มหาจอมเวทย์ผู้กลับมาอีกครั้งหลัง 4000 ปี The Great Mage Returns After 4000 Years – บทที่ 84 โอดิน(4)

มหาจอมเวทย์ผู้กลับมาอีกครั้งหลัง 4000 ปี The Great Mage Returns After 4000 Years - บทที่ 84 โอดิน(4)

‘ในบรรดาอัครสาวกมีผู้ที่สามารถซ่อนพลังศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาได้ นั่นคืออัครสาวกของเดมิก็อดผู้ยิ่งใหญ่ที่เซอร์เคิลเรียกว่าอะโพคาลิปส์และลอร์ด

นั่นเป็นข้อมูลที่เขาได้รับจากริกิ

…ริกิอ้างว่าตัวเองทรยศต่อพวกเดมิก็อดแต่เฟรย์ไม่สามารถเชื่อใจได้ทั้งหมด

โดยธรรมชาติแล้วเขาเลือกที่จะเชื่อสิ่งที่ตัวเองเห็นเท่านั้น

เขาเชื่อเรื่องราวเกี่ยวกับการจำศีลของเดมิก็อดเพราะเขาได้เห็นศีรษะของอินดราที่ถูกตัดขาดด้วยตาของเขาเอง

อย่างไรก็วลีที่ริกิบอกว่า “อัครสาวกของอะโพคาลิปส์สามารถซ่อนพลังศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาได้ ” นั้นต่างออกไป

เขามีเหตุผลเพียงพอที่จะสงสัย

‘อาชูร่าเรียกโอดินว่าหุ่นเชิด’

เขาไม่รู้แน่ชัดว่าเขาหมายถึงอะไร อย่างไรก็ตามมันทำให้คำถามของเฟรย์ชัดเจนโดยปริยาย

พลังที่โอดินแสดงนั้นกลับไม่มีพลังในการคุมคามเลย

ในความเป็นจริงเฟรย์ไม่เคยรู้สึกถึงภัยคุกคามใดๆต่อชีวิตของเขาตั้งแต่พบชายคนนี้

พูดอย่างตรงไปตรงมาความพยายามในการเอาตัวรอดนั่นน้อยมากเมื่อเทียบกับลุคล์

นอกจากนี้ความสามารถของเขาก็ตื้นเกินไป มันน้อยเกินไปที่เขาจะเชื่อว่ามันคือพลังแห่งความตาย

มิฉะนั้นทำไมเขาถึงเต็มใจที่จะเรียกปีศาจออกมาในขณะที่สามารถใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ได้?

ทั้งหมดนี้ทำให้เขามีคำถามในใจหนึ่งข้อ

‘โอดินเป็นอัครสาวกจริงๆหรือ?’

เฟรย์เดินไปหาโอดินซึ่งแขนของเขานั่นเย็นชุ่มเหงื่อและกำลังสั่น

“ อัครสาวก? แกถามว่าฉันเป็นอัครสาวก? แน่นอนสิ…! ฉันเป็นอัครสาวกของลอร์ดนอซด็อกเชียวนะ!”

“ ฉันเคยได้ยินเกี่ยวกับนอซด็อกมาก่อน ”

นอซด็อกเดมิก็อดที่มีพลังแห่งความตาย

มีข้อมูลเกี่ยวกับเขามีมากมายอยู่ในเซอร์เคิล

นี่เป็นเรื่องธรรมดาเพราะเซอร์เคิลเคยเผชิญหน้าเขาและผลลงโทษที่ตามมาก็คือ…ความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่

โทรว์แมนริงผู้มีพลังเทียบเท่ากับบิ๊กทรีมุ่งหน้าไปสู่ก้นทะเลหลังจากการตายของมาสเตอร์เซอร์เคิลและการเสียผู้บริหารในเซอร์เคิลสำคัญๆหลายคนและแม้ว่ามันจะเทียบไม่ได้กับโทรว์แมนริง เซอร์เคิลอื่นๆก็ได้รับความเสียหายอย่างหนักเช่นกัน

“ มันไม่ใช่แค่การทำให้คนตายกลับมามีชีวิต ว่ากันว่าเขามักจะมีหมอกสีม่วงล้อมรอบร่างกายของเขา หากใครก็ตามที่ไม่แข็งแกร่งพอได้สูดดมหมอกนี้พวกเขาจะตายทันที”

“ คุคุ”

“ มันไม่ใช่แค่นั้นเพียงแค่สัมผัสผิวหนังและเนื้อจะถูกหลอมละลายออกจากกระดูกอย่างง่ายดายและเขายังสามารถสร้างปีศาจที่ไม่สามารถเอาชนะได้ด้วยวิธีผิดปกติ หากนายเป็นอัครสาวกแม้ว่านายจะไม่ได้มีอำนาจทั้งหมดของเขาแต่จากการวิเคราะห์ถึงพลังที่นายแสดงให้เห็นนายถือว่าอ่อนแอเกินไป”

เฟรย์มองไปที่อันเดดที่อยู่รอบตัวเขา

“ดูนี่สิ…นายลองมองไปที่อันเดดที่นายเรียกออกมาสิ นี่คือพลังทั้งหมดที่นายมีงั้นหรอ? นี่หรือคือพลังของอัครสาวกของอะโพคาลิปส์แห่งความตาย?”

“เอ่อ…”

โอดินตัวสั่น

ชายที่อยู่ต่อหน้าเขากำลังบอกว่าเขาอ่อนแอ แต่เดิมเขาคงไม่ได้คาดหวังเพียงเพราะคำพูด

แต่…เขาเริ่มที่จะรู้ว่าผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งกว่าเขามาก

[ฉันขอโทษแต่นี่เป็นทางเลือกที่นายจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิต]

คำพูดของราชาวิญญาณแห่งสายลมก่อนที่จะจากเขาไปปรากฏขึ้นในใจของเขาในทันทีนั้น

ในตอนนั้นเขาเอาแต่เยาะเย้ยคำพูดของเธอ แต่ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกไม่สบายใจราวกับว่าคำทำนายของเธอที่กำลังจะได้รับการพิสูจน์

นอซด็อกหลอกเขาจริงๆหรือ?

“ นอซด็อก…ลอร์ดนอซด็อก…!”

โอดินขานเรียกชื่อของเขา

ในขณะนั้นพลังศักดิ์สิทธิ์ก็ปะทุออกมาจากตาซ้ายของเขาและควันสีม่วงก็เริ่มถูกพ่นออกมา

ชิ้ง

‘ตาเทียม? นั่นคือสื่อที่ใช่ติดต่อ?

ควันพวยพุ่งขึ้นไปในอากาศก่อนจะเกิดเป็นรูปเป็นร่าง

เฟรย์ตกตะลึง

เขาไม่คาดคิดว่าเขาจะติดต่อกับเดมิก็อดของเขาในสถานการณ์เช่นนี้ อย่างไรก็ตามโอดินไม่สามารถคิดได้อย่างตรงไปตรงมา

เขามองขึ้นไปบนท้องฟ้าด้วยสีหน้าสิ้นหวัง เขามองไปยังคนๆเดียวที่สามารถไขข้อสงสัยของเขาได้

สิ่งนั้นยืนอยู่บนฟ้าสูงราวกับยมทูตในขณะนั้น

เป็นโครงกระดูกที่มีกระดูกสีขาวบริสุทธิ์สวมเสื้อคลุมสีดำตัดกัน

แม้แต่เฟรย์ยังรู้สึกใจสั่นเมื่อมองเข้าไปในกองไฟสีเขียวที่เผาไหม้ภายในเบ้าตาของโครงกระดูก

เหงื่อเย็นๆเริ่มก่อตัวบนหน้าผากของเขา

‘นั่นคือนอซด็อก’

เขารู้ตัวทันที

พลังของสิ่งที่อยู่ตรงหน้าทำให้เขานึกถึงริกิ

เขาพบว่ามันยากที่จะหายใจเพียงแค่มองไปที่ภาพตรงหน้าซึ่งไม่ใช่แม้แต่ร่างกายหลัก

[มีอะไร?]

“ได้โปรดบอกผมด้วยลอร์ดนอซด็อก…! ผมไม่ใช่อัครสาวกของท่านจริงๆหรือ? ”

[…]

“ ก็ผู้ชายคนนี้บอกว่าผมอ่อนแอเกินไป! เขาพูดความจริงหรือเปล่า? เขาต้องพูดเรื่องไร้สาระใช่มั้ย? ผม…ผมเป็นถึงอัครสาวกของลอร์ดนอซด็อกไม่ใช่เหรอ? ฮ่าฮ่าฮ่า!”

นอซด็อกมองไปที่โอดินที่กำลังหัวเราะอย่างเชื่องช้า

การจ้องมองของเขาสามารถคาดเดาได้จากการเคลื่อนไหวของไฟในเบ้าตาของเขา

ดังนั้นเมื่อนอซด็อกจ้องมองมาที่เขาเฟรย์จึงก้าวถอยหลังและเตรียมรับมือ

[ฉันไม่คาดคิดว่าตัวตนของโอดินจะถูกเปิดเผยเร็วขนาดนี้ น่าสนใจจริงๆนายรู้ได้อย่างไร?]

มันเป็นน้ำเสียงที่น่าสงสัย

เฟรย์ตระหนักดีว่านอซด็อกสงสัยว่าเขารู้เรื่องนี้ได้อย่างไร

“ เพราะร่องรอยที่ถูกทิ้งไว้รอบๆป่าใหญ่ไงละ ”

[นายสัมผัสมันได้? นายมีเซ้นส์ที่ดีสำหรับมนุษย์ คนแบบนั้นมีเพียงไม่กี่คนแต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่น่าเร็วขนาดนี้]

“นายพยายามจะพูดเรื่องอะไร?”

[ต้องมีคนทรยศ]

เฟรย์รู้สึกว่าโชคดีแล้วที่อีวานไม่ได้อยู่กับเขาในขณะนี้ มิฉะนั้นหากอีวานที่สามารถเดาทางได้ง่ายได้ยินคำพูดของนอซด็อกเขาจะมีปฏิกิริยาเหมือนกับว่าพวกเขาถูกจับได้แล้ว

แต่เฟรย์ไม่ใช่คนที่จะทำเรื่องผิดพลาดแบบอีวาน

เขาเงยหน้าขึ้นมองนอซด็อกด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึกราวกับจะบอกว่าเขากำลังพูดเรื่องไร้สาระ

นอซด็อกจ้องหน้าเขา

จากนั้นส่วนหัวสีขาวบริสุทธิ์ของโครงกระดูกก็เอียงไปด้านข้าง

[ถูกต้อง…ฉันคาดหวังเอาไว้แล้วว่าอีกไม่นานก็จะมีคนที่ตระหนักว่าโอดินไม่ใช่อัครสาวกของฉันจริงๆ ตามที่คาดไว้อุบายเล็กๆน้อยๆนี้จะดึงดูดความสนใจได้มากพอตัว]

‘…ไอ้นี้’

พวกอันเดดซึ่งถูกปล่อยออกมาในป่าใหญ่เรย์นอยด์เป็นเพียงเหยื่อล่อคนทรยศของเดมิก็อดเท่านั่น

ไม่ มันไม่ใช่แค่นั้น

เฟรย์มองไปที่โอดินที่จ้องมองไปที่นอซด็อกด้วยสีหน้าหวาดกลัวอีกครั้ง

“ฉันเข้าใจแล้ว”

ตั้งแต่เริ่มต้นจุดประสงค์ของการมีอยู่ของโอดินเป็นเพียงเหยื่อล่อเท่านั้น

เขาไม่แน่ใจว่ามันเป็นไปได้อย่างไรแต่เขาจะเพิกเฉยต่อโอกาสนี้ไม่ได้

ถ้าเขาสะกิดสักอีกสักหน่อยเขาอาจจะได้รับข้อมูลบางอย่างเพิ่ม

“ ฉันไม่รู้ว่านายกำลังพูดถึงอะไร นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้คุยกับเดมิก็อดแต่นายพูดมากกว่าที่ฉันคาดเอาไว้ ”

[…]

นอซด็อกสังเกตเห็นมนุษย์ที่อยู่ตรงหน้าเขา

เขามีชีวิตอยู่มาหลายหมื่นปีแล้วและไม่ใช่เรื่องยากสำหรับเขาที่จะเข้าใจความคิดของมนุษย์

หลังจากถามคำถามที่เขาตั้งใจจะเจาะลึกถึงสิ่งที่เขาอยากรู้ เขาก็จะสามารถรับรู้ความจริงได้ในทันทีจากปฏิกิริยาเพียงเล็กน้อย

นั่นคือเหตุผลที่เขาตอบสนองต่อการติดต่อของโอดินเร็วมาก

เขาแน่ใจว่าถ้ามีคนที่สามารถบังคับให้โอดินต้องจนมุมได้ถึงขนาดที่โอดินยอมเรียกตัวเขา คนพวกนั่นจะต้องเชื่อมโยงกับผู้ทรยศอย่างแน่นอน

แต่อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถอ่านใจเฟรย์ได้เลย

“ช่างน่าสงสัย”

นี่เป็นสิ่งที่นอซด็อกไม่เคยรู้สึกมานานกว่าหมื่นปี

เขาไม่สามารถบอกได้เลยว่าชายที่อยู่ตรงหน้าคนนี้กำลังคิดอะไร

หากเดมิก็อดคนอื่นได้ยินเขาพูดแบบนั้นพวกเขาอาจจะหัวเราะ แต่มันคือความจริง

เขาที่มีชีวิตอยู่มาหลายหมื่นปีแต่กลับไม่สามารถอ่านความตั้งใจของชายที่มีอายุไม่ถึง 100 ปีได้?

‘นั่นยิ่งทำให้น่าสงสัยเข้าไปใหญ่’

โอดินค่อยๆก้าวไปข้างหน้า

“ ท่านนอซด็อก…โปรดตอบผมด้วย ผมยอมโยนทุกอย่างทิ้ง ท่านจะทำแบบนี่ไม่ได้ ได้โปรด…ผมเป็นแค่หุ่นเชิด…ไม่นะ ผมคือผม…”

[แกไม่ใช่หุ่นเชิด]

นอซด็อกส่ายหัว

เมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้ดวงตาของโอดินก็สว่างขึ้น

“ ท่าน…หมายความอย่างนั้นจริงๆเหรอ? แสดงว่าผมเป็น…ของท่านจริงๆ…”

[แกไม่ใช่อัครสาวกของฉัน แกเป็นเพียงแค่เหยื่อล่อเท่านั้นและ….]

นอซด็อกชี้นิ้วไปที่โอดิน

[ไม่มีเหตุผลที่จะทำให้เหยื่อมีชีวิตอยู่เมื่อมันจับปลาไม่สำเร็จ]

“ เอ่อ…อ้าก…”

ร่างกายของโอดินเริ่มละลาย

อย่างแรกผมของเขาร่วงหล่น จากนั้นผิวหนังของเขาก็ไหลลงเหมือนน้ำและดวงตาของเขาก็หลุดออก

รูปร่างหน้าตาของโอดินซึ่งงดงามยิ่งกว่าเพเรียนหายไปในพริบตาเดียว

“ อัก อ้าก…ฮึ…!”

เขาพยายามจับผิวหนังที่หลอมละลายของเขามาร่วมตัวกันแต่มันเป็นไปไม่ได้

มือของเขาละลายเผยให้เห็นกระดูกสีขาวของเขา

“ อ๊ะ…ไม่นะ…แกกกก”

นั่นคือคำพูดสุดท้ายของโอดิน

ปุก

ร่างของเขาทรุดลงเป็นกองเลือด

เขาตายอย่างไร้ประโยชน์

เฟรย์รู้สึกว่างเปล่าเล็กน้อยภายในเพราะก่อนหน้านี่เขาเตรียมพร้อมที่จะสู้แบบเสี่ยงชีวิตกับโอดิน

เขาหันไปหานอซด็อกอีกครั้ง

อาจเป็นเพราะการตายของโอดินแต่ร่างของเขาเริ่มเบลอ

[เจ้าพวกเซอร์เคิลมันเริ่มกลายเป็นมดปลวกที่น่ารำคาญขึ้นเรือยๆ และหากผู้ทรยศตั้งใจที่จะร่วมมือกับพวกนั่น… มันก็น่ารำคาญมากยิ่งขึ้น]

เขาพึมพำเบาๆขณะที่เขาหายตัวไป

[แม้ว่ามันมีราคาที่ต้องจ่ายหากต้องการกำจัดเซอร์เคิล แต่มันก็คุ้มที่จะลบการมีอยู่ของพวกนั่นออกไป]

“ …”

ด้วยคำพูดของล้างร้าย ภาพของนอซด็อกก็จางหายไปอย่างสิ้นเชิง

เฟรย์เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า มันยังคงเป็นท้องฟ้ายามค่ำคืนที่มืดมิด

เขาอยากเห็นพระจันทร์เสี้ยวที่ซ่อนอยู่หลังก้อนเมฆจริงๆแต่มีบางอย่างที่เขาต้องทำก่อน

“ ฉันคิดว่าคุณออกมาได้แล้วละ ”

“ …”

หลังจากที่เขาพูดอย่างนั้นในที่สุดก็มีคนปรากฏตัวขึ้น

เฟรย์หันกลับไป

ผมสีขาวที่ดูเหมือนจะเปล่งประกายในความมืดและผิวที่ขาวยิ่งกว่านั้น

เธอยิ้มอย่างอ่อนโยนด้วยใบหน้าที่สวยงามของเธอ

สโนว์ดีพรีดิกวูดส์

ราชินีแห่งเอลฟ์และน้องสาวของโอดิน

“นายรู้ได้อย่างไร?”

“ คุณกำลังหมายถึงหลังจากที่คุณเปิดเผยตัวตนของคุณโดยตั้งใจนี้นะ? ”

เฟรย์ไม่ได้พูดอย่างสุภาพและสโนว์ก็ไม่ได้แสดงความไม่พอใจเพราะเหตุนั้น

แต่เธอมองเฟรย์ด้วยสีหน้าสงสัย

“ อืม”

ออร่าของเธอแตกต่างจากครั้งล่าสุดที่พวกเขาพบกันมาก

ก่อนหน้านี่ร่างกายของเธอดูเหมือนจะแสดงออกถึงความสง่างามและที่ใครๆต่างก็คาดหวังจากราชินี แต่ตอนนี้มันเหมือนกับว่าเธอเป็นคนที่แตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

ในความเป็นจริงเธอกลับดูร่าเริงมากขึ้นเล็กน้อยด้วยซ้ำ

สายตาของเธอหันไปที่ศพของโอดินซึ่งจมอยู่ในกองเลือดต่อหน้าเฟรย์

“ มันจบลงแบบนี่สินะ ”

“ …”

“ขอบคุณ สำหรับที่ให้พี่ชายที่โง่เขลาของฉันได้พักผ่อน แต่เดิมมันเป็นสิ่งที่ฉันตั้งใจจะทำด้วยมือของฉันเอง”

…นี่คือรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเธอ?

วิธีการพูดของเธอไม่ได้เปลี่ยนไปมากนัก แต่การแสดงออกของเธอนั้นแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง

“ คุณรู้ว่าเขาเป็นลูกน้องของเดมิก็อด?”

“ถูกตัอง”

สโนว์พยักหน้าและแตะเอวเรียวๆของเธอทำให้เฟรย์สังเกตเห็นดาบที่ซ่อนอยู่ตรงนั้น

“ ยังไง? ฮรูฮิราลบอกคุณใช่ไหม?”

“ ไม่ฮรูฮิราลไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับพวกเขา”

“ …ถ้าอย่างนั้น”

“ เขาเป็นคนเดียวกันที่บอกคุณเกี่ยวกับตัวตนของโอดิน”

ริกิ?

ริกิเป็นคนบอกเธอเองเหรอ?

‘ทำไม?’

เฟรย์ยังคงไม่แสดงออกแต่ซ่อนความปั่นป่วนที่เขารู้สึกไว้ข้างใน อาจเป็นไปได้ว่าเธอกำลังโกหกเพื่อหาข้อมูลจากเขา

อย่างไรก็ตามหลังจากได้ยินสิ่งที่สโนว์จะพูดต่อไปเขาก็รู้ว่าเธอไม่ได้เป็นอย่างนั้น

“ เดมิก็อดริกิมีที่พลังของดาบ มั่นใจได้เลยพ่อมดเฟรย์นายกับฉันยืนอยู่ข้างเดียวกัน”

“คุณเป็นใครกันแน่?”

“ สโนว์พรีดิกวูดส์ราชินีแห่งเอลฟ์ทั้งหมด แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่นายอยากรู้ใช่ไหม?”

สโนว์หัวเราะเผยให้เห็นฟันขาวของเธอ

“ สำหรับตัวตนของฉัน ฉันจะบอกนายเมื่อผู้สืบทอดของราชานักรบเวทย์มาถึง สำหรับตอนนี้เราต้องลงไปข้างล่าง มีบางอย่างที่เราต้องจัดการ”

“ เราต้องจัดการกับอะไร?”

“ การต่อสู้ครั้งสุดท้ายที่พี่ชายของฉันทิ้งเอาไว้”

ช่วงเวลาที่เธอยิ้มและพูดอย่างขมขื่นพลังศักดิ์สิทธิ์ก็เริ่มหลั่งไหลออกมาจากศพของโอดิน

‘เขาตายไปแล้วเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร?’

ขณะที่เขาคิดเช่นนี้เฟรย์ก็เตรียมตัวที่จะใช้มานาของเขา

สโนว์พึมพำขณะดึงดาบออกมาช้าๆ

“ ฉันพยายามฆ่าจะโอดินตอนอยู่ข้างนอกป่าใหญ่เพราะฉันกลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น แต่ตอนนี้มันหลีกเลี่ยงไม่ได้เพราะแผนการชั่วร้ายของเขาได้ถูกเปิดโปงแล้ว”

สโนว์ชี้ไปที่ตัวของโอดิน

“ นอซด็อกได้ปลูกเมล็ดพืชลงในร่างกายของโอดินในขณะที่เขาฆ่าโอดิน เขาตั้งใจที่จะใช้พลังศักดิ์สิทธิ์ที่ยังคงอยู่ในนั้นเพื่อปลุกสิ่งที่ชั่วร่ายออกมา”

ชิ

เลือดของโอดินเริ่มจับตัวกันเป็นก้อน จากนั้นมันก็บินเข้าหาเฟรย์ด้วยความเร็วมหาศาล

เฟรย์ใช้บลิ้งเพื่อหลบเลือดพวกนั่น

อย่างไรก็ตามเลือดพวกนั่นยังคงบินต่อไปและตกลงมาจากต้นไม้ราวกับว่าเฟรย์ไม่ได้เป็นเป้าหมายของมันตั้งแต่แรก

“ แค่นี่นะ?”

“ มองลงไปแล้วนายจะเข้าใจเอง”

เฟรย์ยืนอยู่บนขอบกิ่งไม้และมองลงไปยังหมู่บ้าน

The Great Mage Returns After 4000 Years มหาจอมเวทย์ผู้กลับมาอีกครั้งหลัง 4000 ปี

The Great Mage Returns After 4000 Years มหาจอมเวทย์ผู้กลับมาอีกครั้งหลัง 4000 ปี

Status: Ongoing Type: Author:
อ่านนิยาย The Great Mage Returns After 4000 Years มหาจอมเวทย์ผู้กลับมาอีกครั้งหลัง 4000 ปี เรื่องย่อ บทนำ นักเรียนที่อ่อนแอที่สุดของสถาบันเวสต์โร้ด ความอับอายของตระกูลเบลด ได้มีวิญญาณดวงใหม่เข้าสู่ร่างของเฟรย์เบลคผู้ซึ่งไม่สามารถเอาชนะชีวิตที่น่าสังเวชของเขาได้และเลือกที่จะหนีปัญหาด้วยความตาย “ ร่างกายนี้มันอะไรกัน? ฉันจะต้องเริ่มใหม่ตั้งแต่ต้น” มหาจอมเวทย์ลูคัสโทรว์แมนกับร่างของเฟรย์เบลคได้รับโอกาสในการแก้แค้นอีกครั้ง! เรื่องย่อ “ เฟรย์อาจฆ่าตัวตาย” ศาสตราจารย์ดิโอรู้สึกปวดหัวเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น มันจะดีกว่าถ้ามันเป็นแค่เรื่องตลก แต่ไม่มีนักเรียนคนไหนในสถาบันที่หน้าด้านพอที่จะเล่นตลกแบบนี้กับเขา กล่าวอีกนัยหนึ่งนักเรียนคนนี้กำลังพูดความจริง “ บอกฉันสิว่าเกิดอะไรขึ้น” นักเรียนตัวสั่นเมื่อน้ำเสียงของเขาเยือกเย็น “ มันเกี่ยวกับเดวิดและพวกของเขา…” เดวิด เมื่อพูดชื่อนั้นดิโอก็ถูกควบคุมด้วยอาการปวดหัวที่เลวร้ายลงเรื่อยๆ เดวิดสโตนฮาซาร์ด แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงนักเรียนชั้นปีที่สอง แต่เขาก็ยังเป็นนักเรียนที่ ดีโอกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิด เขาไม่ใช่บุคคลที่มีเจตนาดี ความจริงที่ว่าพ่อแม่ของเขามีความสำคัญต่อศาสตราจารย์เนื่องจากบ้านของดิโอมีชื่อเสียงที่โดดเด่นและฐานะที่คล้ายคลึงกัน ยิ่งกว่านั้นตั้งแต่เข้ามาในสถาบันเดวิดก็ไม่สามารถต่อต้านเขาได้อย่างเปิดเผยแม้ว่าเขาจะเป็นลูกของท่านดยุคก็ตาม ปัญหาคือเดวิดนั้นเจ้าเล่ห์มาก เขารู้วิธีใช้เส้นสายของพ่อแม่อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดและเก่งในการค้นหาวิธีต่างๆในการใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ของกฎในโรงเรียน ยิ่งไปกว่านั้นเขาเป็นคนเลวทราม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขายังแสดงความคลั่งไคล้ในการเหยียบย่ำผู้ที่อ่อนแอกว่า มันเป็นความจริงที่ทุกคนรับรู้ แต่ไม่เคยถูกพูดถึง เฟรย์ซึ่งถูกทิ้งโดยครอบครัวของเขาเป็นเหยื่อที่ดีที่สุดสำหรับเดวิดในการปลดปล่อยความปรารถนาอันมืดมนในใจของเขา “ เดวิดทำอะไรลงไปหรือ?” “ เขาบอกว่าเขาจะหักแขนทั้งสองข้างของเฟรย์ในบ่ายวันพรุ่งนี้ในระหว่างการฝึกภาคปฏิบัติ” “ แขนทั้งสองข้าง?” “นั่นไม่ใช่ทั้งหมด เขาวางแผนที่จะบดขยี้เส้นเสียงและทำให้เฟรย์ตาบอด…เพื่อทำให้เขาไม่สามารถใช้เวทมนตร์ได้อีกเลย”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset