ตอนที่ 17 มูลค่าของยันต์
เมื่อเห็นหยางเย่ตอบรับ ชายกล้ามโตหัวเราะดังลั่นออกมา เขาทราบทันทีว่าหยางเย่คงจะเป็นศิษย์มีสำนักที่มาเพื่อหาประสบการณ์ จากการสังเกตดาบในมือหยางเย่ เขาคงจะเป็นศิษย์สำนักดาบราชัน ดังนั้นชายผู้นี้จึงมียินดีอย่างยิ่งที่มีศิษย์สำนักดาบราชันมาร่วมด้วย
ชายกล้ามโตแนะนำตัวเอง “น้องชาย ข้ามีนามว่าหมานจื้อ เป็นผู้นำกลุ่มนี้ที่มีสมาชิกทั้งหมดสี่คน บัดนี้เจ้าร่วมด้วยจึงเป็นห้าคน”
“ข้าหยางเย่!” หยางเย่ยิ้มพยักหน้าตอบ เขามีความประทับใจชายที่พูดจาผ่าเผยผู้นี้
หมานจื้อพาหยางเย่ไปที่กลุ่ม กลุ่มนี้ประกอบไปด้วยสามบุรุษหนึ่งสตรี หมานจื้อชี้ไปยังหญิงสาว “น้องชาย นี้คือน้องสาวข้าชิงหง นางอยู่ระดับเก้าขั้นปราณมนุษย์”
เมื่อมองไปที่ตามนิ้วของหมานจื้อ หยางเย่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย สตรีผู้นี้อายุราวยี่สิบ การแต่งกายของนางค่อนข้างเปิดเผย นางสวมเพียงเสื้อหนังสัตว์สั้นโชว์หน้าท้อง ช่วงล่างนางสวมหนังสัตว์สั้นเช่นกัน เผยให้เห็นเรียวขาสวยงามทั้งคู่
ธนูเหล็กดำสะพายพาดไหล่ขวา นางดูค่อนข้างเหี้ยมโหดและกล้าหาญยิ่งนัก
นางพยักหน้าตอบเล็กน้อยก่อนหยางเย่จะถอนสายตาออกมา แม้นางจะเป็นสตรีที่สวยงาม มันก็ไม่ดีหากจะเสียมารยาทโดยการจ้องมองอย่างไม่หยุด
ชิงหงพยักหน้าอย่างสุภาพให้หยางเย่ เพราะเขาไม่ได้มองนางเหมือนชายอื่น สิ่งนี้ทำให้นางประทับใจในตัวหยางเย่
หมานจื้อชี้ไปยังบุรุษอายุราวยี่สิบห้าปี “เฉียวไห่ เขาอยู่ระดับเก้าขั้นปราณมนุษย์เช่นกัน และเป็นผู้ใช้มีด เขาคือผู้ทำความเสียหายหลักของกลุ่ม!”
ชายนามว่าเฉียวไห่เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการสนทนา เขาแค่พยักหน้าให้หยางเย่ จากนั้นจึงเล่นกับมีดทมิฬในมือต่อ
หมานจื้อชี้ไปยังชายคนสุดท้าย “ชิวหยวน เขาใช้ดาบเช่นกัน และอยู่ในระดับเก้าขั้นปราณมนุษย์ เขามีโอกาสบรรลุขั้นปราณสวรรค์ขั้นแรกมากที่สุดในหมู่พวกเรา!”
หยางเย่มองไปที่ชายคนสุดท้าย เขาอายุราวยี่สิบสามปี รูปลักษณ์หล่อเหลา แต่ใบหน้ากลับแสดงความเย่อหยิ่งออกมา หยางเย่รู้สึกได้ว่าชายผู้นี้เฝ้ามองมาอย่างระมัดระวังอยู่ตลอด
หยางเย่เหลือบไปมองชิงหงและครุ่นคิดสักครู่ จากนั้นจึงพยักหน้าและถอนสายตาออกมา เขาไม่ต้องการใส่ใจในเรื่องไร้สาระ
“น้องชาย เจ้าอยู่ระดับไหนของขั้นปราณมนุษย์หรือ?” ชิวหยวนมองไปยังหยางเย่พร้อมถามโดยตรง
เมื่อพวกเขาได้ยิน ดวงตาทุกคนหันไปมองที่หยางเย่ เพราะตั้งแต่หยางเย่กล้าเหยียบเข้ามายังขุนเขาไม่สิ้นสุดด้วยวัยเท่านี้ ความแข็งแกร่งคงไม่เป็นรองใคร
“ระดับเจ็ดขั้นปราณมนุษย์!” หยางเย่พยักหน้าตอบตามความจริง
“ระดับเจ็ดขั้นปราณมนุษย์?” ทุกคนชะงักเมื่อได้ยินหยางเย่กล่าว แม้กระทั่งดวงตาของหมานจื้อยังค่อนข้างประหลาดใจ จากที่พวกเขาคาดไว้ เมื่อเห็นหยางเย่มาที่ขุนเขาไม่สิ้นสุดด้วยวัยเพียงเท่านี้และใช้ดาบ เขาคงเป็นศิษย์สำนักดาบราชัน และศิษย์สำนักดาบราชันต้องอยู่ในระดับเก้าขั้นปราณมนุษย์ก่อนที่สำนักจะอนุญาตให้ออกมาด้วยตนเอง!
“เจ้าไม่ใช่ศิษย์สำนักดาบราชันงั้นหรือ?” ชิวหยวนประหลาดใจ
หยางเย่ส่ายหัว ในยามนี้เขายังไม่ใช่ศิษย์สำนักดาบราชัน เพราะศิษย์ใช้แรงงานไม่ถือว่าเป็นศิษย์!
เมื่อเห็นหยางส่ายหัว ชิวหยวนหัวเราะเหยียดหยามพร้อมรอยยิ้มเย้ยหยันบนมุมปาก ท่าทางเขาเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือทันที “ไอ้หนู เจ้าอยู่เพียงระดับเจ็ดขั้นปราณมนุษย์ เช่นนั้นคือความตายอย่างเดียวที่เจ้าจะได้รับเมื่อเข้าไปยังขุนเขา มันจะเป็นการดีหากเจ้าใช้เวลาบ่มเพาะพลังอีกสักปีสองปีแล้วค่อยกลับมา!”
หมานจื้อลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ย “น้องชาย ขุนเขาไม่สิ้นสุดเต็มไปด้วยอันตราย และยิ่งอันตรายต่อความแข็งแกร่งระดับเจ้า” แต่เดิมเขาคิดว่าหยางเย่คือศิษย์สำนักดาบราชัน แต่กลับเป็นความผิดพลาด
หยางเย่ยิ้ม “ไม่ต้องห่วง ข้าจะไปกับพวกท่านผ่านป่าอสรพิษ จากนั้นค่อยแยกทาง”
“มันจะไม่เป็นเช่นนั้น!” ชิวหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ทุกคนที่นี่ล้วนเป็นยอดฝีมือระดับเก้าขั้นปราณมนุษย์ และสามารถป้องกันตนเองได้ หากมีผู้ที่อยู่ระดับเจ็ดขั้นปราณมนุษย์เช่นเจ้าตามมา มันก็ไม่ต่างอะไรกับเป็นภาระของกลุ่ม กลับไปยังแหล่งที่เจ้าจากมาเสีย!”
“ชิวหยวน!” ชิงหงขมวดคิ้วพร้อมแสดงสีหน้าไม่พอใจ “มันดีมากแล้วที่เขาอยู่ระดับเจ็ดขั้นปราณมนุษย์ด้วยอายุเพียงเท่านี้ เจ้ายังอยู่ระดับห้าเมื่ออายุสิบหกสิบเจ็ดใช่หรือไม่? ไฉนจึงพูดจาก้าวร้าวเช่นนั้น?” นางเป็นคนตรงไปตรงมาพูดทุกอย่างที่อยู่ในใจ ยิ่งกว่านั้นนางมีความประทับใจในตัวหยางเย่ ดังนั้นนางจึงไม่อาจทนดูชิวหยวนเหยียดหยามหยางเย่ได้
ท่าทีชิวหยวนไม่พอใจเท่าไหร่เมื่อเห็นชิงหงกล่าวแทนหยางเย่ “ชิงหง เราอยู่กลุ่มเดียวกัน เหตุใดเจ้าจึงกล่าวแทนคนนอก? ทั้งความแข็งแกร่งเขาเองยังไม่เพียงพอ หากมีภาระเช่นนี้ตามไปมีแต่จะดึงพวกเราลง” เขากล่าวตรงไปตรงมาโดยไม่คำนึงถึงหยางเย่ที่ยืนด้านข้าง
หมานจื้อและเฉียวไห่อยู่ในความเงียบยามได้ยินสิ่งนี้ แม้คำของชิวหยวนจะไม่เป็นที่น่าพอใจ แต่ความคิดพวกเขาก็ไม่ต่างกันในเวลานี้
ชิงหงส่งสายตาไปที่ชิวหยวนก่อนนางจะมองหยางเย่ที่ตกอยู่ในภวังค์ตั้งแต่ต้น นางถอนหายใจพร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่ม “น้องชาย มันอันตรายยิ่งนักที่จะเข้าไปในขุนเขาไม่สิ้นสุดลำพัง เหตุใดเจ้าไม่ไปกับเราเพื่อช่วยเก็บกวาดสนามรบ และพวกเราจะแบ่งทองส่วนหนึ่งให้เมื่อออกจากขุนเขาจากสิ่งที่ขายได้ แต่อาจไม่เยอะมากเท่าไหร่ เจ้าคิดเห็นเช่นไร?” เท่าที่นางกังวล ตั้งแต่หยางเย่มาที่ขุนเขาไม่สิ้นสุดเพื่อล่าและสังหารสัตว์อสูรทมิฬตั้งแต่ยังหนุ่ม คงเป็นเพราะความร่ำรวยเป็นแน่ เพราะเป็นไปไม่ได้ที่จะมุ่งไปยังขุนเขาไม่สิ้นสุดขณะยังอยู่ระดับเจ็ดขั้นปราณมนุษย์
หยางเย่มองไปยังชิวหยวนอย่างเฉยชาก่อนจะหันไปมองชิงหงผู้ที่พูดแทนเขา ขณะมองไปยังสตรีจิตใจงามผู้นี้ หยางเย่เกิดความประทับใจในตัวนางและรีบพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม “ย่อมได้ ข้าจะช่วยพวกท่านทำความสะอาดสนามรบเอง”
เมื่อเห็นหยางเย่เห็นด้วยที่จะทำความสะอาดสนามรบ ความดูถูกเหยียดหยามเพิ่มมากขึ้นในใบหน้าชิวหยวน เขาดูถูกชายคนนั้น แต่ไม่สามารถกล่าวอะไรได้ เพราะพวกเขาต้องการคนเก็บกวาดสนามรบ และมันค่อนข้างแย่ที่ไม่มีผู้ช่วยทำแบบนั้น
หมานจื้อพยักหน้า “เมื่อเป็นเช่นนี้ เราก็ลุยกันเลย น้องชายหยาง เจ้าเดินตามข้างหลังพวกข้าและอย่าแตกกลุ่มล่ะ” ขณะกล่าวเขาเดินตรงไปยังป่าอสรพิษ
ขณะเดินเคียงข้างกัน นางหันไปมองหยางเย่ที่เงียบงัน “ผู้ติดตามตัวน้อย อย่าโกรธเกรี้ยวไปเลย มีเพียงแค่พลังและความแข็งแกร่ง ชิวหยวนไม่ใช่คนเลวร้ายอันใด เช่นนั้นอย่าเก็บคำเขาไปคิดมากล่ะ!”
หยางเย่ชะงักเมื่อได้ยิน จากนั้นเขาส่ายหัวพร้อมรอยยิ้ม “ข้าไม่สนใจคำเขาหรอก แต่ยังไงข้าก็ต้องขอบคุณพี่หญิงชิงหง” หยางเย่ค่อนข้างประทับใจสตรีผู้นี้ที่กล้าผู้แทนเขา สำหรับคนอย่างชิวหยวนเขาไม่ได้ใส่ใจคนเช่นนี้เลย ถึงแม้จะอยู่ในระดับเก้าขั้นปราณมนุษย์ หยางเย่ก็ไม่ได้เกรงกลัวแต่อย่างใด
“ดีมาก” ชิงหงยิ้ม “เดินตามพวกข้าและต้องระมัดระวังด้วย ป่าอสรพิษเต็มไปด้วยอสรพิษ และส่วนใหญ่จะอยู่บนต้นไม้ หากประมาทระวังจะเจอการจู่โจมอย่างไม่ทันระวังตัว”
“พวกท่านล่าสัตว์อสูรทมิฬในป่าอสรพิษงั้นหรือ?” หยางเย่ถามจริงจัง
ชิงหงส่ายหัว “ไม่หรอก ป่าอสรพิษเต็มไปด้วยสัตว์อสูรระดับต่ำ พวกมันไม่มีของล้ำค่าจึงไม่คุ้มที่จะล่า เป้าหมายของพวกเราคือหุบเขาหมาป่าใต้ถัดออกไปจากป่าอสรพิษ หมาป่าใต้มีระดับสูงและครอบครองของสำคัญมากมาย หนังของหมาป่าใต้นั้นมีมูลค่าสูงมาก!”
“ประมาณเท่าไหร่ที่พวกท่านได้รับจากขุนเขาไม่สิ้นสุด?” หยางเย่ค่อนข้างสนใจการใช้ชีวิตของบรรดาทหารรับจ้าง
“หากโชคดีพวกเราจะได้ประมาณห้าหรือหกพันเหรียญทอง!” ชิงหงตอบ “หากโชคไม่ค่อนดีก็ประมาณหนึ่งหรือสองพัน และอาจเสียสมาชิกในกลุ่มได้ กลุ่มของเราเดิมมีห้าคน แต่เขาพลาดท่าในการล่าหมีพิภพในขุนเขาไม่สิ้นสุดวันนั้น” เมื่อกล่าว ใบหน้าชิงหงที่สวยงามจืดจางลงเล็กน้อย
ทันที่ที่เห็นท่าทีชิงหงดูแย่ลง หยางเย่รีบเปลี่ยนหัวข้อเรื่อง “พี่หญิงชิงหง ท่านทราบมูลค่ายันต์จากบรรดาอาจารย์ยันต์ไหม?” เขาตระหนักถึงยันต์ที่มีมูลค่ามหาศาลในอดีต แต่ไม่ทราบจำนวนที่แท้จริง
“ยันต์งั้นหรือ?” ชิงหงขยับตัวเมื่อได้ยิน “ในบรรดายันต์ห้าธาตุ ยันต์ระดับต่ำมีค่าหนึ่งหมื่นเหรียญทอง ยันต์ระดับกลางประมาณสามหมื่นเหรียญทอง ส่วนระดับสูงไม่สามารถซื้อขายกันอย่างปกติ มีเพียงการประมูลใหญ่เท่านั้น หากการประมูลเริ่มต้นดี ราคามันจะสูงถึงหนึ่งแสนเหรียญหรือมากกว่า!”
สูงกว่าหนึ่งแสนเหรียญ เปลือกตาหยางเย่กระตุกเมื่อได้ทราบจำนวนตัวเลข เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเปาเอ๋อถึงได้มั่งคั่งยิ่งนัก เด็กผู้หญิงครอบครองยันต์มากมาย การขายยันต์ส่วนหนึ่งก็เพียงพอจะเลี้ยงตนเองได้ตลอดชีวิต!
“พวกเราได้เข้ามายังป่าอสรพิษแล้ว อยู่ข้างข้าไว้และอย่าไปไหนไกล!” ทันทีที่เข้ามายังป่าอสรพิษ ชิงหกดึงหยางเย่มาข้างกายพร้อมกล่าวน้ำเสียงเคร่งขรึม