝีมือขั้นปราณจิตวิญญาณ เช่นนั้นตอนนี้เจ้าหนีไปพร้อมกับข้าแล้ว คิดหรือว่าเขาจะปล่อยเจ้าไป?”
หยางเย่หัวเราะอย่างขมขึ้นเมื่อได้ยิน ” ข้ารู้สึกว่าจะตกไปอยู่ในกับดักของท่านอีกครั้งแล้วสินะ!”
“ถึงแม้ข้าไม่บอกความลับให้เจ้าทราบ แต่เพื่อความปลอดภัยของความลับ เขาก็ไม่ปล่อยเจ้าไปอยู่แล้ว” สตรีชุดเงินกล่าว
หยางเย่คิดอยู่ชั่วครู่ “ข้ายืนยันว่าจะไม่บอกใคร”
สตรีชุดเงินยิ้ม “ดูเหมือนจะไม่ได้นะ!”
หยางเย่ยักไหล่ก่อนเอ่ย “แล้วยังไงล่ะ หลานชายท่านจะใช้อํานาจที่ผิด ๆ นี้ออกใบประกาศจับตั้งค่าหัวค่าหัวหรือไง?”
“เขาไม่ทําแน่นอน!” สตรีชุดเงินส่ายหัว ”เขาไม่ออกประกาศจับ แต่จะออกหมายค้นจับตาย ข้าคิดว่าเขาคงเริ่มทําไปแล้วในการสืบสวนตันตนของเจ้า อย่าประเมินความสามารถของจักรวรรดิต้าฉินต่ำ มันเป็นเรื่องง่ายมากที่จะสืบหาใครสักคน”
” บางทีเขาอาจจะยอมแพ้หากทราบถึงตัวตนข้า!” หยางเย่กล่าว
“โอ้?” สตรีชุดเงินมองไปที่หยางเยด้วยความประหลาดใจ “น้องชาย เจ้าบอกว่าไม่ใช่ศิษย์ของสํานักดาบราชัน แต่ทักษะของเจ้านั้นเฉียบคมกว่าศิษย์สํานักดาบราชันนัก หรือว่าเจ้าเป็นลูกนอกสมรสของเจ้าสํานักกันแน่? ถึงจะเป็นยังงั้นเขาก็ไม่ปล่อยเจ้าไปอยู่ดี แน่นอนว่าคงไม่ทําอย่างเปิดเผยหรอก แต่อย่าลืมสิว่ามีสมาคมมือสังหารอยู่? หากเขาไม่บอกใครแล้วจะมีผู้ใดทราบว่าเขาอยู่เบื้องหลัง?”
“สรุปคือข้าไม่สามารถทําอะไรได้นอกจากรอว่าจะเป็นหรือตายใช่หรือไม่?” หยางเย่เอ่ยถาม