นิกหนึ่งในพนักงานต้อนรับของเหล่าพ่อมดแห่งหอคอยเวทมนตร์ที่ 3 ยืนอยู่ที่แผนกต้อนรับด้วยสีหน้าประหม่า
เขาไม่สามารถระงับความวิตกกังวลได้และขยับเท้ากับไอสองสามครั้งโดยไม่มีเหตุผล
เขาประหม่าอย่างช่วยไม่ได้เพราะจะมีแขกกลุ่มหนึ่งมาเยี่ยมที่หอคอยในวันนี้
ป่าใหญ่เรย์นอลส์!
แขกที่มาจากดินแดนแห่งเอลฟ์ ผู้ที่มาจากป่าใหญ่เป็นเอลฟ์แน่นอนอยู่แล้ว
และดาร์กเอลฟ์เป็นที่รู้กันว่ามีจำนวนประชากรน้อยที่สุด
เมื่อนานมาแล้วเอลฟ์และอาณาจักรคัสต์เคาได้ลงนามในข้อตกลงว่าจะไม่รุกรานซึ่งกันและกันซึ่งต่อมาได้กลายมาเป็นพันธมิตรกัน
แน่นอนว่ามีบางคนที่วิพากษ์วิจารณ์การทำสัญญาพันธมิตรนี้ ที่จริงแล้วการทำลายกำแพงทางเชื้อชาตินั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
อย่างไรก็ตามเมื่อเวลาผ่านไปแบบอคติเหล่านี้เริ่มจางหายไป
อย่างน้อยมนุษย์ที่อาศัยอยู่ในอาณาจักรก็ไม่ถือว่าเอลฟ์เป็นตัวประหลาดหรือเป็นศัตรูอีกต่อไป แต่ก็ยังคงมีความรู้สึกหวาดกลัว
ชีวิตที่ยาวนานของพวกเขา ความสามารถทางกายภาพ ความงามอันน่าทึ่งและความสามารถตามธรรมชาติและพลังติดต่อวิญญาณนั่นเหนือกว่ามนุษย์มาก
และเมื่อไม่นานมานี้พวกเอลฟ์เริ่มสนใจในเวทมนตร์ของมนุษย์ นั่นคือสาเหตุที่บางครั้งพวกเขาส่งคนของพวกเขาไปยังประเทศของมนุษย์เช่นนี้
กลุ่มเอลฟ์จะพักอยู่ที่หอคอยเวทมนตร์ที่ 3
ตามคำสั่งของราชวงศ์พวกเขาต้องแน่ใจว่าเอลฟ์ไม่ได้ขาดตกพกพร่องอะไรเลยในระหว่างที่พวกเขาอยู่ที่นี่เพื่อเรียนรู้เวทมนตร์
“อา!”
ในเวลานั้นเขาได้เห็นกลุ่มคนที่สวมเสื้อคลุมสีน้ำตาลแดงอยู่ไกลๆ
นิกสามารถรู้ได้ทันทีว่าพวกเขาเป็นเอลฟ์
ประการแรกความสูงเฉลี่ยของพวกเขาสูงกว่ามนุษย์มาก
เอลฟ์ชายคนแรกน่าจะสูงประมาน 2 เมตรได้อย่างสบายๆ และผู้หญิงก็แค่เตี้ยกว่าพวกเขาแค่เพียงหนึ่งหัวเท่านั่น
“ พวกคุณเป็นกลุ่มที่มาจากป่าใหญ่เรย์นอลส์หรือเปล่า?”
“ …”
ดาร์กเอลฟ์ที่อยู่ด้านหน้าจ้องไปที่นิกด้วยสายตาเย็นชาทำให้เขาเหงื่อออกเล็กน้อย
ดวงตาของเขาดุร้าย เสื้อคลุมของเขาที่ซ่อนอยู่คือกล้ามเนื้อที่มีสองสว่างและมั่นคง
ดูเหมือนเขาไม่เหมือนเผ่าพันธุ์ผู้รักป่าที่อ่อนโยนเลย แต่ดูเหมือนจะเป็นนักรบที่ได้เห็นสนามรบที่นองเลือดมามากมาย
‘จะ- จริงไหมที่ดาร์กเอลฟ์เป็นเผ่าพันธุ์ที่หยิ่งและก้าวร้าว?”
การจ้องมองดูเหมือนจะทำให้สมองของเขาตอบสนองแบบเดียวกับที่เขาจะได้รับเมื่อเจอกับสัตว์ประหลาด
ในเวลานั้นเอลฟ์ชายซึ่งเตี้ยกว่าคนอื่นๆ ก้าวไปข้างหน้า
“ถูกตัอง”
น้ำเสียงของเขาดูอึดอัดและหยาบกร้านเล็กน้อยซึ่งพิสูจน์ได้ว่าเขาไม่คุ้นเคยกับการใช้ภาษาของมนุษย์
“ ยะ – ยินดีต้อนรับสู่หอคอยเวทย์มนต์ที่ 3 ผมขอดูบัตรประจำตัวของพวกคุณได้ไหมครับ?”
ชายคนนั้นหยิบทับทิมออกมาจากกระเป๋าเสื้อ หลังจากที่เขาได้รับทับทิมแล้วนิกก็หยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋าเสื้อด้วย
มันเกือบจะเป็นทับทิมที่เหมือนกันกับที่เขาได้รับจากเอลฟ์
เมื่ออัญมณีทั้งสองเผชิญหน้ากันเกิดเสียงสะท้อนเล็กๆ
อูววว
นิกสังเกตแสงไฟที่มาจากอัญมณีครู่หนึ่งก่อนจะส่งคืนให้กับเอลฟ์
“ ได้รับการยืนยันแล้ว กลุ่มของพวกคุณมีทั้งหมดกี่คนครับ?”
“ 11 คน”
นิกนับเอลฟ์ทีละคนก่อนจะพยักหน้า
“ ได้รับการยืนยันแล้ว ตอนนี้ผมจะพาพวกคุณไปที่ห้องพักในหอคอย”
จากนั้นเอลฟ์ตัวเล็กที่อยู่ด้านหน้าก็พูดอีกครั้ง
“ ฉันได้ยินมาว่าคุณต้องทำการทดสอบบางอย่างก่อนจึงจะสามารถเข้าสู่หอคอยเวทย์มนต์ได้”
เขาไม่รู้ว่าเคยได้ยินมาจากที่ไหน แต่นิกยังคงพยักหน้าเพราะมันคือเรื่องจริง
“ โดยหลักการแล้วใช่ แต่แขกอย่างดาร์กเอลฟ์ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น”
“ ฉันอยากจะลอง”
“ลอง?”
“ ฉันบอกว่าฉันอยากจะลอง ฉันขอทำมันได้ไหม?”
“ เอ่อ…”
นิกกลอกตาของเขาไม่รู้ว่าเขาควรทำอย่างไรในสถานการณ์แบบนี้
ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยกับเอลฟ์ตัวเตี้ยคนนั้น
ทำไมเขาถึงอยู่นิ่งๆไม่ได้นะ?
แน่นอนว่าดวงตาที่ดุร้ายและออร่ารอบๆดาร์คเอลฟ์ทำให้เขาไม่กล้าพูดคำเหล่านี้ออกมาดังๆ
“ตกลง ถ้างั้นผมจะขอทำการทดสอบที่เรียบง่ายและรัดกุม”
“ เลียมสันทำไมนายถึงสร้างแต่ปัญหาตลอดเลย”
หญิงสาวเอลฟ์หน้าเย็นมองเขาอย่างรวดเร็วขณะที่เธอถาม
เลียมสันเอลฟ์ตัวเตี้ยตอบกลับด้วยรอยยิ้มเท่านั้น
“ คุณไม่สงสัยเหรอ? การทดสอบในมนุษย์จะแม่นยำเพียงใดและระดับปัจจุบันของเราเป็นอย่างไร?”
“ สถานะของเราอยู่ที่ประมาณ 5 ดาว นั่นคือสิ่งที่พ่อมดจากอาณาจักรบอกเราในครั้งสุดท้าย”
“ …!”
นิกรู้สึกประหลาดใจกับการสนทนาระหว่างเอลฟ์
เอลฟ์เหล่านี้อยู่ระดับ 5 ดาวทั้งหมดเลยหรือไม่?
แม้แต่ในหอคอยเองก็มีพ่อมดระดับ 5 ดาวอยู่ไม่มากนัก
‘ถ้าอย่างนั้นก็มีเพียงการทดสอบเดียวเท่านั้น’
เขาคิดว่าจะทำอะไรง่ายๆเพราะพวกเขาต้องการ แต่ตอนนี้เขารู้ว่าแล้วไม่มีอะไรเหลือให้เขาเลือกมากนักที่เขาจะใช้ทดสอบได้
ด้วยความคิดที่ซ่อนอยู่ ในที่สุดนิกจึงนำทางพวกเอลฟ์ไปที่สนามฝึกที่ชั้นหนึ่ง
มันเป็นห้องที่อึดอัดและกว้างที่สุดในหอคอย
“ การทดสอบนั้นง่ายมาก สร้างลูกบอลพลังงาน”
“ …ลูกบอลพลังงานระดับ 1 ดาว? นั่นคือการทดสอบหรือ? มันง่อยเกินไปมั้ง”
เลียมสันดูผิดหวังแต่นิกก็ส่ายหัวช้าๆ
“ ถ้าคุณทำลูกบอลพลังงานเท่านั้นละก็ใช่ แต่การทดสอบนี้ไม่ใช่แค่การร่ายเวทย์… ผมจะยกตัวอย่างของลูกบอลพลังงาน”
อูววว
ลูกบอลพลังงานปรากฏขึ้นที่มือขวาของนิกมันมีขนาดประมาณศีรษะของมนุษย์ซึ่งเป็นขนาดที่ปกติ
นิกหรี่ตาลง
สึสึ
ลูกบอลพลังงานเริ่มมีขนาดเล็กลงเรื่อยๆ
เหงื่อหยดลงใบหน้าของนิก
จากนั้นลูกบอลพลังงานก็ถูกบีบอัดให้มีขนาดเท่ากับกำปั้นของผู้ใหญ่
“ …ว้าว! คุณต้องบีบอัดลูกบอลพลังงานให้ได้ขนาดนี้เป็นอย่างน้อยก่อนที่คุณจะได้รับการยอมรับให้เข้าสู่หอคอย”
นิกยกคางขึ้นอย่างภาคภูมิใจแต่เลียมสันก็หัวเราะออกมา
“ มันเป็นการบีบอัดลูกบอลพลังงานให้ลดขนาดลง แต่มันจะมีพลังเพิ่มขึ้น นั้นไม่ใช่เรื่องยาก”
“ นี่คือการทดสอบของหอคอยเวทมนตร์มาตลอดเพราะไม่เพียงแต่ทดสอบความเข้าใจของมานาของคนๆหนึ่งเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการกระจายและความสามารถในการปรับเปลี่ยนมานาด้วย”
เลียมสันไม่สนใจคำพูดของนิกและเริ่มร่ายลูกบอลพลังงานแทน
ปากของเขาไม่ขยับแม้แต่น้อยซึ่งทำให้นิกประหลาดใจกับการไม่ต้องพูดซึ่งเขาทำได้อย่างง่ายดาย
สึสึ
และเขาประหลาดใจมากยิ่งขึ้นเมื่อเห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับลูกบอลพลังงาน
“ ฮึก…!”
ลูกบอลพลังงานที่เลียมสันสร้างขึ้นมานั้นถูกบีบอัดลงไปขนาดเท่าลูกตาของมนุษย์!
นิกรู้ดีว่าอาจมีคนไม่ถึง10 คนในชั้นนี้ที่สามารถบีบอัดลูกบอลพลังงานได้มากขนาดนี้
‘มะ – มีข่าวลือว่าพวกเอลฟ์นั้นเข้าใจเกี่ยวกับมานาอย่างน่าตกใจและดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องจริง…’
เอลฟ์คนอื่นๆ ก็ลองทดสอบเช่นกัน
ความรู้สึกว่างเปล่าดูเหมือนจะแวบขึ้นภายในหัวของนิกเมื่อเขาเห็นสิ่งนี้
ไม่ใช่แค่เลียมสัน แต่เป็นเอลฟ์ทุกคนสามารถทำสิ่งที่เขาคิดว่าเป็นบททดสอบที่ท้าทายได้อย่างสมบูรณ์แบบ
“ การทดสอบของมนุษย์ดูเหมือนจะไม่มีอะไรมากนัก”
เอลฟ์ตัวสูงพูดอย่างไม่แยแสแต่ก็ไม่ได้มีการเยาะเย้ยหรือการดูถูกในน้ำเสียงของเขา
น้ำเสียงของเขาสงบราวกับว่าเขากำลังพูดความจริงง่ายๆแค่นั้น
ถึงกระนั้นการจ้องมองของเขาก็ยังคงอยู่ที่นิก
นิกกัดริมฝีปากล่าง แต่ก็พูดอะไรไม่ออก
‘ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเขาจะมาในวันที่ฉันอยู่เวร”
เขาบอกได้เพียงแค่มองตาคู่นั้น ตอนนี้พวกเอลฟ์กำลังดูถูกเขา ไม่สิ
พวกเขากำลังดูถูกมนุษย์ทุกคน
เขาอยากจะบอกว่าไม่ เขาคนเดียวที่ด้อยกว่าและพวกเขาก็ไม่ควรดูถูกมนุษย์
อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถเปิดปากของเขาได้เลย
นิกไม่เคยเสียใจและทำอะไรไม่ถูกเพราะความขี้อายของเขา
ตอนนั้นเอง
“ นั่นคือการทดสอบใช่ไหม?”
การออกเสียงนั้นลื่นไหลนิกจึงรู้ว่าคนที่พูดไม่ใช่เอลฟ์
นิกเงยหน้าขึ้นและในเวลาเดียวกันพวกเอลฟ์ก็หันมาดูว่าใครกำลังพูด
ยืนอยู่ตรงนั้นเป็นผู้ชายผมขาว
“คุณคือ?”
เฟรย์พูดอย่างใจเย็น
“ ฉันอยากจะเข้าหอคอยนะ ”
* * *
“ ป – โปรดรอสักครู่ หลังจากที่ฉันแนะนำเรื่องต่างๆให้พวกเขาเสร็จแล้ว…”
“ไม่เป็นไร พวกเราจะรอ “
“เดี่ยวก่อนนะ…”
“ คุณไม่เข้าใจเหรอ? เราจะรออยู่ที่นี่ จนกว่าผู้ชายคนนั้นจะได้รับการทดสอบ”
เลียมสันพูดอีกครั้งช้าๆและระมัดระวังราวกับว่าเขาคิดว่าคำพูดของเขานั้นยังไม่ชัดเจนพอ
แน่นอนว่าไม่ใช่ว่านิกไม่เข้าใจสิ่งที่เขาพูด มันเป็นคำพูดที่ไม่คาดคิดว่าเขาจึงถามเพื่อความชัวร์
“ งะ- งั้นก็”
พวกเขาบอกว่าจะรอและไม่มีอะไรที่เขาจะพูดได้อีก
นิกหันไปมองชายผมขาวที่อยู่ตรงหน้าอย่างระมัดระวังมากขึ้น
‘เขาดูเด็กมาก’
อย่างมากที่สุดเขาก็น่าจะอายุร่าวๆ 20 ปี
รูปร่างหน้าตาของเขาค่อนข้างแปลกสำหรับอายุของเขา แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างมันก็ดูเหมาะกับเขาดี
“ ถ้าคุณลดลูกบอลพลังงานลงให้เหลือขนาดเท่ากำปั้นของฉัน คุณก็จะสอบผ่าน”
เฟรย์รู้ดีว่าการทดสอบคืออะไรเพราะเขาได้ตามพวกเอลฟ์มาตั้งแต่ต้น
“เป็นการทดสอบที่ง่ายและมีประสิทธิภาพ”
หากผู้คุมสอบคนไหนมีสายเฉียบคมพอในการทำหน้าทีคัดกรอง พวกเขาจะสามารถทราบคร่าวๆเกี่ยวกับความสามารถของผู้เข้าสอบได้ในทันที
เฟรย์มองไปที่เอลฟ์ด้วยสายตาที่สนใจ
เอลฟ์เรียนรู้เวทมนตร์นั่นเป็นเรื่องที่ผิดปกติ
อย่างน้อย 4,000 ปีที่ผ่านมานั่นไม่ใช่สิ่งที่เขาจะจินตนาการได้เลย
เวทมนตร์เป็นเอกสิทธิ์สำหรับมนุษย์และพวกเอลฟ์โบราณที่ภาคภูมิใจและมีเกียรติกลับมีความตั้งใจที่จะเรียนรู้ทักษะของมนุษย์
และตอนนี้แม้แต่ดาร์กเอลฟ์ที่ชอบต่อสู้ด้วยกำลังของพวกเขาก็ตัดสินใจที่จะเรียนรู้เวทมนตร์
เฟรย์ส่ายหัวเล็กน้อยแล้วพึมพำ
“ ลูกบอลพลังงาน”
อูววว
ลูกบอลพลังงานปรากฏขึ้นตรงหน้าเขา
เฟรย์อัดมันลงไปขนาดเท่ากับกำปั้นในทันที
“ เสถียรมาก คุณสอบผ่านแล้ว”
เฟรย์ลบลูกบอลพลังงานให้หายไปเร็วกว่าตอนที่มันปรากฏ
นิกรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
นี่เป็นเพราะเขาหวังไว้ในใจว่าเฟรย์จะต้องเป็นพ่อมดที่ยอดเยี่ยมแน่ๆ
‘หากมันเป็นเช่นนั้น มันก็จะช่วยลดอีโก้ของพวกเอลฟ์เหล่านั้นได้อย่างแน่นอน’
มันเป็นเพียงความหลงผิดของเขา
เขาจำได้จากบทสนทนาก่อนหน้านี้ เอลฟ์ทั้งหมดอยู่ในระดับ 5 ดาว
ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเขาคงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขา
ถ้าหากเขามีความสามารถมากจริงๆเขาคงจะไปที่หอคอยเวทมนตร์ที่ 1 หรือ 2 แทนที่จะมาที่นี่
“ คุณจะต้องกรอกเอกสาร กรุณารอที่แผนกต้อนรับ ผมต้องการพาพวกแขกเอลฟ์เหล่านี้ไป…”
“ เฮ้”
เป็นเสียงของเลียมสัน
นิกตัวสั่นโดยไม่รู้ตัวเพราะเสียงนั้นคมมาก
“ ครับ..”
“ ไม่ใช่นายแต่เป็นนายต่างหาก”
เขาชี้ไปที่เฟรย์
จากนั้นเฟรย์ก็หันไปมองเลียมสัน
“ นายมีความสามารถในการบีบอัดได้มากกว่านี้ใช่ไหม?”
เฟรย์เลิกคิ้ว
“ ทำไมนายถึงคิดอย่างนั้น?”
“สัญชาตญาณนะ”
คำตอบงี่เง่าทำให้เขายิ้มได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้พบกับดาร์กเอลฟ์
4,000 ปีก่อนคนที่เขาต่อสู้มักจะเป็นไฮเอลฟ์ พวกนี้เป็นเหมือนนักรบมากกว่าคนป่า
“ การบีบอัดลูกบอลพลังงานให้มีขนาดเท่ากำปั้นคือเงื่อนไขที่จะสอบผ่าน”
“ แสดงให้เห็นได้ไหม ฉันอยากเห็นว่านายจะสามารถบีบอัดลูกบอลพลังงานได้ไกลแค่ไหน?”
“ อย่ารบกวนฉันเลย ฉันยังมีเอกสารที่ต้องกรอกดังนั้น…”
เฟรย์ขมวดคิ้วขณะที่เขามองไปที่เลียมสันอย่างรวดเร็ว
เลียมสันสังเกตเขาอยู่สักครู่ก่อนจะเดินออกไป
นิกได้แต่มองการสนทนาของพวกเขาโดยไม่สามารถทำอะไรกับมันได้เลย
คำพูดของเฟรย์ดูเหมือนจะปลุกประสาทของเขา ดูเหมือนว่านิกจะไม่ได้ตระหนักแต่ขนทั้งหมดของเขาก็ลุกขึ้นสู้
“ ผม – ผมจะพาพวกเขาไปที่ห้องของพวกเขาก่อน กรุณารอที่แผนกต้อนรับนะครับ”
เฟรย์พยักหน้าและนิกก็เริ่มเดินนำดาร์กเอลฟ์ขึ้นบันได
“ เฮ้เจ้ามนุษย์”
เลียมสันเรียกอีกครั้ง
เฟรย์ตอบโดยไม่หันศีรษะ
“ ฉันชื่อเฟรย์ ”
“ เฟรย์…นายอยู่หอคอยนี้ด้วยเหรอ?”
“ถูกตัอง”
“ …”
เลียมสันเหลือบมองเขาอีกครั้งก่อนจะเดินขึ้นไปชั้นบนและทิ้งเฟรย์ไว้คนเดียวในสนามฝึกซ้อม
จากนั้นเขาก็ทำลูกบอลพลังงานอีกลูก
“ …เล็กลงไปอีก”
จุ๊ก!!
ขนาดของลูกบอลพลังงานค่อยๆลดลง ขนาดเท่าหัวขนาดเท่ากำปั้นขนาดเท่าตา
ลูกบอลพลังงานยังคงหดตัวจนแทบจะมองไม่เห็นด้วยสายตาของมนุษย์
“ อืมก็พอได้..”
เสียงของเฟรย์ดังขึ้นในห้องโถงที่เงียบสงบ