ตอนที่ 28 : การต่อสู้ พร้อมแล้ว!
มาร์คตามมาด้วยเหมยกำลังลงบันไดไป ในขณะที่แองเจนั้นรอพวกเขาสองคนอยู่ด้านล่าง ต่อมานั้นพวกเขาสามคนก็กลับมายังพื้นที่ที่กลุ่มพวกเขารวมตัวกัน
พวกเขาเห็นเรห์ยานั่งอยู่ที่เดิม ดูเหมือนว่าซาริยาได้นอนหลับอย่างสุขสบายโดยที่หนุนตักแม่ของเขา
มาร์คได้ยินเสียงขุดเจาะเบาๆจากบางสิ่งบางอย่างซึ่งน่าจะทำกับเหล็ก เสียงมาจากบนดาดฟ้าทางด้านทิศตะวันตก
“ทำไมพวกเขาถึงไปทำงานกันอยู่ตรงนั้น?”
มาร์คถามแองเจในขณะที่มองดูอุปกรณ์และกล่องเครื่องไม้เครื่องมือที่ถูกวางมาก่อนหน้านี้ แต่ตอนนี้ของพวกนั้นไม่มีอยู่แล้ว พวกเขาอาจจะเปลี่ยนโยกย้ายสถานที่จัดเตรียมอุปกรณ์
“พวกเขาบอกว่ามีเด็กกำลังหลับอยู่ตรงนั้น พวกเขาเลยเปลี่ยนสถานที่จะได้ไม่เป็นการเสียงดังรบกวนเด็กน้อย และมันก็ใกล้กว่าซึ่งจุดที่นายอยากใช้ของพวกนั้น” แองเจกล่าว
การที่ได้ยินสิ่งที่แองเจกล่าว มาร์คก็ได้พยักหน้าและเดินตรงไปทางด้านตะวันตกในขณะที่แองเจและเหมยก็ตามเขาไปด้วย
ด้วยภาพลักษณ์ในตอนนี้ของมาร์คนั้นเขาใส่เสื้อดำเปื้อนเลือด ทั้งสองมือของเขาสวมใส่ถุงมือสีดำ และเขารัดเข็มขัดไว้ที่เอว ปืนพกอยู่ที่ด้านขวาของเข็มขัดเขา เขามีมีดด้ามยาวแขวนอยู่หลังเข็มขัดของเขา ปืนสั้นก็อยู่ที่ด้านซ้ายของเข็มขัดเขา และใบหน้าที่ไม่สนโลกของเขาพร้อมกับสวมใส่หมวกบินนี่สีดำไว้อย่างหลวมๆ มันอาจจะดูว่าเท่และมีเสน่ห์ โดยเฉพาะเมื่อมีผู้หญิงสองคนตามหลังเขาไปด้วย
มาร์คนั้นก็ไม่ได้ต้องการที่จะดูเป็นแบบนั้น อีกอย่างเด็กสาวที่เดินตามเขามานั้นก็รู้สึกถึงบรรยากาศอันน่าอึดอัด พวกเธอสองคนนั้นทำตัวไม่ถูกเช่นกัน
พอลลาคือคนที่อยู่บริเวณนั้น สังเกตุเห็นได้และได้เดินเข้าไปหามาร์คพร้อมกับถามออกไป
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ไปถามเพื่อนเธอสิ”
มาร์คตอบพร้อมกับยกนิ้วโป้งชี้ไปที่แองเจซึ่งเดินตามหลังมาร์คมา
พอลลาเข้าใจว่าเพื่อนของเธอต้องได้ทำอะไรบางอย่างโง่ๆลงไปแน่ เธอเข้ามาจับแองเจและดึงเธอออกไป
เนื่องจากไม่มีอะไรมารบกวนแล้ว มาร์คต้องการที่จะตรวจสอบอุปกรณ์ที่ได้รวบรวมมาเมื่อเขานึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาหันหลังกลับไปและเดินตรงไปกับเหมยยังทางที่เรห์ยานั่งอยู่
“นายมีอะไรรึป่าว?”
เรห์ยาถามด้วยน้ำเสียงนุ่มเบาเพื่อที่จะไม่เป็นการรบกวนให้ลูกสาวของเธอตื่นขึ้นมา
มาร์คไม่ได้ตอบอะไรแต่กลลับค่อยๆดึงเหมยไปอยู่ข้างหน้าเขาและโอบไหล่ของเธอ
“ฉันฝากเหมยให้เธอดูแลแปปนึงได้มั้ย?”
เรห์ยาไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ เธอตอบตกลงทันที มาร์คดึงเหมยไปหาเรห์ยาและให้เธอนั่งลงข้างๆเรห์ยา
“พี่ชาย…”
เหมยนั้นไม่อยากจะอยู่ห่างมาร์คสักวินาทีเดียส เธอนั้นมองไปที่มาร์คด้วยสายตาอ้อนวอนเสมือนเป็นลูกหมา มาร์คได้จับไปที่ศรีษะของเธอ
“เหมยเอ้อ เธอพักอยู่ที่นี่ก่อนนะ ได้มั้ย? ฉันไม่อยากให้เธอมีอาการตื่นตระหนกเพียงเพราะเธอต้องการตามฉันมา”
“แต่…”
“พักก่อนเถอะ อย่าทำให้พี่ชายคนนี้ต้องเป็นห่วงมากไปกว่านี้ เรห์ยาจะอยู่ที่นี่กับเธอเอง เดี๋ยวฉันจะมาถามเรห์ยาว่าเธอประพฤติตัวดีหรือไม่”
พอเป็นแบบนั้นเธอก็ต้องยอมทำตามแบบไม่เต็มใจเท่าไหร่
เรห์ยาฟังบทสนทนาด้วยความสับสน พี่ชายงั้นหรอ? คืออะไรกัน? แล้วเธอไม่ได้ชื่อเหมยหรอ? ทำไมถึงเรียกเธอว่าเหมยเอ้อ? หรือว่านั่นคือชื่อเล่นของเธอ ?
คนธรรมดาในประเทศนี้คงจะไม่เข้าใจวัฒนธรรมอะไรแบบนั้น
จากนั้นเรห์ยาก็หายสับสนเมื่อเธอได้ยินสิ่งที่มาร์คเรียกเหมย
“เอ่อ..มาร์ค มาร์คใช่ไหม?” เรห์ยากล่าวขึ้น
“มีอะไรหรอ?”
“ ถ้าอย่างนั้นนายสามารถเรียกฉันว่าอะไรได้บ้าง?”
เรห์ยาดูเหมือนอยากรู้
“ถ้าอย่างนั้นหรอ? อืม… แล้วถ้าเรียกว่า นางสาวเรห์ยาล่ะ?”
เรห์ยาถอนหายใจ
“นั่นมันดีกว่าเยอะ ฉันมีประสบการณ์ไม่ดีที่คนรอบๆตัวจะมองมาที่ฉันเหมือนกับว่าฉันนั้นเป็นผู้ก่อการร้ายในทุกๆครั้งที่มีคอลเรียกฉันด้วยนามสกุล ‘อิสเมล’ ของสามีของฉัน”
เรห์ยาก็ได้ยิ้มหัวเราะออกมา
มาร์คพยักหน้า เขาเข้าใจดีเพราะว่าชื่อของเขานั้นก็มีอุปสรรคที่ดูธรรมดาสามัญเกินไป
***
“นายคิดว่ายังไง”
มาร์คมาถึงและเห็นอุปกรณ์ที่เขาจำเป็นต้องใช้นั้นเตรียมพร้อมแล้ว ในตอนนี้เขาก็เปิดดูกล่องลังดอกไม้ไฟหลายๆลังที่มีลักษณะแตกต่างกันไป
ในมือของเขาตอนนี้มีพลุจรวดที่มีพลาสติกครอบอยู่ซึ่งมีขนาดเล็กพอๆกับนิ้วก้อยของเขา
มันยังมีพลุดอกไม้ไฟที่มากกว่านี้ บางอันก็มีลักษณะมีสีสัน เป็นรูปดอกเบญจมาศ และเป็นรูปจรวด หรือมีแม้กระทั่งลักษณะเป็นทรงกระบอกที่ก็ไม่รู้ว่าสิ่งนี้คือพลุชนิดอะไร อันที่เหมาะสมที่สุดในการล่อลวงพวกซอมบี้ในเวลานี้คือแบบพลุจรวดอันเล็กๆที่อยู่ตรงหน้าเขา
การระเบิดของมันอาจจะไม่รุนแรงมากแต่มันก็สามารถสร้างเสียงที่ดังพอได้เมื่อมันถูกจุดไฟ
“อันนี้สิดี ฉันไม่คิดว่ามันจะทำให้เกิดสัญญานเตือนไฟไหม้แม้ว่าฉันจะจุดพลุจากด้านใน”
มาร์คตอบเบอนาร์ดซึ่งยืนอยู่ข้างๆเขา และเบอนาร์ดก็ได้เห็นด้วย
โจเซฟที่ยืนอยู่ข้างมาร์คอีกด้านหนึ่งก็ได้พันเชือกเกลียวไปด้วยบนแขนของเขา
ในขณะที่เฟอร์นานและแคลวิน พวกเขายืนอยู่ตรงกำแพงที่ใกล้กับบันไดปีนที่อยู่เหนือบันไดฉุกเฉินเพื่อพักดูดบุหรี่
มาร์คชำเลืองมองไปที่กำแพงที่อยู่ด้านซ้ายของเขา มีแผ่นโลหะสี่เหลี่ยมที่พวกเขาเตรียมไว้พิงอยุ่ตรงกำแพง มีรูเจาะอยู่ที่มุมแผ่นโลหะและรูเจาะที่อยู่ด้านข้างเล็กน้อยเหนือกึ่งกลางของแผ่นโลหะ
ทุกสิ่งทุกอย่างได้พร้อมแล้ว พวกเขาเพียงแค่ต้องผูกแผ่นโลหะเข้าด้วยกันและเอาลงไปที่บันไดด้านบ่าง
“ฉันจะเริ่มไปเตรียมการ ช่วยใส่พลุจรวดไปในนี้ให้ที”
มาร์คยื่นกระเป๋าเล็กๆไปให้กับเบอนาร์ด จากนั้นมาร์คก็ตะโกนไปหาเฟอร์นาน
“เฟอร์นาน! ฉันต้องการยืมท่อนั่นที่ฉันให้นายไปก่อนหน้านี้!”
“ไม่มีปัญหา! ฉันทิ้งท่อนั้นไว้ข้างกระเป๋าที่ฉันสะพายมาก่อนหน้านี้!”
เฟอร์นานตะโกนกลับมา
มาร์คจำได้ว่ากระเป๋านั่นถูกวางไว้ใกล้ๆกับเรห์ยา
‘เขาทำอะไรอยู่นะ ถึงได้กล้าทิ้งอาวุธเอาไว้ในเวลาแบบนี้?’
ด้วยเหตุนั้น เขาจึงกลับไปตรงฝั่งทิศใต้ของบนดาดฟ้าเพื่อที่จะไปเตรียมการ
***
เมื่อมาร์คกลับมา เขาเห็นพอลลาและแองเจพูดคุยอยู่กับเหมย เมื่อเหมยเห็นมาร์คกลับมา เธอก็พูดคุยกับแองเจและพอลลาเพียงสองสามคำและวิ่งเข้าหนีไปหามาร์คโดยทันที ในขณะที่พอลลาและแองเจก็ตามไปด้วย
“มีอะไรรึป่าว?”
“พี่คะ พวกเขาบอกว่าพวกเขาอยากจะขอโทษค่ะ”
“เรื่องที่แองเจแอบดักฟังน่ะหรอ ?”
“ใช่” เป็นพอลลาที่ตอบกลับมา
“นายก็เห็นว่าเพื่อนของฉันคนนี้ทำสิ่งโง่ๆลงไปและเธอก็ต้องการที่จะขอโทษถึงนิสัยที่ไม่ดีของเธอ” พอลลากล่าว
“ด้วยคำขอโทษอย่างเป็นทางการ…” พอลลากล่าว
“คุณอุตส่าห์ช่วยชีวิตพวกเราก่อนหน้านี้ แต่แองเจก็ยังทำอะไรงี่เง่าที่ไม่ให้เกียรติคุณ”
“ไม่หรอก สบายมาก”
“จริงหรอ?”
“ใช่มั้ยเหมย?”
เหมยพยักหน้า
เมื่อเห็นว่าคำขอโทษของเพื่อนเธอผ่านไปด้วยดี แองเจก็เริ่มยิ้มกว้างออกมา
“พอลลา ฉันบอกเธอแล้วว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่ ”
ก่อนพอลลาจะได้ตอบกลับไป..
“แน่นอนว่าเธอไม่คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่หรอก แต่เธอคิดหรอว่าฉันจะชอบให้เธอมาแอบฟังดอยู่นานๆแบบนั้น” มาร์คกล่าว
“เอ่อ…”
แองเจนั้นตัวแข็งทื่อไปเลย เธอคิดว่ามาร์คนั้นแค่สังเกตุเห็นเธอแค่ตอนที่มาร์คนั้นตะโกนออกมา แต่อันที่จริงแล้วเขารู้ตั้งแต่ตอนที่เธอมาถึงและเริ่มแอบฟัง!
“พี่คะ นานแค่ไหนหรอคะที่เธอแอบฟัง?”
“ตั้งแต่ตอนที่เธอเล่นมุขน่าอายนั่นไป”
“อ้าวววว”
เจ้ากระต่ายตัวน้อยจับทึ้งศรีษะตัวเองด้วยความอาย ในขณะเดียวกันใบหน้าของเธอก็เริ่มแดงขึ้นด้วย
พอลลาจ้องเขม็งไปที่เพื่อนของเธอ แองเจผู้ซึ่งก็ได้ขำไม่ออกไปทันที
“อย่างไรก็ตาม ฉันต้องไปเตรียมตัวแล้ว พวกเราต้องเริ่มแผนกันแล้ว” มาร์คกล่าว
“มันไม่อันตรายใช่มั้ย”
“ก็ไม่เชิงหรอก ฉันแค่ต้องการล่อซอมบี้ออกไป”
มาร์คก็ได้ลูบคางของเขาไปด้วยในขณะที่เขาก็ได้คิดไปด้วย
“ฉันเดานะ.. เพราะฉันเอาของพวกนั้นเก็บไว้แล้วเพื่อความปลอดภัย”
“หมายความว่ายังไงคะพี่?”
“อ่อออ!” แองเจตะโกน
“นายกำลังพูดถึงสิ่งที่อยู่ในกระเป๋านายสินะ!” ตาของแองเจเป็นประกายในขณะที่เธอพูดออกมา
“เห็นมั้ยล่ะ? อย่าบอกฉันนะว่าเธอรื้อกระเป๋าของฉันโดยที่ไม่ขออณุญาต” มาร์คกล่าว
“ฉันเปล่านะ! ฉันเห็นมันก็ตอนที่นายขอให้ฉันไปเอากระเป๋าใบเล็กมาให้นาย ตอนที่นายล้มลงไปไง!”
เธอตอบออกไป ท่าทางของเธอเหมือนแมวที่หางจุกตูด
“หยุดตะโกนได้แล้ว อย่าทำเหมือนว่าฉันไม่ได้ยินเธองั้นแหละ”
มาร์คส่ายหัว
“พี่คะ…”
“แองเจ…”
เหมยและพอลลารู้สึกว่าไม่ได้อยู่ในบทสนทนา แต่ก็ไม่นาน
มาร์คมองไปที่เหมยและพอลลา
“ตามฉันมา ฉันจะให้พวกเธอดูในสิ่งที่แองเจนั้นตื่นเต้นกับมันเหลือเกิน”
มาร์คไปเอากระเป๋าของเขามาและเปิดออกให้พวกเธอดูทีละคน
พวกเธอเข้าใจเหตุผลทันทีว่าทำไมกระเป๋าของมาร์คนั้นถึงได้มีขนาดใหญ่ขนาดนี้
ข้างในนั้นเต็มไปด้วยเสื้อกั๊กสีดำที่มีลักษณะเป็นเสื้อเกราะ มีเกราะตรงหน้าอกด้านหน้าและข้างหลัง ไหล่ ข้อศอกและที่แขน และมีหมวกป้องสำหรับป้องกัน แต่ละส่วนถูกออกแบบมาอย่างดีตกแต่งด้วยสีเงินที่สะท้อนแสงได้
ทั้งหมดทั้งมวลนั้นเสื้อเกราะดูมีประโยชน์และดูดีมาก
“คุณไปเอาของพวกนี้มาจากไหนและทำไมคุณไม่ใช้มันก่อนหน้านี้ล่ะ?” แองเจถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ฉันเห็นของพวกนี้ในโซนสินค้ากีฬาก่อนหน้านี้ เมื่อตอนที่ฉันเข้าไปในโซนตู้เกม เมื่อตอนที่พวกซอมบี้ปรากฏตัวมา ฉันกลับเข้าไปและเอาของพวกนี้ออกมา ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่มีเวลาที่จะใช้มัน และก็…”
เขาชี้ไปที่กระเป๋าใหญ่
“มันไม่ได้สวมใส่ง่ายขนาดนั้นนะไอของพรรนี้น่ะ ของพวกนี้น่ะมันซับซ้อน ฉันก็เลยแค่เก็บมันมาไว้ก่อน”
พวกเธอทั้งหมดพยักหน้า
“ก็ดีนะ ฉันต้องการให้พวกเธอช่วยฉันด้วยว่าไอสิ่งนี้มันใส่ยังไง” มาร์คกล่าว
พวกเธอทั้งหมดเห็นด้วยและเต็มใจช่วยอย่างไม่ลังเล แองเจกระตือรือร้นกับวิธีการสวมใส่เสื้อเกราะมาก พอลลาและเหมยก็ต้องการช่วยเช่นกันเพราะสิ่งนี้เหมือนจะเป็นเรื่องที่พวกเธอสองคนสามารถช่วยได้ดีที่สุด