ตอนที่ 61 ได้เวลากลับบ้าน!
‘ตระกูลหลิว! หากเกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวและท่านแม่ ข้าจะล้างบางตระกูลพวกเจ้าทิ้ง!’ หยางเย่ถือจดหมายแน่นขณะแสดงท่าทีดุร้ายและน่าสะพรึงกลัว จากนั้นจึงรีบเดินไปยังที่พักของผู้อาวุโสเชียน
จดหมายไม่ได้ถูกส่งมาจากเสี่ยวเหยา แต่มาจากชิงหง ในข้อความกล่าวว่า น้องสาวและมารดาของหยางเย่ถูกลอบโจมตีจากกลุ่มคนชุดดำเมื่อสองวันก่อน กลุ่มคนชุดดำพวกนี้มีฝีมือร้ายกาจมาก พวกเขาทั้งสามไม่สามารถต้านทานกลุ่มคนชุดดำไหว โชคดีที่พวกมันไม่ได้คิดจะเอาชีวิตน้องสาวและมารดา แต่ตั้งใจจะจับเป็นทั้งสอง
โชคดีที่ทั้งสองยังไม่ถูกจับไป เพราะการปรากฏตัวของชิงหงกับพรรคพวก การต่อสู้ของพวกเขาทำให้หน่วยลาดตระเวนของเมืองทักษิณภิรมณ์ทราบ เหตุนี้จึงทำให้กลุ่มคนชุดดำถอนกำลังไป
ชิงหงเองก็ไม่ลังเลที่จะส่งจดหมายบอกหยางเย่เพื่อคิดหาหนทาง!
เมื่อเห็นเนื้อความในจดหมาย สิ่งแรกที่หยางเย่คิดได้คือพวกตระกูลหลิว! ครอบครัวของเขาไม่มีศัตรูใดในเมืองทักษิณภิรมณ์ มีเพียงความขัดแย้งกับพวกตระกูลหลิวเท่านั้น โดยเฉพาะหลังจากที่ได้ตกลงประลองกับหลิวชิงอวี่ที่ลานประลองเป็นตาย ความขัดแย้งนี้ทำให้พวกเขาไม่มีวันปรองดองกันได้อีก!
หลังจากความโกรธได้ปะทุขึ้น หยางเย่รู้สึกโชคดีที่ขอให้กลุ่มของชิงหงไปปกป้องครอบครัวที่เมืองทักษิณภิรมณ์ เพราะหากไม่มีพวกเขาที่นั่น น้องสาวและมารดาของเขาคงไม่อาจรอดจากภัยคุกคามนี้ได้!
เมื่อนึกได้เช่นนั้นก็เริ่มโกรธอีกครั้ง น้องสาวและมารดาคือคนที่สำคัญที่สุดในชีวิต แต่ตระกูลหลิวกลับกล้ามาหาเรื่องพวกนาง ดังนั้นเวลานี้หยางเย่จึงตัดสินใจจะไปจัดการตระกูลหลิวอย่างจริงจัง!
“ผู้อาวุโสเชียน ข้าจะขอตัวกลับเมืองทักษิณภิรมณ์!” ภายในห้องผู้อาวุโสเชียน หยางเย่มองเข้าไปพร้อมกล่าว
เมื่อเห็นหยางเย่มาหาด้วยท่าทีเคร่งครึม เมื่อได้ยินเขากล่าว ผู้อาวุโสเชียนถึงกับหยุดชะงักก่อนจะตอบกลับ “หยางเย่การจัดอันดับผู้ผ่านการทดสอบจะเริ่มพรุ่งนี้ และสิบอันดับแรกจะได้รับรางวัลจากสำนักดาบราชัน มีวิชาขั้นสีดำอยู่ในรางวัลเหล่านั้นด้วย ยิ่งกว่านั้นจ้าวสำนักแห่งยอดเขาต่าง ๆ จะจดจำชื่อของสิบอันดับแรก มันเป็นโอกาสอันดีนะ!”
หยางเย่ส่ายหัว และบอกผู้อาวุโสเชียนเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเมืองทักษิณภิรมณ์
ท่าทีผู้อาวุโสเชียนเคร่งเครียดขึ้นมาในทันทีที่ได้ยินหยางเย่ “มันต้องเป็นหลิวชิงอวี่แน่นอน!”
“หลิวชิงอวี่?” หยางเย่สับสนก่อนจะถาม “เขาไม่ได้อยู่ในสำนักดาบราชันหรือ?”
ผู้อาวุโสเชียนส่ายหัว “หลิวชิงอวี่ออกจากสำนักเมื่อเจ้าเข้าสู่ชั้นยี่สิบเอ็ดของหอคอย และยังมีศิษย์ที่อยู่ในเทียบอันดับอีกสองคนออกไปกับเขาด้วย เวลานั้นข้าไม่ได้สนใจเท่าไหร่ ข้าคิดว่าเมื่อเขาเห็นพรสวรรค์ของเจ้าแล้ว จึงกลับไปยังเมืองทักษิณภิรมณ์เพื่อขอให้ตระกูลหลิวผูกมิตรกับครอบครัวเจ้า แต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะกลับไปหาเรื่องกับครอบครัวเจ้าแทน!”
จิตสังหารในตัวหยางเย่ปรากฏขึ้นผ่านดวงตาเมื่อได้ยิน “เหลือเพียงสองเดือนก็จะได้ประลองกัน ดูเหมือนเขาจะทนไม่ไหวที่จะได้กำจัดข้าเสียแล้ว!”
ผู้อาวุโสเชียนกล่าว “เสี่ยวหยางด้วยความสามารถ และพรสวรรค์ของเจ้าตอนนี้ คิดหรือว่าสำนักดาบราชันจะปล่อยให้ใครกล้าสังหารเจ้าในลานประลองเป็นตาย? มันเป็นไปไม่ได้แล้ว! ถึงแม้เจ้าจะแพ้ สำนักดาบราชันก็ไม่ปล่อยให้ใครมาแตะต้องเจ้าได้ เพราะความสามารถเจ้าสามารถไปได้ถึงเทียบอันดับสวรรค์ และหลิวชิงอวี่เองก็คงทราบดี ดังนั้นหากเขาต้องการจะสังหารเจ้า เขาทำได้เพียงต้องออกจากสำนัก ส่วนเหตุผลที่ต้องการจับตัวน้องสาวและมารดา เพราะเขาตั้งใจจะล่อให้เจ้าออกไปพบ!
หยางเย่โค้งคำนับผู้อาวุโสเชียนพร้อมกล่าว “ผู้อาวุโสเชียน ข้าเป็นศิษย์นอกแล้ว ดังนั้นข้าสามารถออกจากสำนักได้ตลอดเวลา ข้าต้องการขอผู้อาวุโสให้ข้าใช้ค่ายกลเคลื่อนย้าย”
การใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายคือเหตุผลเดียวที่หยางเย่มาหาผู้อาวุโสเชียน เพราะศิษย์คนอื่นไม่สามารถใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายได้ และภายในสำนักนอกมีเพียงผู้อาวุโสเท่านั้นที่ใช้มันได้
ผู้อาวุโสกล่าว “ความแข็งแกร่งของหลิวชิงอวี่คือระดับสามขั้นปราณสวรรค์ และศิษย์อีกสองคนอยู่ระดับหนึ่งกับระดับสองขั้นปราณสวรรค์ ตอนนี้เจ้าอยู่เพียงระดับเก้าขั้นปราณมนุษย์ ทั้งยังไม่อาจต่อกรกับพวกเขาได้ เอาเช่นนี้ไหม? ข้าจะไปเมืองทักษิณภิรมณ์ และสั่งสอนพวกตระกูลหลิว เจ้าก็พักผ่อนกับบ่มเพาะพลังอยู่ที่นี่ดีหรือไม่?”
หยางเย่ส่ายหัว “ผู้อาวุโสเชียน ความขัดแย้งระหว่างข้ากับตระกูลหลิวไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้ ตระกูลหลิวเองก็เข้าใจสิ่งนี้ดี แม้พวกมันสัญญากับผู้อาวุโสเชียนว่าจะไม่ทำอันตรายกับครอบครัวข้า พวกมันก็ยังกระทำลับหลังอยู่ดี ข้ากลับไปครั้งนี้เพื่อจะยุติเรื่องบาดหมางทุกอย่างกับตระกูลหลิว!” น้ำเสียงหยางเย่กลายเป็นเย็นเยือกและน่ากลัว!
มุมปากผู้อาวุโสเชียนถึงกับขยับ เขาไม่ขัดขวางหยางเย่อีกต่อไป เพราะทราบดีถึงสถานะของน้องสาวและมารดาของหยางเย่ดี ตระกูลหลิวกล้าลงมือกับพวกนาง นั่นหมายถึงไปกระตุกหนวดเสือเข้าให้แล้ว อย่างที่หยางเย่กล่าวมันไม่มีสันติอีก
แต่หยางเย่อาจจะลำบากเมื่อกลับไปในครั้งนี้ เพราะความแข็งแกร่งของหลิวชิงอวี่กับศิษย์อีกสองไม่ใช่สิ่งที่หยางเย่จะรับมือได้ อย่างไรก็ตามหากไม่ให้หยางเย่ใช้ค่ายกลเคลื่อนย้าย เขาก็จะรีบไปที่เมืองทักษิณภิรมณ์ด้วยตนเองอยู่ดี ผู้อาวุโสเชียนเข้าใจความโกรธของหยางเย่ดี!
ผู้อาวุโสถอนหายอยู่เป็นเวลานาน “มา ข้าจะพาเจ้าไปยังค่ายกลเคลื่อนย้าย!”
“ขอบคุณผู้อาวุโสเชียน!” หยางเย่ประกบมือคารวะผู้อาวุโสเชียนขณะกล่าว
ผู้อาวุโสเชียนส่ายหัวพร้อมกล่าวด้วยเสียงเบา “ข้าจะพาเจ้าไปยังค่ายกลเคลื่อนย้าย แต่จะไม่ช่วยเจ้าสู้กับตระกูลหลิว เจ้าคงทราบดีว่าจักรวรรดิต้าฉินไม่ชอบสำนักที่ไปก่อกวนบ้านเมืองแน่ หากข้าเข้าไปแทรกแซง เช่นนั้นความขัดแย้งระหว่างสำนักดาบราชันกับจักรวรรดิต้าฉินคงเกิดขึ้น”
ถึงแม้เขาจะเป็นห่วงหยางเย่ แต่ก็ไม่อาจนำภัยมาสู่สำนักได้!
“ข้าเข้าใจดี!”
ผู้อาวุโสเชียนกล่าวต่อ “นอกจากนั้น ที่เจ้ากลับไปยังเมืองทักษิณภิรมณ์ตอนนี้จะอยู่ในฐานะศิษย์แรงงาน เข้าใจใช่หรือไม่?”
หยางเย่ชะงักก่อนจะเข้าใจในเวลาต่อมา หากเขาเข้าไปต่อสู้กับตระกูลหลิวขณะที่เป็นศิษย์สำนักดาบราชัน เช่นนั้นจักรวรรดิต้าฉินจะต้องไม่พอใจสำนักดาบราชันแน่
เมื่อหยางเย่นึกได้เช่นนั้นจึงกล่าวต่อ “ผู้อาวุโสเชียน ข้าเข้าใจดี แต่ตอนนี้ทุกคนทราบดีว่าข้าเป็นศิษย์นอกแล้ว เช่นนั้น…”
ผู้อาวุโสเชียนส่ายหัว “เจ้ายังไม่ใช่ศิษย์สำนักนอกโดยแท้จริง! การจะเป็นศิษย์สำนักดาบราชันได้ เจ้าจะต้องรอจนถึงวันจัดอันดับพรุ่งนี้ สำนักจะมอบชุดให้ และชื่อของเจ้าจะถูกบันทึกว่าเป็นศิษย์อย่างเต็มตัว กล่าวโดยสรุปคือ เจ้ายังไม่ใช่ศิษย์สำนักดาบราชันตอนนี้!”
หยางเย่ครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้า “ข้าทราบแล้ว!”
ผู้อาวุโสเชียนพยักหน้า “มา ข้าจะพาเจ้าไปยังค่ายกลเคลื่อนย้าย!” ทันทีที่กล่าวจบเขายืนขึ้น และเดินไปยังที่พัก
หยางเย่รีบตามเข้าไป
สำนักดาบราชันตั้งอยู่บนขุนเขาว่างเปล่า มันกว้างขวางถึงห้าร้อยกิโลเมตร มีอยู่เจ็ดยอดเขาหลัก สามสิบหกยอดเขาเล็กของสำนักดาบราชัน ทุกยอดเขาจะสูงตระหง่านถึงชั้นเมฆ และพวกมันยังห่างไกลจากยอดเขาอื่นด้วย โดยเฉพาะเส้นทางระหว่างเจ็ดยอดเขาหลัก หากเดินทางด้วยเท้า ศิษย์นอกสำนักจะต้องใช้เวลาเดินทางอย่างน้อยสองถึงสามวัน!
ดังนั้นจะมีค่ายกลเคลื่อนย้ายอยู่ทุกยอดเขาของสำนักดาบราชัน ค่ายกลเคลื่อนย้ายนี้จะส่งผู้ใช้ไปยังยอดเขาอื่น
แน่นอนค่ายกลเคลื่อนย้ายหาได้เป็นของสำหรับศิษย์นอกไม่ แต่มันมีไว้สำหรับศิษย์ใน ศิษย์เอก และผู้อาวุโสแห่งเจ็ดยอดเขา แล้วเหตุใดศิษย์นอกไม่อาจใช้ได้งั้นหรือ? เพราะบรรดาศิษย์นอกไม่มีกำลังพอที่จะใช้มัน!
มีอันตรายมากมายจากค่ายกลเคลื่อนย้าย เมื่อเริ่มทำการเคลื่อนย้าย ผู้ใช้จะรู้สึกวิงเวียน และควบคุมร่างกายลำบาก หากความแข็งแกร่งของคนผู้นั้นไม่เพียงพอ มันจะทำให้คนผู้นั้นเวียนศีรษะหรือหมดสติระหว่างค่ายกลทำงาน
หากหมดสติระหว่างใช้ค่ายกล… อย่ากังวล มันไม่ทำให้ถึงตายหรอก แต่จะทำให้ผู้ใช้สูญเสียการควบคุมจิตใจ! ซึ่งมันเคยเกิดขึ้นกับสำนักดาบราชันในอดีต ดังนั้นสำนักจึงไม่อนุญาตให้ศิษย์นอกใช้ค่ายกลนี้
หยางเย่และผู้อาวุโสเชียนมาถึงยังค่ายกลเคลื่อนย้ายแล้ว เมื่อยามรักษาการณ์เห็นผู้อาวุโสเชียน พวกเขาได้คำนับและยืนเฝ้าต่อโดยไม่สนสิ่งใด
ค่ายกลเคลื่อนย้ายสูงประมาณสองถึงสามเมตร มีแท่นหินที่กว้างกว่าสามสิบเมตร ยิ่งกว่านั้นยังมีแสงสีน้ำเงินนับร้อยหมุนอยู่บนแท่นหิน วงกลมสีน้ำเงินคือสัญลักษณ์แทนยอดเขา แน่นอนพวกมันยังเชื่อมต่อกับสถานที่อันตรายในขุนเขาไม่สิ้นสุดด้วย หรือกระทั่งบางเมืองในจักรวรรดิต้าฉิน!
ขณะที่มองไปยังวงกลม หยางเย่ตระหนักได้ว่าจะต้องไม่เข้าไปผิดวงกลม มิเช่นนั้นมันจะส่งเขาไปยังสถานที่ที่มีสัตว์อสูรขั้นราชันในขุนเขาไม่สิ้นสุดแน่ หากเป็นเช่นนั้นเขาคงไม่อาจพาชีวิตกลับมาได้ และดูเหมือนเรื่องราวนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อนในอดีต
โชคดี นับตั้งแต่เหตุการณ์นั้นได้เกิดขึ้น แสงสีน้ำเงินทุกอันจะมีป้ายกำกับจุดหมายปลายทางเอาไว้