ตอนที่ 37 เทียบอันดับสวรรค์
สตรีชุดขาวกำลังนอนอยู่ในอ้อมแขนของหยางเย่ ในมือที่กำลังสัมผัสหน้าอกอันนุ่มนวลทั้งคู่ เขาบีบคลำตามสัญชาตญาณอยู่สองถึงสามครั้ง ด้วยสัมผัสที่นุ่มนวลจึงตระหนักได้ว่าเหตุการณ์นี้มันไม่ใช่ความฝัน
หยางเย่มองไปด้านข้างด้วยอาการวิงเวียน สหายตัวจ้อยและหมาป่าสีเทาได้หายไปหมดแล้ว เหลือเพียงดาบที่ตั้งอยู่ไม่ไกลเท่าไหร่ ดูเหมือนมันกำลังลังเลว่าควรจะโจมตีเขาดีไหม
“เรื่องนี้มันเกินกำลังที่จะต้านทานได้โดยแท้จริง!” ความคิดนี้ได้ปรากฏขึ้นขณะที่หยางเย่มองไปที่สตรีชุดขาวในอ้อมแขน
ทันใดนั้นเองสตรีชุดขาวลืมตาขึ้น นางรีบลุกออกจากอ้อมแขนหยางเย่ก่อนจะหยิบเสื้อผ้ามาคลุม จากนั้นจึงเดินไปยังดาบที่ตั้งอยู่ สตรีชุดขาวไม่แม้แต่จะมองหยางเย่หรือกล่าวประโยคใดราวกับว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นี่
หยางเย่เองก็สวมเสื้อผ้าตนเองเสร็จพอดี เปลือกตาเขากระตุกทันทีที่เห็นนางจับดาบ เขาเดินถอยหลังไปเล็กน้อยก่อนจะกล่าว “ข้า… ข้าคิดว่าพวกเราควรเจรจากันอย่างสันติ”
แม้หยางเย่จะมีสหายตัวจ้อยกับหมาป่าสีเทา แต่สตรีชุดขาวก็มีดาบจิตวิญญาณอยู่ ดังนั้นหากต่อสู้กัน เขาเองก็ไม่กล้ามั่นใจว่าจะเอาชนะได้!
สตรีชุดขาวยกดาบขึ้นก่อนจะหันไปมองหยางเย่พร้อมกล่าวอย่างไร้ความรู้สึก “เอาสิ บอกข้ามาว่าพวกเราควรจะจัดการเรื่องนี้ยังไง”
‘เราจะจัดการเรื่องนี้ยังไงดีล่ะ’ หยางเย่สูดหายใจลึกก่อนเอ่ย “มันไม่สำคัญว่าใครจะผิดใครจะถูกในเรื่องนี้ ข้าทราบว่าควรรับผิดชอบในสิ่งที่กระทำลงไป ท่านคงจะรู้สึกรังเกียจมัน แต่ข้าต้องการจะกล่าวอย่างใจจริงว่าจะรับผิดชอบในสิ่งนี้”
“อย่างน้อยเจ้าก็กล้าพอที่จะรับผิดชอบ ไม่เลว!” สตรีชุดขาวกล่าวอย่างเย็นเยือก “อย่างไรก็ตาม เจ้าทราบหรือไม่? ข้าอยู่ขั้นปราณจิตวิญญาณระดับเจ็ด และกำลังจะบรรลุขั้นปราณจุติในเวลาอีกไม่กี่ปี ปีนี้ข้ายังอายุไม่ถึงสามสิบ เจ้าล่ะ?”
ไม่มีการเย้ยหยันใดบนหน้าสตรีชุดขาวหรือแม้กระทั่งท่าทีรังเกียจหยางเย่ นางดูสงบพร้อมใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก
‘เราทราบดีว่าคำถามนี้จะต้องตามมา’ หยางเย่แอบถอนหายใจ และดูเหมือนเขาจะไม่ได้รับความทุกข์ทนจากคำกล่าวของนาง “ข้าเคยได้ยินมาว่าความรักไม่ได้ขึ้นอยู่กับระดับการบ่มเพาะพลังหรือความมั่งคั่ง ข้า… ข้าคิดว่ามันเป็นประโยคที่ดี” เมื่อกล่าวจบใบหน้าแดงก่ำอีกครั้ง
“มันเป็นคำกล่าวที่ดีมาก!” สตรีชุดขาวพยักหน้า ใบหน้าหยางเย่เผยรอยยิ้มออกมาเมื่อได้ยินนางกล่าว “แต่มันมีความรักระหว่างเรางั้นหรือ?”
รอยยิ้มหยางเย่แข็งกระด้างทันที เขาเงียบไปชั่วขณะก่อนจะมองไปที่นาง “ท่านอายุยังไม่ถึงสามสิบปี ข้าเองก็ยังไม่ถึงยี่สิบปี ถึงแม้ข้าจะอยู่เพียงขั้นปราณมนุษย์ตอนนี้ แต่ท่านกล้าบอกหรือไม่ว่าข้าจะด้อยกว่าท่านหากอายุเราเท่ากัน?”
สตรีชุดขาวมองไปที่หยางเย่อยู่ครู่หนึ่งก่อนกล่าว “ไม่ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ไร้ความหมาย ข้าจะไม่ทำการสังหารเพราะเจ้าคือศิษย์ของสำนักดาบราชันที่อาจขึ้นไปยังเทียบอันดับแห่งสวรรค์ได้ มันเป็นเพียงเหตุผลเดียวที่ข้าไว้ชีวิต”
หยางเย่รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยในใจเมื่อได้ยินเช่นนี้ แน่นอนไม่ว่าใครก็รู้สึกไม่สบายใจเมื่อถูกมองข้าม แต่หยางเย่ก็ทราบดีว่านางมีคุณสมบัติมากพอจะมองข้ามเขาอยู่แล้ว อย่างน้อยก็เวลานี้ที่นางมีคุณสมบัตินั้น
“เช่นนั้นแล้วท่านตั้งใจจะจัดการเรื่องนี้ยังไง ขอบอกไว้ก่อนนะหากท่านคิดจะสังหารข้า ข้าเองก็ไม่ให้ท่านทำมันได้โดยไม่ป้องกันตนเอง หากอยู่ข้างนอกข้าเองก็ไม่อาจทำสิ่งใดได้นอกจากสังหารตนเอง แต่ตอนนี้พวกเราอยู่ที่นี่ ข้าเองก็ต้องสู้ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย” หยางเย่ตัดสินใจอย่างตรงไปตรงมา ในยามที่ทุกอย่างเกิดขึ้นและผ่านไปอย่างไม่ได้ตั้งใจ มันเป็นการดีสุดที่จะบอกกันอย่างตรงไปตรงมา
สตรีชุดขาวมองไปที่หยางเย่ก่อนจะมองออกไปอีกทางพร้อมกล่าว “มีการแข่งขันเพื่อวัดระดับพลังที่เขตแดนใต้ทุกสามปี ในการวัดระดับพลังยังมีจักรวรรดิต้าฉินและหกมหาอำนาจเข้าร่วม การแข่งขันนี้เรียกว่าเทียบอันดับแห่งสวรรค์”
เมื่อกล่าวจบนางหันไปมองหยางเย่อีกครั้ง “ข้าต้องการให้เจ้าเข้าร่วมการแข่งขันนี้ และเจ้าต้องอยู่ในสามสิบอันดับแรกเพื่อเข้าไปจัดอันดับต่อให้ได้… หลายปีก่อนข้าอยู่อันดับยี่สิบในเทียบอันดับสวรรค์ สำหรับเจ้าต้องอยู่สิบอันดับแรกเท่านั้น!”
ดวงตาหยางเย่กระตุกพร้อมนึกในใจ ‘พระเจ้า! ข้ายังสอบไม่ผ่านบททดสอบศิษย์นอกเลยด้วยซ้ำ ไหนจะการประลองกับหลิวชิงอวี่ที่จะเริ่มในอีกสองเดือนครึ่งจากนี้ แต่สตรีผู้นี้กลับต้องการให้ข้าเข้าทดสอบเทียบอันดับสวรรค์งั้นหรือ? ยิ่งกว่านั้นตามที่นางกล่าว เทียบอันดับสวรรค์คือสถานที่ที่อัจฉริยะมาชุมนุมกัน!’
เมื่อนึกถึงบรรดาอัจฉริยะในเขตแดนใต้ทั้งหมดแล้วมันช่างดูน่ากลัวยิ่งนัก!
หยางเย่ปาดเหงื่อบนหน้าผากก่อนจะกล่าว “เทียบอันดับสวรรค์มีข้อจำกัดบางอย่างใช่หรือไม่?”
สตรีชุดขาวกล่าวอย่างเฉยเมย “อายุต่ำกว่ายี่สิบปีและต่ำกว่าขั้นปราณราชัน มีเพียงสองข้อจำกัดนี้เท่านั้น!”
“แล้วเทียบอันดับสวรรค์มันมีความสำคัญยังไง?” หยางเย่ถาม
“ความสำคัญ?” สตรีชุดขาวครุ่นคิดอย่างหนักอยู่ชั่วขณะ “บรรดาอัจฉริยะที่เข้าร่วมการแข่งขันนี้ มันสามารถสร้างโอกาสที่จะโด่งดังได้ สำหรับสำนักจะมีโอกาสที่จะจัดหาทรัพยากรใหม่”
“จัดหาทรัพยากรใหม่?” หยางเย่สงสัย
สตรีชุดขาวอธิบาย “ในจักรวรรดิต้าฉินมีอยู่เก้ามณฑล และทุกมณฑลมีมากกว่าหนึ่งล้านเมือง สำนักของเราและจักรวรรดิต้าฉินต้องการจะหาสายเลือดใหม่เพื่อให้เข้าร่วมกองกำลัง เพราะมันคือวิธีเดียวที่จะรักษาสมดุลของสำนัก ในอดีตสำนักที่ยิ่งใหญ่และจักรวรรดิต้าฉินต่อสู้กันบ่อยครั้งเพื่อแย่งผู้ที่มีพรสวรรค์กัน ท้ายที่สุดด้วยเหตุผลบางประการทำให้พวกเขาไม่อาจสู้กันได้อีก ดังนั้นเทียบอันดับสวรรค์จึงถูกก่อตั้งขึ้น ยิ่งสำนักใดมีศิษย์ที่มีความสามารถสูง เมืองทั้งหลายก็จะกระจายไปยังสำนักนั้น ยกตัวอย่างเช่นในการแข่งขันครั้งสุดท้ายก่อนหน้านี้ โรงเรียนแห่งปราชญ์มีคนได้อันดับหนึ่ง สาม และหก ดังนั้นพวกเขาจึงได้รับสามมณฑลและมากกว่าห้าแสนเมืองไป ในอีกด้านหนึ่ง เพราะไม่มีใครในสำนักดาบราชันเข้าร่วมเทียบอันดับสวรรค์ สำนักเราจึงมีเพียงไม่กี่เมืองเล็กน้อยเท่านั้น”
“สำนักดาบราชันเราอ่อนแองั้นหรือ?” หยางเย่พลั้งปากกล่าวออกไป จากนั้นเขารู้สึกผิดเล็กน้อยเมื่อกล่าวจบ ‘สตรีชุดขาวเห็นได้ชัดว่านางยกย่องสำนักดาบราชันอย่างมาก ดังนั้นนางอาจจะไม่พอใจในสิ่งเราพลั้งกล่าวออกไป’
นางไม่ได้โกรธแต่อย่างใดนอกจากถอนหายใจออกมา “สำนักดาบราชันเราค่อนข้างอ่อนแอในเวลานี้ มีศิษย์นอกสำนักน้อยกว่าหกพันคน ศิษย์ในสำนักประมาณสองพันคน และศิษย์แนวหน้าไม่ถึงพันคน หากสำนักดาบราชันไม่ได้รับการช่วยเหลือจากบรรพบุรุษ เช่นนั้นคงถูกลดเป็นพลังระดับรองไปแล้ว”
“อัจฉริยะในสำนักดาบราชันทั้งนอกและในสำนัก ไม่มีใครสามารถเข้าร่วมเทียบอันดับสวรรค์ได้เลยงั้นหรือ?” หยางเย่ขมวดคิ้วพร้อมถาม
สตรีชุดขาวส่ายหัว “ดั่งเช่นอัจฉริยะในหมู่บ้านชาวเขาอาจถูกมองว่าอัจฉริยะในสายตาพวกเขา แต่หากอัจฉริยะนั้นเข้าไปในเขตชุมชมอาจจะไม่แย่เท่าไหร่นัก แต่เมื่อไปถึงยังเมืองหลวงพวกเขาจะกลายเป็นคนธรรมดาทันที และเมื่อไปยังมณฑลอาจจะไม่ได้ถูกมองว่าเป็นคนธรรมดาด้วยซ้ำ ยิ่งหากเปรียบกับอัจฉริยะแดนใต้แล้วอาจเป็นเพียงแค่ขยะชิ้นหนึ่ง อัจฉริยะในสำนักดาบราชันสามารถกล่าวได้ว่าเป็นอัจฉริยะได้ในสำนัก แต่หากพวกเขาถูกวางในเทียบอันดับสวรรค์ พวกเขาก็ไม่ต่างจากขยะชิ้นหนึ่ง”
“เช่นนั้นแล้ว เหตุใดท่านจึงอยากให้ข้าเข้าไปถึงสิบอันอับแรกล่ะ? อีกอย่างข้ายังไม่ใช่ศิษย์นอกเลยด้วยซ้ำ!”
สตรีชุดขาวมองไปที่หยางเย่เมื่อได้ยินก่อนจะยกคิ้วขึ้นพร้อมกล่าว “อะไร? เจ้าไม่มั่นใจในความสามารถตนเองหรือ?”
“ข้าจำเป็นต้องมีแรงบันดาลใจก่อน!” หยางเย่มองไปที่นางก่อนจะกล่าว
“แรงบันดาลใจอะไร?” สตรีชุดขาวขมวดคิ้ว
หยางเย่สูดหายใจลึกพร้อมกล่าว “หากสามารถเข้าไปยังเทียบอันดับสวรรค์ได้ท่านต้องให้โอกาสข้าอีกครั้ง”
เขาชอบสตรีชุดขาวที่อยู่ตรงหน้างั้นหรือ? หยางเย่ไม่ทราบคำตอบนั้น ทุกสิ่งที่เขาทราบคือสตรีผู้นี้เป็นของเขาแล้ว ตั้งแต่ที่นางเป็นของเขา เช่นนั้นทั้งสองควรจะได้อยู่ด้วยกัน มันเป็นเรื่องปกติ
“ว่าอะไร?” มุมปากของสตรีชุดขาวยกขึ้นเล็กน้อย นางเผยท่าทีชิงชังออกมาก่อนกล่าว “เจ้าคิดว่าเพียงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเราก่อนหน้านี้ข้าก็ควรอยู่กับเจ้าแล้วงั้นหรือ? ข้าไม่ใช่สตรีที่จะยอมไปอยู่ในกำมือของชายใดเพียงเพราะเสียความบริสุทธิ์หรอก ในหัวข้ามีเพียงเส้นทางแห่งดาบและสำนักดาบราชันเท่านั้น!”
“ท่านเกลียดข้าจริง ๆ หรือ?” หยางเย่ถาม
“ไม่จริง!” สตรีชุดขาวกล่าวอย่างเย็นชา “นอกจากความแข็งแกร่งและท่าทีเจ้าเล่ห์เล็กน้อยแล้ว ตัวตนและการควบคุมอารมณ์ของเจ้าถือว่าไม่เลว”
“ข้าก็ไม่ได้เกลียดท่านเช่นกัน!” หยางเย่รีบตอบกลับ “นอกจากท่าทีเย็นชาและความโอหังของท่านแล้ว ท่านยังคงเห็นด้วยกับคนอื่นในทุกด้าน เมื่อท่านไม่ได้เกลียดข้า ข้าก็ไม่เกลียดท่าน แล้วเหตุใดท่านถึงไม่ให้โอกาสข้าล่ะ? หรือเพราะพลังของข้ายังอ่อนด้อยเกินไป แต่ข้ายังคงหนุ่มแน่นไม่ใช่หรือ? ท่านคิดเห็นเรื่องนี้เช่นไร?”
สตรีชุดขาวมองไปที่หยางเย่ หยางเย่ไม่ได้แสดงท่าทีอ่อนแอแต่อย่างใดขณะมองตากัน อย่างไรก็ตามพวกเขาทั้งคู่แสดงความตรงไปตรงมาต่อกัน ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ดี
เวลาผ่านไปชั่วครู่ สตรีชุดขาวกล่าวขึ้น “อันดับห้าในเทียบอันดับสวรรค์ข้าจึงจะให้โอกาสเจ้า”
“ตกลง!” หยางเย่กล่าวรวดเร็ว เวลานี้ดูเหมือนเขาจะลืมไปแล้วว่าเทียบอันดับสวรรค์คือแหล่งที่อัจฉริยะรวมตัวกัน
เมื่อเห็นหยางเย่แสดงท่าทีค่อนข้างตื่นเต้น ความรู้สึกที่แปลกประหลาดปรากฏขึ้นในใจนาง แต่ก็หายไปในชั่วพริบตา เพื่ออนาคตของสำนักดาบราชัน นางบ่มเพาะพลังแห่งดาบและอยู่กับดาบมาตลอดทั้งชีวิต เพราะไม่เคยคิดจะมีความรักมาก่อน นางจึงไม่ค่อยมีโอกาสได้พบปะกับบุรุษเท่าไหร่นัก ก่อนหน้าที่จะเกิดเรื่องราวกับทั้งสอง นางมีเพียงความคิดเดียวคือสังหารหยางเย่เสีย แต่ก็ไม่อาจทำได้เพราะอย่างที่กล่าว หยางเย่อาจจะเป็นพลังสำคัญของสำนักดาบราชันได้
เมื่อหยางเย่เอ่ยข้อเสนอออกมา ความรู้สึกแปลกประหลาดจึงปรากฏขึ้นในใจอย่างไม่มีเหตุผลใด นางไม่ทราบว่ามันคือความรู้สึกอะไร เพราะไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อนในอดีต
“หัวใจข้ารู้สึกแปลกยิ่งนัก!” สตรีชุดขาวมองไปทางอื่นพร้อมบ่นพึมพำด้วยน้ำเสียงต่ำ