มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์ (Mutagen) – ตอนที่ 12 : พักไปหนึ่งยก

ตอนที่ 12 : พักไปหนึ่งยก

 

มาร์คได้จัดการกับพวกซอมบี้ที่เหลือได้อย่างง่ายดาย เนื่องจากการหลบเลี่ยงพวกซอมบี้ที่แสนเชื่องช้านั้นมันง่ายเกินไป เว้นแต่ว่าเขาจะถูกพวกมันล้อมรอบเป็นจำนวนมากเกินไปจนนับไม่ได้ หรือถูกพวกมันไล่ล่าโจมตีจนไม่สามารถขยับหนีไปไหนได้ แต่การหนีออกมาจากพวกซอมบี้ในลักษณะนี้ก็ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปาก ซอมบี้เหล่านี้มันไม่ใช่โคตรซอมบี้ที่เหมือนในซีรีย์หรือภาพยนตร์ประเภทวันหายนะโลกของอเมริกัน

 

ระหว่างทางก็มีซอมบี้แค่สองสามตัว กลุ่มของพวกเขามาถึงยังประตูทางเข้าโรงภาพยนตร์ ในนี้มีโรงภาพยนตร์หลายฮอลที่สามารถเข้าได้โดยเฉพาะลูกค้าที่มีตั๋วภาพยนตร์ แต่ในตอนนี้โรงภาพยนตร์ที่นี่ดูเหมือนเป็นสถานที่ที่วิญญาณสิงสถิตยังไงอย่างงั้น

 

เมื่อพวกเขาได้มาถึง มาร์คก็มองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง และสังเกตุเห็นประตูเลื่อนพับอัตโนมัติที่ได้ยื่นออกมาจากเพดาน เขาสะกิดไหล่พนักงานชายที่อุ้มแม่เด็กและชี้ไปที่ประตู

 

“นายรู้วิธีปิดมันมั้ย?”

 

ทุกคนมองขึ้นไปยังสิ่งที่มาร์คชี้และเห็นประตูเหล็กที่อยู่บนเพดาน พวกเขาคิดว่านั่นอาจจะเป็นสิ่งที่ช่วยทำให้ทุกคนปลอดภัยมากขึ้น พวกเขาทุกคนก็มองไปที่พนักงานชายด้วยเช่นกัน การที่เขาถูกจ้องมองไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวังทำให้เขารู้สึกอึดอัดใจ เขาไดด้ส่ายหัว

 

“ผมไม่รู้ว่าจะเอามันลงมายังไง”

 

เมื่อพนักงานชายเห็นดวงตาที่แสนโศกเศร้าประกายออกมาจากทุกคน เขาก็รีบอธิบายโดยทันที

 

“หน้าที่ของผมคือการส่งมอบสินค้าที่มาจากคลังสินค้า กล่องสินค้าส่วนใหญ่จะถูกส่งไปที่ร้านขายสินค้า ดังนั้นผมจึงไม่เคยมีโอกาสเข้ามาในสถานที่ทำงานตรงนี้ และผมก็เริ่มทำงานที่นี่ได้ไม่นานเอง”

คนอื่นก็เข้าใจในสิ่งที่เขาได้อธิบายในทันที

 

“น่าเสียดายนะ เรามาลองมองดูรอบๆดีมั้ย? เราอาจจะหาวิธีที่ที่สามารถปิดมันได้ก็ได้ ถ้าเราสามารถที่จะเก็บตัวไว้ที่นี่ได้ บางทีเราอาจจะไม่จำเป็นต้องไปประตูทางเข้าที่นั่นแล้ว? แล้วก็ที่นี่ก็อาจจะมีอาหารอยู่ด้วย?”

 

แองเจได้โพล่งความคิดเห็นของเธอออกมา แต่ก็ถูกมาร์คเมินทิ้งไปโดยการที่เขาส่ายหัวให้กับความคิดเห็นของเธอ

 

“เราไม่มีเวลามากพอที่จะได้มองดูอะไรหรอก โรงหนังที่นี่มีหลายห้องเกิน และเป็นความคิดที่แย่ด้วยที่จะมาเก็บตัวอยู่ที่นี่”

 

หลังจากนั้นเขาก็เดินผ่านเธอไป เขาหยิบกระเป๋าออกมาไว้ที่เคาเตอร์อาหารและกระโดดไปที่เคาเตอร์ เขาเปิดตู้เย็นและมองหาเครื่องดื่มและหยิบมันมาวางไว้บนเคาเตอร์ และให้ทุกคนมาหยิบไปคนละหนึ่งขวดก่อนที่เขาจะมองไปที่ทางเข้าของโรงหนัง

 

ข้างนอกนั่นเขายังคงเห็นพวกซอมบี้ที่ไล่ตามพวกเขาอยู่ พวกมันเป็นประเภทซอมบี้ที่เคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า พวกเขายังพอมีเวลาให้พักหายใจอยู่บ้าง

 

พนักงานชายปล่อยแม่เด็กลง และพอลลานำเด็กมานั่งตรงเคาเตอร์ แม่เด็กหยิบขวดน้ำผลไม้และนำหลอดดูดเจาะให้ลูกสาวของเธอดื่ม พนักงานและพอลลาได้หยิบกระป๋องน้ำโค้ก ในขณะที่แองเจได้จ้องไปที่มาร์คด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง

 

“เธอมองอะไร?”

 

แน่นอนว่ามาร์คจะต้องถามออกมา

 

“ฉันต้องการเครื่องดื่มเหมือนคุณ”

สิ่งที่มาร์คกำลังดื่มคือเครื่องดื่มชูกำลัง เขาไม่ได้เอาเครื่องดื่มนี้วางไว้บนโต๊ะ เพราะพวกผู้หญิงนั้นไม่ค่อยดื่มกัน และพนักงานชายก็กำลังมองหาโค้ก เมื่อเธอขอเครื่องดื่มชูกำลังนี้ มาร์คจึงหยิบอีกขวดและโยนมันไปให้เธอซึ่งเธอก็รับมันได้อย่างคล่องแคล่ว

 

เธอกระดกเครื่องดื่มชูกำลังเข้าไปเต็มปากของเธอโดยเธอไม่คำนึงเลยว่าหน้าตาเธอจะออกมาเป็นอย่างไรและเธอก็ดื่มมันหมดภายในรวดเดียว หลังจากนั้นเธอก็ปล่อยลมหายใจที่รู้สึกพอใจออกมา เธอหันไปหามาร์คและกำลังจะถามคำถามบางอย่าง แต่อยู่ๆเขาก็หายไปแล้ว เธอหันไปทางเคาเตอร์และเห็นเขากำลังก้มหาอะไรบางอย่างอยู่

 

“คุณหาอะไรน่ะ?”

 

“เราควรแพ็คอาหารที่นี่ ผมเลยหาถุงหรืออะไรก็ได้ที่เราสามารถใช้มันได้ ที่นี่มีแต่ถุงกระดาษเล็กๆและกล่องกระดาษ”

 

“หะ ถุงงั้นหรอ? พวกเราทิ้งของพวกเราไปแล้วที่โซนอาหารฟาสต์ฟู้ดที่ชั้นสองตอนที่พวกเราหนีออกมา” แองเจนึกขึ้นมาได้พร้อมกับมองไปที่พอลลาที่รู้สึกท้อแท้อยู่ด้วยเช่นกัน

 

จากนั้นมาร์คก็เปิดตู้ตรงเคาเตอร์ที่เรียงติดกัน ข้างในมีเป้สะพายหลังอยู่สองใบและมีกระเป๋าสะพายข้างใบเล็กๆ ทันใดนั้นเขาก็ได้เอาของออกมาจากตู้ทั้งหมดและเอาแค่กระเป๋าทั้งหมดออกมา เขานำกระเป๋านั่นให้แองเจ

 

“พวกคุณเอาอาหารใส่กระเป๋านี่”

 

มาร์คมองไปที่เคาเตอร์และตู้อื่นๆที่เต็มไปด้วยอาหาร มันยังมีตู้ขายขนมที่ถูกรื้อเอาออกมา เขาเริ่มจำได้ว่ากลุ่มพนักงานก่อนหน้านั้นที่เขาเห็นมาจากทางนี้ได้ถือถุงพลาสติกและกล่องที่เต็มไปด้วยอาหาร

 

เขาไปเอาไม้เบสบอลที่แองเจวางไว้หน้าทางเข้าซึ่งมันก็เปื้อนเต็มไปด้วยหยดเลือด ซอมบี้หลายตัวเริ่มใกล้เข้ามาในนี้และเขาจำเป็นที่จะต้องจัดการกับพวกมันก่อน

 

แองเจทำสีหน้าไม่พอใจ ในขณะที่พอลลาก็เลิ่กคิ้วขึ้นเล็กน้อย ทัศนคติของมาร์คนั้นเริ่มไม่น่าทน แต่พวกเขาก็พูดอะไรไม่ได้ เพราะเขาเป็นคนที่ช่วยให้ทุกคนปลอดภัยและเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะถกเถียงกัน ซึ่งตรงกันข้ามกับพนักงานชายและแม่เด็ก พวกเขาไม่ได้สนใจอะไรเกี่ยวกับทัศนคติของมาร์ค พนักงานชายเห็นว่ามาร์คคือคนที่สามารถนำพวกเขาไปยังที่ที่ปลอดภัยได้ ในขณะที่แม่เด็กนั้นเห็นว่าทุกคนในกลุ่มนี้คือคนที่ช่วยชีวิตเธอและลูกของเธอไว้ได้ ถ้าพวกเขาไม่มาช่วยเธอ ป่านนี้เธอคงได้ตายหรือแย่กว่านั้นคงเป็นซอมบี้ไปแล้ว

 

ขณะที่เด็กน้อยไม่สามารถพูดอะไรได้ เธอรู้เพียงแค่ว่ามีบางสิ่งบางอย่างที่น่ากลัวกำลังเกิดขึ้น และสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวจะกัดกินหากถูกมันจับได้ เด็กน้อยทำได้แค่ดื่มเครื่องดื่มของเธอในขณะที่เธอก็มองแม่ของเธอด้วยความเงียบ ดีที่เด็กน้อยนั้นหยุดร้องไห้แล้ว

 

หลังจากนั้นมาร์คก็ได้กลับมา ไม้เบสบอลของเขาเต็มไปด้วยหยดเลือดและเสื้อแจ็คเก็ตสีดำของเขาก็มีหยดเลือดแดงเปื้อนเต็มไปหมด แม้ว่าพวกซอมบี้จะไม่โผล่ออกมาในตอนนี้ แต่ลักษณะที่ปรากฏออกมาของเขาก็ทำให้คนที่จิตใจอ่อนไหวสามารถกลัวขึ้นมาได้

 

กระเป๋าก็เต็มไปด้วยอาหารและขวดเครื่องดื่ม พนักงานชายและพอลลาสะพายกระเป๋าเป้กันคนละใบ ในขณะที่กระเป๋าสะพายข้างใบเล็กนั้นแม่เด็กได้นำไปถือ

 

มาร์คมองไปที่แม่เด็กซึ่งยืนอยู่ข้างหน้าลูกของเธอ เขาสังเกตุได้ว่าข้อเท้าที่แพลงของเธอได้แปะด้วยแผ่นระบายความร้อน

 

จากนั้นเขาก็มองไปที่แองเจด้วยท่าทางที่ดูสงสัย

 

ในขณะเดียวกันแองเจก็เห็นว่ามาร์คนั้นมองคนอื่นที่กำลังแพ็คของถือกระเป๋าก่อนที่มาร์คจะมองเธอด้วยท่าทางแบบนั้น แน่นอน เธอก็เข้าใจสายตาที่เขามองมาในทันที

“ฉันไม่สามารถสู้ได้อย่างเต็มที่ ถ้าหากฉันต้องแบกของหนักๆไปด้วย คุณรู้ใช่มั้ย?”

 

มาร์คเดินผ่านเธอไปแบบเมินเฉยคำพูดของเธอ จากนั้นเขาก็หยิบกระเป๋าขึ้นมาบนเคาเตอร์และสะพายไปที่ไหล่ของเขาก่อนจะตอบกลับไป

 

“ผมว่าผมก็ไม่ได้ขอร้องอะไรคุณไปเลยนะ”

 

ครั้งนี้หน้าของแองเจก็แดงขึ้นมา ถึงแม้ว่าสิ่งที่มาร์คพูดนั้นไม่มีข้ออ้างที่จะปฏิเสธ เธอสูดลมหายใจเข้าอย่างแรง ในขณะที่มาร์คก็ได้สะพายกระเป๋าใบหนักซึ่งทำให้เธอรู้สึกขายหน้าอย่างมาก

 

ในหัวของเธอ เธอได้ยินมาร์คพูดบางสิ่งบางอย่างเช่น “ผมทั้งสู้และก็แบกของหนักๆนี้ด้วย” แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดมันออกมาก็ตาม

 

ในขณะที่เธอตกอยู่ในห้วงความคิดของเธอ ก็มีมือมาสกิดที่ไหล่ของเธอให้ตื่นตั้งสติขึ้น

 

“เฮ้ แองเจ เธอกำลังคิดอะไรอยู่น่ะ?”

 

พอลลาได้ถามเมื่อเธอสะกิดไหล่ของแองเจ

 

แองเจที่เพิ่งได้สติออกมาจากความคิดของเธอเห็นว่ามาร์คและคนอื่นๆกำลังเดินไปแล้ว เธอจึงเก็บอารมณ์ของเธอและตอบเพื่อนของเธอไป

 

“ไม่มีอะไรหรอก ไปกันเถอะ”

 

จากนั้นเธอก็ได้ดันตัวเพื่อนที่กำลังสับสนกับท่าทางของเธออยู่ให้ตามคนอื่นๆในกลุ่มไป

มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์

มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์

เรื่องย่อ เป็นเช้าอีกวันที่คล้ายจะปกติธรรมดาเหมือนในทุกๆวัน แต่ใครจะรู้ล่ะ วันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะ จุดกำเนิดเริ่มต้นของหายนะนั้นไม่ได้ถูกกำหนดเอาไว้ แต่หารู้ไม่ เชื้อหายนะนั้นเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่เกิดจักรวาลแห่งนี้ แต่นั่นก็แค่เกิดขึ้นบริเวณนอกบรรยากาศของโลกเพียงเท่านั้นเอง ผู้คนและสัตว์ต่างๆกลับฆ่าฟันและกินกันเอง จากนั้นค่อยๆกลายพันธุ์เป็นสัตว์ประหลาดที่ใครๆต่างก็รู้จักชื่อนี้ดี ‘ซอมบี้’ ในขณะที่บางคนนั้นโชคดีได้รับพลังและทักษะความสามารถที่จะต่อสู้กับมัน ทุกๆชีวิตในตอนนี้ที่ไม่ได้ ‘กลายร่าง’ ก็เริ่มพัฒนาหาวิธีทำลายล้างและหยุดเรื่องราวทั้งหมดนี้ในขณะที่โลกทั้งใบนี้กำลังติดเชื้อโดยสารก่อการกลายพันธุ์บางอย่าง มาร์ค ชายผู้เป็นโอตาคุ เกมเมอร์ และไม่ชอบออกไปสู่โลกภายนอก กลับติดแหงกอยู่ใจกลางแห่งความหายนะซึ่งดูเหนือธรรมชาติ การใช้ความคิด ความรู้ และความสามารถที่ไม่เหมือนใครและไม่เป็นไปตามแบบแผนของสังคมของเขานั้น จะทำให้เขามีชีวิตรอดไปอีกนานแค่ไหนกับหายนะที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดซอมบี้ การเปลี่ยนแปลงต่างๆ และผู้คนชั่วร้ายสารเลวในฐานะผู้ที่ยังรอดชีวิตอยู่ในประเทศบ้านเมืองที่มีประชากรล้นเหลือแบบนี้

Comment

Options

not work with dark mode
Reset