ตอนที่ 26 : การลงมืออีกครั้ง
นิสัยที่แปลกๆของแคลวินนั้นก็ได้ทำลายบรรยากาศที่อึดอัดซึ่งโจเซฟและมาร์คได้สร้างขึ้นไว้
หลังจากที่แคลวินหยุดหัวเราะ เขาก็ได้พูดกับมาร์ค
“ฉันเริ่มชอบนายแล้วล่ะไอหนุ่ม ถ้านายต้องการอะไรฉันจะช่วยเหลือนายเต็มที่”
แต่แคลวินก็ต้องเจอการตอบของมาร์คด้วยน้ำเสียงที่นิ่งเฉย
“ฉันไม่ใช่คนที่ชอบไม้ป่าเดียวกันนะ”
“นาย!!! ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้นโว้ย!!!”
เบอนาร์ดและโจเซฟผู้ซึ่งรู้จักแคลวินดีที่สุดต่างก็หัวเราะออกมาและทุกๆคนก็ได้หัวเราะตาม แม้กระทั่งซาริยาก็ยังหัวเราะตามผู้ใหญ่อย่างร่าเริง
แคลวินนั่งลงอย่างอับอายและหันหน้าหนีออกไป
มาร์คมองดูภาพน่าประทับใจเสมือนว่าเขาได้เป็นคนควบคุมเหตุการณ์ทั้งหมดนี้ขึ้น แต่จริงๆแล้วแผ่นหลังของเขานั้นไหลเต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ เนื่องจากสองเหตุผล เหตุผลแรกก็คือสิ่งที่แคลวินพูดออกมา แม้ว่ามาร์ครู้ว่าเขานั้นพูดเพื่อให้มันตลกไปอย่างนั้น แต่มันก็ทำให้สันหลังของเขาเองเสียววูบ อีกเหตุผลหนึ่งคือ…
มาร์ครู้สึกได้ว่าถูกเหมยจ้องมองอยู่ข้างหลัง มาร์คแน่ใจว่าสายตาของเธอนั้นเต็มไปด้วยความสับสนในตัวมาร์ค
เบอนาร์ดชำเลืองไปที่มาร์ค
‘เขานี่มันช่างมีความสามารถพิเศษในการพลิกบรรยากาศให้กลับมาสดใสเสียจริง’
บรรยากาศอึดอัดก่อนหน้านั้นก็ได้ลดลงไปบ้างแล้วในตอนนี้
***
หลังจากที่เหตุการณ์ทุกอย่างได้ปกติลง
“อย่างไรก็ตาม ฉันก็ต้องการเข้าไปในโซนสินค้าไอทีด้วยเหมือนกัน ฉันเห็นด้วยกับเฟอร์นานนะ”
มาร์คพูดในสิ่งที่ทำให้เฟอร์นานอุ่นใจ
“ทำไมนายถึงอยากเข้าไป นายเพิ่งบอกไม่ใช่หรอว่ามันอันตรายน่ะ?”
เบอนาร์ดไม่ได้ขัดแย้งแต่เขาต้องการที่จะรู้เหตุผล
“นายบอกว่าเครือข่ายมือถือนั้นไม่มีสัญญาณใช่มั้ย? มันแค่ไม่มีสัญญานแต่ไม่ได้หมายความว่ามันต่อสัญญาณไม่ได้ มันหมายความว่าสัญญาณนั้นยังคงออนไลน์ได้อยู่ ฉันอยากลองพยายามที่จะลองต่ออินเตอร์เน็ตไร้สายดูว่ายังใช้งานได้ไหม ตอนนี้สิ่งที่เราต้องการมากที่สุดคือข้อมูลและเราต้องการที่จะรู้ว่าจริงๆแล้วมันเกิดอะไรขึ้น อินเตอร์เน็ตเป็นแหล่งข้อมูลที่ดีที่สุดที่สุดที่เราจะได้ต้นตอของข้อมูลพวกนั้นมา แม้ว่าเราจะเชื่อมต่อกับสัญญาณทางโทรศัพท์ไม่ได้ แต่เรายังพอมีหวังกับอินเตอร์เน็ตได้อยู่ ข้างในโซนสินค้าไอที น่าจะมีสัญญานอินเตอร์เน็ตให้ใช้อยู่บ้าง”
เบอนาร์ดและแคลวินพยักหน้าเนื่องจากสิ่งที่มาร์คพูดออกมานั้นดูเป็นไปได้
“เช่นกัน ถ้าหากญาติของเฟอร์นานทำตามคำแนะนำที่ฉันบอกอย่างเข้มงวด ตอนนี้พวกเขาคงจะมีชีวิตรอดอยู่ ญาติของเฟอร์นานนั้นไม่ใช่คนไม่ดี ถ้าเขามีชีวิตรอดอยู่ก็คงจะดีทีเดียว”
พวกเขาเข้าใจในสิ่งที่มาร์คกำลังพูดมาก่อนหน้านี้
“แล้วเราต้องทำยังไงต่อไป?”
“ฉันมีแผนแล้วล่ะ ฉันแค่ต้องการแผ่นไม้ อืมมม….แผ่นโลหะก็ได้เช่นกันและอะไรบางอย่างที่ทำให้เกิดเสียง ถ้าเป็นไปได้เอาที่แบบทำให้เสียงดังๆได้ยิ่งดี ”
มาร์คพูดในขณะที่นำมือของเขาลูบคางไปด้วย
“อืมมม พวกเราน่าจะสามารถหาของแบบนั้นได้อยู่นะ” เบอนาร์ดกล่าว
“นายต้องการสิ่งที่ทำให้เกิดเสียงใช่มั้ย?” แคลวินแทรกเข้ามา
“ใช่ ฉันจะเอาของสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ดึงดูดซอมบี้”
“ดึงดูดใช่มั้ย? ถ้าอย่างนั้นสิ่งนั้นก็คงจะได้ใช้ได้แหละฉันว่านะ”
แคลวินชี้ไปที่ด้านหลังของมาร์ค
“ใช่เลย นั่นแหละดีมาก” เบอนาร์ดพยักหน้า
มาร์คมองไปสิ่งที่แคลวินชี้และเห็นลังไม้ขนาดใหญ่ที่มีป้ายแปะเป็นสัญลักษณ์วัตถุที่สามารถระเบิดได้
“นั่นคืออะไร? ระเบิดงั้นหรอ?”
“นายก็พูดไม่ผิดหรอก แต่ก็ไม่ใช่ระเบิดเช่นกัน มันคือพุต่างหาก”
“พุงั้นหรอ? ทำไมมันถึง… ใช่เลย มันเป็นเวลาของปีนี้นิ พวกเขากำลังจะใช้มันเพื่อฉลองเทศกาลปีใหม่สินะ?”
“นายตามได้ทันเร็วมาก อย่างไรก็ตามมันดีเลยใช่มั้ยละ?”
มาร์คยิ้ม
“นั่นมันก็มากเกินพอแล้วล่ะ ถ้าหากนายถามฉัน”
“งั้นเราไปหาแผ่นไม้ที่นายต้องการกันเถอะ”
“อ่อ แล้วก็สายไฟและฉันเห็นว่านายมีเครื่องมือติดตัวอยู่ นายพอจะมีคีมกับสว่านมั้ย?”
แคลวินยิ้มมุมปากออกมาและยกนิ้วโป้งชี้ไปที่ข้างหลังเขา
สิ่งที่มาร์คเห็นก็คือกล่องเครื่องมือเหล็กที่อยู่ห่างออกไป
“เรามีทุกสิ่งที่อยากได้แล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นทุกอย่างก็คงง่ายขึ้นแหละ”
ในขณะที่ทุกๆอย่างเกือบจะพร้อม มาร์คก็ได้บอกฝั่งผู้หญิงในสิ่งที่เขาได้วางแผนไว้
มาร์คก็ขอให้พวกเธอทำสิ่งกีดขวางเท้าเข้ามาบนดาดฟ้าด้วยเช่นกัน
“ฉันรู้ว่าเราสามารถใช้ทางบันไดข้างหลังห้างได้ แต่ถ้าหากผู้รอดชีวิตบางกลุ่มพยายามที่จะปีนบันไดขึ้นมาและติดกับดักสิ่งกีดขวางของเราขึ้นมาล่ะ?” โจเซฟได้ถาม
แต่ถึงอย่างนั้นมาร์คก็ยังไม่ได้สนใจอะไร แต่เขารู้ว่าคนพวกนี้ก็จะไม่นิ่งเฉยกับสถานการณ์แบบนั้นถ้าหากมันได้เกิดขึ้น
เขาถอนหายใจ
“งั้นบอกหน่อย ประตูทุกบานที่นี่สามารถที่จะเชื่อมทะลุเข้าไปในห้างได้มั้ย?”
“อืมม… ฉันคิดว่ามีอยู่สามบานนะ”
“ถ้าอย่างนั้น สร้างพื้นที่เล็กๆข้างนอกประตูนั้นไว้และกั้นคนที่ปีนขึ้นมาแยกเอาไว้” มาร์คกล่าว
“มันจะได้ผลหรอ? ถ้าอย่างนั้นฝูงซอมบี้จะไม่ปีนขึ้นมาหรอ?”
“ถึงแม้ว่าความเป็นไปได้จะไม่ใช่ศูนย์เลยก็ตาม แต่พวกเรายังไม่เคยเผชิญหน้าหรือเห็นซอมบี้สักตัวที่ทำแบบนั้นได้ พวกซอมบี้นั้นจะต้องลำบากยากเย็นในการปีนขึ้นมาบันไดมากๆเลยล่ะ ถ้าเป็นอย่างนั้นฉันคิดว่ามันได้ผลนะ เอาเป็นว่าเราจัดการกับมันเถอะ”
กลุ่มชายก็พยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่มาร์คพูด
จากนั้นชายคนอื่นๆก็ไปทำตามหน้าที่ของตัวเอง ขณะเดียวกันมาร์คก็ได้ทำการพักฟื้นต่อ เขายังคงมีร่างกายที่ไม่ปกติสู้ดีอยู่
พอลลาและแองเจก็ได้เดินเล่นอยู่ดาดฟ้า แม้ว่ามันอาจจะดูไม่เหมาะสมเท่าไหร่ในเวลาแบบนี้ที่มาเดินเล่น แต่มาร์ครู้ว่าสองคนนั้นพยายามที่จะทำให้ตัวเธอเองนั้นได้มีสมาธิและไม่ไขว้เขว
เรห์ยานั้นก็ได้นำกระดานแผ่นเรียบมาวางบนพื้นและพาซาริยาไปนอนหลับ
มาร์คตัดสินใจที่จะเดินดูไปรอบๆและสังเกตุพื้นที่ต่างๆ
ในขณะที่เหมยนั้น ก็ไม่ต้องพูดอะไรมากมาย เธอตามอยู่ข้างหลังมาร์ค เหมือนลูกสุนัขที่ตามเจ้าของ
ในที่สุดมาร์คก็ได้มีเวลาที่จะสังเกตุดาดฟ้าที่แปลกๆแห่งนี้ ดาดฟ้าของห้างแห่งนี้มีลักษณะที่แตกต่างจากที่เขาคิดไว้
ถ้าหากใครก็ตามที่จินตนาการดาดฟ้าของห้างหรือสถานที่ก่อสร้างอื่นๆ สิ่งที่แรกที่จะนึกถึงก็คงเป็นพื้นคอนกรีตพร้อมมีกำแพงเปือยๆตั้งอยู่โดยรอย โดยที่บนดาดฟ้านั้นไม่ควรมีสิ่งของใดๆเลย
ไม่เท่านั้น…
ในสิ่งที่มาร์คเห็นนั้นแตกต่างไปอย่างมาก
บนดาดฟ้าเกือบทั้งหมดนี้เต็มไปด้วยเหล็กขนาดใหญ่ จากนั้นกำแพงที่ล้อมรอบดาดฟ้าแห่งนี้ก็สูงถึงเกือบจะเท่าหน้าผากเขา กำแพงพวกนั้นควรที่จะมีความสูงเพียงห้าฟุต
นี่มันบ้าอะไรกัน?
ดาดฟ้าแห่งนี้ห่างไกลกับคำว่าเปลือยเปล่าโดยสิ้งเชิง ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ดูสมเหตุสมผลพอที่จะมีกล่องพุและเครื่องมือต่างๆ ทั้งๆที่มันเพิ่งกลางเดือนธันว่า ทำไมกล่องพวกนั้นและลังพุถึงดูไม่ควรจะมาอยู่ที่นี่?
นอกจากนี้บนดาดฟ้าก็ยังมีลานเฮลิคอปเตอร์อยู่ทางด้านใต้ของห้างซึ่งอยู่ข้างๆประตูที่มาร์คได้ยืนพิงและเข้ามาก่อนหน้านี้
มันเหนือกว่าที่เขาคิดเอาไว้ ในใจตอนนี้เขาคิดว่าดาดฟ้าแห่งนี้เหมาะที่จะเป็นที่หลบภัยมากกว่า
และใครจะไปรู้ว่าสิ่งของพวกนั้นจะสามารถหาได้บนดาดฟ้าแห่งนี้?
ด้วยสิ่งที่เขาคิดทั้งหมดนั้นเขาจึงหันกลับไป
“เหมย เธอไม่จำเป้นต้องตามฉันก็ได้ เธอควรไปพัก”
เหมยเปิดปากกำลังจะพูดได้ไม่นาน แต่เธอก็ดูเหมือนเจ็บริมฝีปากเกินกว่าที่จะพูดออกมาได้
“นะ นายก็ไม่พักเหมือนกัน”
“เธออยากให้ฉันบอกเหตุผลหรอว่าทำไม?”
เหมยพยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นเธอจะไม่พักถ้าฉันไม่พักใช้มั้ย?”
เธอพยักหน้าอีกครั้ง
“ถามจริงๆนะ?”
“…..”
เหมยมองไปที่เขาอย่างเงียบๆ
“โธ่เอ้ย ก็ได้เธอชนะ”
เมื่อคิดได้ว่าเขาทำไม่สามารถจัดการทำอะไรเธอได้ ไม่สิ จริงๆแล้วเขานั้นก็ทำอะไรบางอย่างกับเธอได้ แต่นั่นต้องไม่เป็นการที่จะทำให้เธอหดหู่
ด้วยเหตุผลบางอย่าง เขาไม่สามารถกล้าพอที่จะทำแบบนั้นกับกระต่ายผู้อ่อนแอตัวนี้ได้
มาร์คมองผ่านช่องระหว่างดาดฟ้าและกำแพง และมองขึ้นไปบนท้องฟ้า อากาศค่อยข้างมีเมฆครึ้ม และมันก็ไม้ได้ร้อนเนื่องจากไม่ใช่ฤดูร้อน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจปีนไปบนหลังคา
หลังคาที่นี่ไม่ได้สูงชันมากขนาดนั้นและจริงๆพื้นหลังคานั้นมันค่อนข้างแบนราบที่จะกลิ้งตกลงไป เว้นแต่ว่ามีคนโง่พอที่จะตกลงไปได้ เขายังเห็นบันไดที่ทอดขึ้นไปบนหลังคาเหนือพื้นที่ส่วนกลางของห้าง และนั่นก็จุดมองที่ดี
ถ้าอย่างนั้น เขาจึงสามารถไปพักได้และเหมยก็จะได้พักเช่นกัน ในเวลาเดียว เขาสามารถสังเกตุเห็นสถานการณ์ที่อยู่ข้างล่างตรงหน้าห้างได้ และตามทางหลวงทิโรนาก็สามารถมองเห็นได้จากทางด้านข้างของหลังคา แม้ว่าอากาศจะค่อนข้างอบอุ่นและอับจากด้านนั้น แต่ก็ไม่ได้รู้สึกว่าแย่อะไร เพราะลมเย็นๆยังคงพัดผ่านบ้างเป็นครั้งคราว
ราวกับว่ามาร์คนั้นยิงปืนนัดเดียวได้นกสี่ตัว หรืออาจจะเป็นนกสามตัวกับกระต่ายหนึ่งตัว