มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์ (Mutagen) – ตอนที่ 5 : ความหวั่นวิตกและความสับสน

ตอนที่ 5 : ความหวั่นวิตกและความสับสน

 

“เวร! ทำไมต้องเป็นที่คออีกแล้ว?!”

 

มาร์คเสียดายที่ยิงพลาดเป้า เขาก็ยังคงจัดการกับสิ่งที่ต้องจำเป็นต้องทำอยู่ดี มากไปกว่านั้น กระสุนที่ยิงออกไปทะลุเข้าซอมบี้ตัวอื่นๆที่อยู่ข้างหลัง

 

เขาไม่เคยมีประสบการณ์จริงหรือการฝึกฝนในการใช้ปืนสำหรับสถานการณ์ต่างๆมาก่อน และสิ่งที่เขารู้คือความรู้ที่ได้รับมาจากในอินเทอร์เน็ตและวิดิโอเกมเพียงเท่านั้น ตั้งแต่เหตุการณ์เมื่อสักครู่ เขาก็เริ่มไม่มั่นใจกับความแข็งแร็งของแขนเขาที่จะรับแรงดันจากการเหนี่ยวลูกกระสุนไหว มาร์คเล็งปืนต่ำลงไปอีกเพื่อที่แรงดันลูกกระสุนปืนจะพอดีกับเป้าหมายที่เล็งไว้ เขาคงคิดว่าคงจะสามารถยิงโดนศรีษะของพวกมันได้

 

อย่างไรก็ตาม มันก็ไม่เหมือนที่เขาคิดเอาไว้ แรงดันลูกกระสุนปืนนั้นเบากว่าที่เขาคิดไว้ และอาจจะเป็นเพราะว่าเขาค้ำแรงดันลูกกระสุนมากเกินไปจนแรงดันมันหดตัวลง หลังจากทั้งหมดนั้นแขนของเขาก็ไม่ได้อ่อนแรงลงด้วย

 

ชายสามคนที่วิ่งหนีห่างออกไปสักระยะหยุดทันทีเมื่อได้ยินเสียงยิงปืน เขามองไปที่มาร์คด้วยความชื่นชม แม้ว่าฉากของมาร์คในตอนนั้นค่อนข้างที่จะดูย่ำแย่อันตราย เขาต้องยืนประจันหน้าอยู่กับศพที่ปราศจากศรีษะและมันก็เลือดไหลออกมาไม่หยุดหย่อน

 

หลังจากนั้นพวกเขาเห็นมาร์คถอยออกมาทางพวกเขาอย่างรวดเร็ว พวกเขาก็เลยต่างต้องวิ่งหนีต่อ

 

มาร์คไม่กล้าที่จะเสี่ยงปล่อยอยู่ตรงนั้นได้นานกว่านี้อีกแล้ว พวกซอมบี้มาถึงชั้นสามทางฝั่งตะวันออกแล้ว จากตำแหน่งของเขา เขาสามารถเห็นผู้รอดชีวิตร้องตะโกนในขณะที่พวกเขากำลังปีนขึ้นไปที่บันได้เลื่อนในโซนกลางพื้นที่ของห้างสรรพสินค้า

 

เนื่องจากชายทั้งสามคนนั้นต้องลากรถเข็นอาหารไปด้วย มาร์คจึงไล่ตามพวกเขาไปได้โดยง่ายดาย พวกเขาใกล้ถึงกลางพื้นที่ของห้างสรรพสินค้า จึงเห็นเหตุการณ์ที่เป็นอยู่

 

คนจากชั้นล่างที่พยายามเอาชีวิตรอดกำลังขึ้นมาที่ชั้นสามกันเป็นโขยงเหมือนที่หนูที่แตกรังออกมา พวกเขาร้องตะโกนและผลักคนอื่นๆไปด้วย ในขณะที่บางคนก็ช่วยไม่ได้พลัดตกลงมาจากการที่โดนผลัก ผู้รอดชีวิตบางคนที่สวมใส่เสื้อผ้าสีอ่อนก็จะเห็นได้ว่าพวกเขาวิ่งหนีไปโดยมีลายรอยเท้าที่ถูกเหยียบย่ำอยู่บนเสื้อพร้อมกับร่างกายที่สาหัส

 

ยังคงเป็นจำนวนคนที่น้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับจำนวนคนที่มาร์คเห็นว่าวิ่งหนีลงไปชั้นล่างในตอนแรก มันง่ายที่จะเดาว่าเกิดอะไรขึ้นกับคนพวกนั้นที่ไม่ได้เปลี่ยนใจวิ่งหนีมาที่ชั้นบน

 

เหล่าคนที่ไม่เคยหนีออกไปจากชั้นสามพยายามอย่างมากที่จะบอกทางให้กับคนอื่นๆ แต่มีไม่กี่ผู้รอดชีวิตที่กำลังตื่นตระหนกอยู่จะสนใจพวกเขา ส่วนใหญ่พวกเขานั้นแทบไม่ฟัง เอาแต่วิ่งหนีตะเกียกตะกายเหมือนแมลงเพื่อหาที่หลบภัยของตัวเอง

 

หญิงคนที่มาร์คพยายามเข้าไปหาก่อนหน้านี้เป็นคนที่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ดีที่สุดในการช่วยเหลือผู้รอดชีวิตซึ่งต้องอุ้มเด็กเล็กไปด้วย เธอพยายามชี้ให้เข้าไปหลบภัยบริเวณโซนขายสินค้าเทคโนยี

 

หลังจากนั้นมีชายอ้วนใหญ่ซึ่งมีใบหน้าที่ดูไม่เชื่อฟังใครและเจ้าเล่ห์ เขาวิ่งมาด้วยความตื่นตระหนกกลัวและหอบอย่างหนัก และเขานั้นได้วิ่งชนผู้หญิงล้มลงไป

 

“หลีกทางไป!”

 

ชายอ้วนตะโกนออกมาและวิ่งต่อไปเรื่อยๆหลังจากที่สบถออกมา ข้างหลังเขามีชายร่างใหญ่กำยำสูงและสวมชุดสูทใส่แว่นตามมาด้วยกัน

 

มาร์คเบะหน้ากับการได้เห็นพวกคนโง่เง่านี้วิ่งหนีเหมือนหนูที่จะถูกไล่จับออกมาจากรังพวกมัน

“อ่าาาาห์!!!!!! ช่วยด้วย!!!!”

 

ผู้ชายที่ปีนมาที่บันไดเลื่อนคนสุดท้ายตะโกนร้องลั่นในขณะที่ซ้อมกำลังพยายามจะจับเขา เขาเห็นซอมบี้จับและลากเขาจากข้างหลัง เสียงตะโกนร้องอันโหยหวนของเขาก็เปล่งเสียงออกมาอยู่ได้ไม่นาน เสียงก็เบาลงไปในขณะที่เขาตกลงไปที่บันไดเลื่อนในตอนที่ดิ้นเอาชีวิตรอด เขาตกลงไปพร้อมซอมบี้ที่ได้จับเขาและพวกซอมบี้ที่อยู่ข้างหลังก็ล้มตามกันลงไปเหมือนโดมิโน่

 

เหตุการณ์นี้มันเป็นภาพที่น่าหดหู่ แต่ก็พูดได้แค่เพียงว่าคนคนนั้นช่างโชคร้ายที่เขาต้องเจอจุดจบแบบนี้ก่อนที่ใครจะสามารถเข้าไปช่วยเขาได้ทัน แต่ดูจากสถานการณ์แล้วก็ไม่มีใครที่จะสามารถกล้าเข้าไปช่วยเขาได้ ในขณะที่คนรอบตัวก็พากันหนีกันอย่างอลหม่านวุ่นวาย

 

ถึงอย่างนั้น การตายของเขาก็ทำให้ดึงเวลาเข้ามาเพิ่มสำหรับคนที่อยู่บนชั้นสาม

 

ในขณะที่มาร์คและชายสามคนนั้นได้วิ่งมาถึงโซนกลางห้างสรรพสินค้า เสียงร้องตะโกนส่วนใหญ่มาจากฝั่งทางด้านตะวันออกของชั้นสาม

 

ทุกคนหยุดขณะที่เห็นคนเกือบสิบคนวิ่งหนีมาจากทางนั้น และข้างหลังพวกมีพวกซอมบี้หลายตัวที่ดูรวดเร็ววิ่งไล่ตามพวกเขาอยู่

 

ผู้รอดชีวิตที่เพิ่งมาถึงชั้นนี้สีหน้าเปลี่ยนเป็นบึ้งตึงทันทีเมื่อเห็นการที่พวกเขาถูกล้อมและพวกเขาก็ไม่รู้ที่จะทำยังไงเช่นกัน

 

ณ เวลานี้ มาร์คมองไปรอบๆตัวเขา ส่ายหัวพร้อมกับสั่งการกับชายสามคนที่อยู่ข้างหลังเขา

 

“นายสองคน นำรถเข็นเข้ามา และนาย…”

 

เขามองดูว่าใครในสามคนนั้นเหมาะที่จะสามารถทำอะไรได้มากที่สุด

 

“ไปเอาถังดับเพลิงและตามฉันมา”

 

เขาถือปืนขึ้นไว้ข้างตัวอีกครั้ง มาร์คเดินตรงไปทางที่ผู้รอดชีวิตจากฝั่งตะวันออก ในขณะที่สามคนนั้นทำตามคำสั่งของเขาโดยไม่ลังเล

 

สองคนที่ทำหน้าที่ดูแลรถเข็น สลับจากการดันรถเข็นเป็นวิธีการลากจากข้างหลังแทน พวกเขาโบกมือส่งสัญญาณให้พวกคนที่กำลังสับสน การได้เห็นจำนวนอาหารในรถเข็นที่ทั้งสองคนนั้นกำลังลากไป ผู้คนข้างในที่อยู่ในชั้นนี้ก็เริ่มดึงสติกลับมาได้ คนอื่นๆที่ไปหาข้าวของจำเป็น หาได้เพียงพวกถุงพลาสติกไม่กี่ใบหรือกล่องอาหารเล็กๆ แต่ในรถเข็นที่ทั้งสองคนนั้นนำมาเต็มไปด้วยกล่องอาหารขนาดใหญ่

 

มาร์คเองก็โบกมือส่งสัญญานให้คนอื่นๆ ในขณะที่ชายที่ถือถังดับเพลิงตามเขาไปอย่างใกล้ชิด เมื่อเขาผ่านหญิงที่ได้ล้มลงไปก่อนหน้านี้ เขาก็หยุดเดินไปสักพัก

 

“เข้าไปข้างในและดูแลคนที่เชื่อฟัง สำหรับคนอื่นๆ ปล่อยพวกเขาไว้ถ้าพวกเขาคิดจะทำอะไรที่โง่เง่า”

 

“แต่-”

 

“ไม่มีแต่หรอก เอาเป็นว่ารีบๆล่ะ พวกเรากำลังเสียเวลากันอยู่ที่นี่ จริงฉันไม่ได้สนใจพวกคุณ แต่ถ้าซอมบี้มาถึงก่อนที่คุณจะได้เข้าไปในโซนสินค้าไอที ก็อย่าหวังว่าจะรอดชีวิต พวกคุณตายหมดแน่นอน สิ่งนี้จะเกิดขึ้นไหม ขึ้นอยู่ที่คุณ”

 

เขาไม่รอคำตอบ มาร์คได้เดินต่อไปทันที ชายที่ตามหลังเขามานั้นก็ได้ยินสิ่งที่มาร์คพูดไปด้วยแต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร ตอนนี้เขามีหน้าที่ทำตามคำสั่งของมาร์ค

 

หญิงคนที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังนั้นก็ลังเลอยู่สักพัก ในที่สุดเธอก็มองไปที่ผู้รอดชีวิตที่อยู่ในภาวะสิ้นหวัง เธอกัดปากและตะโกน แม้ว่าเธอจะมีความคิดโง่ๆที่จะช่วยเหลือคนพวกนั้น แต่สิ่งที่มาร์คพูดนั้นก็ถูก ขณะที่เธอตะโกนออกไป น้ำเสียงของเธอก็เปลี่ยนไปกลายเป็นน้ำเสียงที่เป็นการออกคำสั่งขึ้นมาแทน

 

“สำหรับคนที่ต้องการจะมีชีวิตรอด รีบๆตามพวกเรามา! หรือจะกลายไปเป็นอาหารของพวกมันก็แล้วแต่!”

 

จากนั้นเธอก็จากไปขณะที่พาเพื่อนร่วมงานเธอไปด้วย เพื่อนร่วมงานของเธอต่างก็ตกใจกับการเปลี่ยนทัศนคติและท่าทางของเธอ

 

ผู้รอดชีวิตทุกคนต่างก็พูดไม่ออกสำหรับเหตุการณ์เมื่อสักครู่ ทุกคนต่างก็เร่งรีบตามกันไปในทันที ท่ามกลางผู้คนนั้น ชายอ้วนนั้นแทรกตัวเองผ่านคนอื่นๆที่อยู่นำหน้าเขาไป และแทรกหญิงคนที่เขาผลักล้มไปก่อนหน้านั้นอย่างหน้าไม่อาย

 

หลังจากที่ทุกคนได้เข้ามา เหล่าพนักงานยังคงอยู่ข้างทางเข้าและปิดบานประตูเอาไว้ครึ่งหนึ่งเพื่อรอมาร์คพร้อมกับชายสามคนที่ไปด้วยกันกับเขา และผู้รอดชีวิตคนอื่นๆที่ต้องการความช่วยเหลือ

 

เมื่อเป็นเช่นนั้น

 

“ทำบ้าอะไรกันอยู่? ปิดประตูได้แล้ว!”

 

ชายอ้วนก็ตะโกนออกมา เขาพูดหอบน้ำลายกระเด็นออกมาจากปาก

 

“นายกำลังพูดอะไรน่ะ? พวกเรายังมีคนอื่นที่อยู่ข้างนอกอีก และนายเป็นใครมาสั่งว่าเราต้องทำอะไร?!”

 

หนึ่งในพนักงานที่เฝ้าประตูทางเข้าตะโกนกลับออกไป

 

“ฉันไม่สนใจพวกเขาหรอก! ปิดประตูบ้านั่นเร็วๆ ก่อนที่พวกซอมบี้มันจะเข้ามา!”

 

ด้วยความเกรี้ยวกราด พวกพนักงานที่เฝ้าประตูเตรียมจะสอนบทเรียนให้ไออ้วนนั่น แต่พวกเขาก็ต้องถอยกลับมาด้วยใบหน้าที่ซีดเซียว

 

ตรงหน้าชายอ้วนนั่น มีชายที่สวมใส่เสื้อสูทและแว่นตาได้เล็งปืนสั้นไปที่พวกพนักงาน

 

มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์

มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์

เรื่องย่อ เป็นเช้าอีกวันที่คล้ายจะปกติธรรมดาเหมือนในทุกๆวัน แต่ใครจะรู้ล่ะ วันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะ จุดกำเนิดเริ่มต้นของหายนะนั้นไม่ได้ถูกกำหนดเอาไว้ แต่หารู้ไม่ เชื้อหายนะนั้นเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่เกิดจักรวาลแห่งนี้ แต่นั่นก็แค่เกิดขึ้นบริเวณนอกบรรยากาศของโลกเพียงเท่านั้นเอง ผู้คนและสัตว์ต่างๆกลับฆ่าฟันและกินกันเอง จากนั้นค่อยๆกลายพันธุ์เป็นสัตว์ประหลาดที่ใครๆต่างก็รู้จักชื่อนี้ดี ‘ซอมบี้’ ในขณะที่บางคนนั้นโชคดีได้รับพลังและทักษะความสามารถที่จะต่อสู้กับมัน ทุกๆชีวิตในตอนนี้ที่ไม่ได้ ‘กลายร่าง’ ก็เริ่มพัฒนาหาวิธีทำลายล้างและหยุดเรื่องราวทั้งหมดนี้ในขณะที่โลกทั้งใบนี้กำลังติดเชื้อโดยสารก่อการกลายพันธุ์บางอย่าง มาร์ค ชายผู้เป็นโอตาคุ เกมเมอร์ และไม่ชอบออกไปสู่โลกภายนอก กลับติดแหงกอยู่ใจกลางแห่งความหายนะซึ่งดูเหนือธรรมชาติ การใช้ความคิด ความรู้ และความสามารถที่ไม่เหมือนใครและไม่เป็นไปตามแบบแผนของสังคมของเขานั้น จะทำให้เขามีชีวิตรอดไปอีกนานแค่ไหนกับหายนะที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดซอมบี้ การเปลี่ยนแปลงต่างๆ และผู้คนชั่วร้ายสารเลวในฐานะผู้ที่ยังรอดชีวิตอยู่ในประเทศบ้านเมืองที่มีประชากรล้นเหลือแบบนี้

Comment

Options

not work with dark mode
Reset