มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์ (Mutagen) – ตอนที่ 42 : หน้าไม้ดัดแปลง

มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์ (Mutagen)

 

ตอนที่ 42 : หน้าไม้ดัดแปลง

 

เมื่อมาร์คกลับเข้าไปยังข้างหลังของร้านขายสินค้า เขาเห็นเหมยนั่งอยู่บนเตียงพับกําลังจ้องมองมาที่เขา ดูเหมือนว่าเธอจะเพิ่งตื่นพร้อมกับขยี้ตาไปด้วย

 

“เสียงดังนั่นทําให้เธอตื่นหรอ?”

 

มาร์คพูดขณะที่ก็เข้าไปหาเธอซึ่งเธอได้ส่ายหัวเป็นการตอบกลับมา

 

“ก็ดี ฉันกําลังจะไปทําธุระบางอย่างที่ดาดฟ้าน่ะ และฉันต้องการความช่วยเหลือจากเธอ เธออยากไปด้วยกันมั้ย?”

 

เหมยยืนขึ้นและได้เหยียดกายของเธอ

 

“ฉันจะไปสร้างอาวุธให้สําหรับเราสองคน”

 

เมื่อได้ยินสิ่งที่มาร์คพูด ตาของเธอก็เบิกกว้างขึ้น เธอรู้ว่าพี่ชายคนนี้นั้นได้ต่อสู้มาเยอะแล้วโดยที่เธอไม่ได้ช่วยอะไรเลยสักนิด ถ้าเขาจะสร้างอาวุธให้เธอ เธอจะต้องช่วยเขาได้แน่ๆ เธอตั้งตารอคอยสิ่งนี้อยู่จริงๆ

 

“ร่างกายของเธอดีขึ้นรึยังตอนนี้”

 

“อื้มม!”

 

เหมยพยายามขยับร่างกายไปมาเพื่อแสดงให้มาร์ค เห็นว่าเธอดีขึ้นและร่างกายของเธอฟื้นฟูขึ้นแล้วอย่างแข็งแรง แต่อย่างไรก็ตามมาร์คก็เห็นว่าเธอก็ยังมีความเจ็บอยู่ตามกล้ามเนื้อและร่างกายถ้าเธอพยายามเดินก้าวขายาวๆ

 

“โอเค งั้นช่วยฉันถืออันนี้ที่”

 

มาร์คยื่นกระเป๋าสะพายเป้ที่มีขนาดเบาให้เธอ ในขณะที่เขาสะพายกระเป๋าเป้ใหญ่และกระเป๋ากีฬาไปด้วย

 

เมื่อมาร์คและเหมยเดินออกมาจากร้านสินค้า มาร์คก็ได้เรียกญาติของเฟอร์นาน

 

ญาติของเฟอร์นานนั้นอายุราวๆยี่สิบห้า เขาไว้ผมทรงหัวเกรียน ดวงตาเขานั้นเหล่เล็กน้อยและสูงราวห้าฟุตยืนยิ้มให้มาร์คอยู่

 

“บอสครับ! คุณต้องการให้ช่วยอะไรมั้ย?”

 

“บอส? ฉันเนี่ยนะ?”

 

มาร์คกล่าวออกไปอย่างสับสนในขณะที่เอามือซ้ายมาที่หน้าตัวเอง

 

“อ้าา ต่อจากนี้ไปพวกเราตกลงจะเรียกคุณว่าบอส เพราะสิ่งที่คุณทําให้พวกเราก่อนหน้านี้”

 

“เอางั้นจริงหรอ…”

 

มาร์คถอนหายใจ

 

“เออใช่ ฉันยังไม่ได้ถามชื่อนายเลย”

 

“ผมชื่อเจมส์ครับบอส”

 

“อย่างไรก็ตาม เสียใจด้วยนะเรื่องญาตินายน่ะ”

 

เจมส์ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น

 

“ไม่เป็นไรครับบอส อย่างน้อยเขาก็ได้ทําประโยชน์ไว้มากมายก่อนจบชีวิต ”

 

“ฉันรู้แล้วล่ะ จริงๆแล้วฉันเรียกนายเพราะอยากให้นายช่วยเฝ้าประตูร้านหน่อย แค่อย่าให้ใครไปทําอะไรกับแล็ปท็อปในนั้น พวกฉันจะต้องขึ้นไปที่ดาดฟ้าแปปนึงน่ะ”

 

“รับทราบครับบอส!”

 

“อ่อ แล้วก็นายใช้แล็ปท็อปที่อยู่หน้าเก้าอี้นั่นได้นะ แค่อย่าปิดแอพลิเคชันที่ฉันเปิดไว้ก็พอ”

 

“ขอบคุณครับบอส!”

 

มาร์คพยักหน้า แต่อย่างไรเขาก็ยังไม่ชินกับการที่เขาถูกเรียกว่าบอส

 

“อ่อ บอสครับ”

 

“ว่าไง?”

 

เจมส์ก็กระซิบไปที่มาร์ค

 

“ชายก่อนหน้าคนนั้นน่ะ คนที่ผมได้ทะเลาะด้วย ดูเขาไว้ให้ดีด้วยล่ะ เหมือนว่าเขาคิดอะไรไม่ดีอยู่”

 

“ไม่ต้องเป็นห่วง เรื่องนั้นฉันรู้อยู่แล้วแหละ”

 

“อ้าวหรอ? ถ้างั้นผมไม่รบกวนแล้ว”

 

มาร์คก็ได้หันหลังไปและพาเหมยไปด้วยในขระที่เจมส์ก็เข้าไปในร้านสินค้า

 

มาร์คและเหมยได้ปีนขึ้นไปบนดาดฟ้าโดยใช้ทางออกฉุกเฉยที่ฝั่งตะวันตก เมื่อเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆได้นํามาไว้ที่นี่แล้ว มาร์คเลยวางแผนว่าจะมาทําอาวุธที่นี่ แต่อย่างไรก็ตาม เมื่อเขามาถึงบนดาดฟ้าเขาก็ได้ยินเสียงบางอย่างมาจากทางฝั่งใต้

 

เมื่อมองไปยังทางต้นเสียง เขาก็เห็นแองเจซึ่งกําลังมองดูพอลลาฝึกซ้อมคันธนูที่เธอเจออยู่

 

มาร์คเห้นว่าพอลลาดึงสายธนูและพร้อมกับปล่อยลูกธนูของคันธนูนั้น ท่าที่ที่สง่างามและความตั้งใจขณะยิงธนูนั้นยังไม่สมบูรณ์แบบเท่าไหร่ แต่อย่างไรก็ตามทักษะของพอลลานั้นก็ยังเหนือกว่านักธนูฝึกหัดทั่วไปอยู่ดี เธอได้ ยิงลูกธนูออกไปที่ลังไม้ที่อยู่ห่างออกไปประมาณสิบเมตร

 

แองเจสังเกตุเห็นว่ามาร์คและเหมยก็มาที่นี่เช่นกัน

 

“ทําไมถึงมาอยู่ที่นี่กัน?”

 

“ทําไมเราจะมาไม่ได้ล่ะ ? ทําเหมือนเธอเป็นเจ้าของที่งั้นแหละ”

 

มาร์คตอบอย่างกวนๆ

 

“ฮึ่มมมม…”

 

มาร์คเพิกเฉยแองเจและมองพอลลาซึ่งที่กําลังวางอาวุธคันธนูลง

 

“ดูเหมือนว่าเธอมีทักษะที่ดีกับสิ่งนี้นิ”

 

“จริงๆแล้วฉันก็คุ้นเคยกับการยิงธนูมาบ้างแล้ว ครั้งล่าสุดที่ฉันใช้อาวุธคันธนูก็เมื่อเวลาสามปีที่แล้วเมื่อตอนเรียนมัธยมปลายนะ”

 

พอลลายิ้ม

 

“เธอฝึกซ้อมจ่อเถอะ ฉันจะไปเอาลังไว้มาสองสามอันและไปทํางานต่อนะ”

 

มาร์คมองลังไม้ที่ว่างเปล่าที่เคยถูกเอาไว้ใส่พุไฟมาก่อน

 

“นายจะทําอะไรหรอ?”

 

แองเจไม่สามารถระงับความขี้สงสัยของเธอได้

 

“ฉันไม่บอกหรอก”

 

มาร์คและเหมยก็ปล่อยให้แองเจยืนสงสัยอยู่อย่างงั้น

 

เมื่อคู่รักที่อารมณ์ตายด้านนี้เดินออกไป พอลลาก็ช่วยไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาซึ่งแองเจก็ได้โกรธจนหน้าแดง

 

“พวกเธอสองคนนี่มีความสัมพันธ์ที่ดีกันจังเลยนะ” พอลลากล่าว

 

“ใคร? ฉันกับมาร์คงั้นหรอ?! พอลลา อย่าพูดอะไรตลกแบบนั้น มันไม่ตลกเลยรู้มั้ย!”

 

“แต่เธอไม่ได้เกลียดเขานิใช่มั้ย?”

 

“ก็เขาเหมือนพี่ชายของฉัน เขาชอบแกล้งแหย่ฉันแบบนี้ แต่เขาก็คอยให้กําลังใจฉันทุกครั้งที่ฉันรู้สึกแย่นะ”

 

“ฉันไม่เข้าใจว่าทําไมเขาชอบแกล้งแหย่เธอตลอด ทุกๆครั้งที่เธอถูกแกล้งแบบนี้ ท่าทางของเธอมันก็ตลกจริงๆนะ”

 

“พอลล่า!!”

 

ที่ฝั่งตะวันตก มาร์คและเหมยก็ได้นําอุปกรณ์ที่เขา นั้นรวบรวมมาในขณะที่เขากําลังจัดการกับอุปกรณ์พวกนั้นอยู่ พวกเขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะมาจากเด็กสาวสองคนที่อยู่ทางฝังใต้ มาร์คก็ได้ยิ้มออกมา พวกเธอสองคนนั้นก็ได้ปรับตัวกับ โลกอันโหดร้ายนี้ได้แล้ว ยังไม่พอพวกเธอก็ยังสามารถหัวเราะและเล่นแหย่กันได้ทั้งๆที่ภยันอันตรายจะมาเยือนเมื่อไหร่ก็ได้

 

มาร์คมองไปที่อุปกรณ์ที่เขาได้รวบรวมมา ทั้งหมดทั้งมวลนั้นมันก็พอสำหรับเขาที่จะใช้สร้างอาวุธ สําหรับตัวเขาเองและเหมย มาร์คมีอาวุธที่ดีแล้ว เขามีทั้งปืนสั้น มีดยาว และปืนพก แต่อย่างไรก็ตามก็มีเพียงแค่มีดยาวที่สามารถใช้ฆ่าซอมบี้ได้เงียบเชียบได้ในขณะที่ปืนนั้นก็สามารถส่งเสียงดึงดูดพวกซอมบีให้เข้ามาหากเขายิงได้สะเพร่า สิ่งที่มาร์คต้องการตอนนี้ก็คืออาวุธดีๆที่สามารถฆ่าพวกมันได้อย่างเงียบๆ

 

เมื่อพอลลาหยิบคันธนูของเธอขึ้นมา เขาก็มีไอเดียดีๆขึ้นมา เขาไม่รู้วิธีที่จะใช้คันธนูได้อย่างถูกต้องหรอก แต่หน้าไม้ก็สามารถนํามาทดแทนได้ แต่ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ก็ไม่เจอหน้าไม้สักอัน แล้วทําไมถึงจะไม่สร้างมันขึ้นมาล่ะ เขาเคยเห็นดูวิธีการใช้หน้าไม้ตามอินเทอร์เน็ตมาอยู่บ้างและก็ได้ดาวโหลดวิดีโอพวกนั้นไว้ในโทรศัพท์เอาไว้ มากไปกว่านั้น ก็ยังมีเครื่องไม้ เครื่องมือที่เขายังพอสามารถนําไปใช้ได้

 

เขานําสมุดโน้ตและปากกาออกมาและเริ่มวาดร่างของหน้าไม้ที่เขาต้องการออกมา ความสามารถในการวาดรูปของเขาก็ปรากฏออกมาให้เห็นและทักษะการเรียนรู้ในช่วงการเรียนอนิเมชันของเขาก็ได้นําออกมาใช้ออกมาในเวลานี้

 

ต่อไป เขาก็จัดการรื้อรังไม้ มาร์คเริ่มวัดความยาวไม้และแผ่นเหล็กที่เขาใช้ทําให้ซอมบี้ตกลงไปข้างล่างบันไดมาก่อนหน้านี้

 

หลังจากที่วาดโครงสร้างลงบนแผ่นเหล็กแล้ว เขาใช้แผ่นดิสก์เพื่อใช้เป็นการสร้างมุมและใช้เครื่องเจียรตัดแผ่นเหล็กนั้น มันใช้เวลาไม่นานที่เขาตัดส่วนของหน้าไม้ที่เขาต้องการเสร็จ

 

เขาเชื่อมส่วนที่เขาต้องการสร้างร่างของหน้าไม้โดย ใช้เครื่องเชื่อม เขาใช้ไม้จากรังไม้ไว้สําหรับเป็นที่ถือหน้าไม้

 

สําหรับคันธนู เขาตัดแผ่นเหล็กให้ออกมาเป็นสี่เหลี่ยมยาวๆบางๆ เขากรอส่วนที่ต้องทําและทุบชิ้นส่วนตรงกลางเพื่อให้เข้ากับแผ่นเหล็กอันเล็ก มาร์คทําแบบนี้จนซ้ําแล้วซ้ําเล่าจนรู้ว่ามันควรหนาและควรงอให้ได้แค่ไหน สําหรับสายธนูนั้นมาร์คก็ได้มาจากร้านขายสินค้ากีฬา สิ่งนี้ก็สามารถทดแทนนําไปใช้ได้สําหรับคันธนูที่เขามี

 

เหมยก็ได้ช่วยมาร์คทําในหลายๆอย่างที่ง่ายที่เธอสามารถทําได้ ทั้งเจาะ ทั้งกรอ ทั้งทุบ พระอาทิตย์ก็ใกล้จะตกแล้วเมื่อ เขาได้สร้างหน้าไม้จนเสร็จพร้อมกับสลักเกลียวหน้าไม้จากแผ่นเหล็กโลหะที่เหลือ เขาก็ยังสามารถใช้ขนของลูกแบตมินตัน สําหรับเพลาธนูนั้นเขาก็ใช้ขนของลูกแบตมินตันมาทําแทน

 

นี่คือครั้งแรกที่มาร์คมาทําอะไรแบบนี้ดังนั้นเขาจึงต้องใช้ความระมัดระวังในการสร้างมันขึ้นมา เขาจะได้ไม่เสียเครื่องมือมากเกินไปฟรีๆ และเขาก็พอใจกับผลที่เกิดขึ้นอย่างมาก

 

มาร์คถือหน้าไม้ขึ้นมาด้วยสองมือของเขาและจ้องดูไปที่มันเขาก็ได้วางลังไม้ทิ้งไว้กับกําแพงที่อยู่ไกลออกไปและพยายามยิงหน้าไม้หลายต่อหลายครั้งและผลที่ออกมาก็เป็นที่น่าพอใจ เหมยก็พยายามยิงหน้าไม้เช่นกันแต่ดูเหมือนว่าเธอต้องได้รับการฝึกฝนที่มากกว่านี้ แถมเธอยังได้ทําเพลาหักแตกเมื่อเธอยิ่งไปที่กําแพงหรือพื้นคอนกรีต

 

มาร์คมองไปที่หน้าไม้ หน้าไม้ของเขายาวประมาณสิบแปดนิ้วและเขาก็ยังได้ออกแบบรูปร่างให้เข้ากับชุดเกราะของเขาอีกด้วย

 

สําหรับหน้าไม้ของเหมยนั้นก็เล็กกว่า มาร์คพยายามยิงหน้าไม้ของเหมย และแรงการยิงของมันก็ต่ํากว่าหากเทียบกับ ของเขาแต่ก็ยังสามารถยิงทะลุเข้ากระโหลกของมนุษย์ได้อยู่

 

สิ่งเดียวที่มาร์คต้องทําตอนนี้คือการพ่นสีสเปรย์สีดําลงไปเพื่อเป็นการตกแต่งหน้าไม้ของเขา

 

มาร์คมองไปที่เหมยและเธอก็ได้ยิ้มออกมาเมื่อเธอถือหน้าไม้ที่มาร์คได้ทําให้เธอ

 

ในขณะที่พวกเขาสองคนกําลังตรวขดูหน้าไม้ของตัวเอง ก็มีเสียงตะโกนออกมาจากข้างหลัง

 

“โว้วววววว!”

 

มันคือเสียงแองเจซึ่งเห็นมาร์คและเหมยถือหน้าไม้ของตนเอง ข้างหลังแองเจคือพอลลาที่มองดูอาวุธที่มาร์คสร้างด้วยความพึ่ง พอลลามองไปที่มาร์คด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม

 

“เอ่อ มาร์ค เราสามารถคุยกันแปปนึ่งได้มั้ย?” พอลล่ากล่าว

 

มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์

มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์

เรื่องย่อ เป็นเช้าอีกวันที่คล้ายจะปกติธรรมดาเหมือนในทุกๆวัน แต่ใครจะรู้ล่ะ วันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะ จุดกำเนิดเริ่มต้นของหายนะนั้นไม่ได้ถูกกำหนดเอาไว้ แต่หารู้ไม่ เชื้อหายนะนั้นเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่เกิดจักรวาลแห่งนี้ แต่นั่นก็แค่เกิดขึ้นบริเวณนอกบรรยากาศของโลกเพียงเท่านั้นเอง ผู้คนและสัตว์ต่างๆกลับฆ่าฟันและกินกันเอง จากนั้นค่อยๆกลายพันธุ์เป็นสัตว์ประหลาดที่ใครๆต่างก็รู้จักชื่อนี้ดี ‘ซอมบี้’ ในขณะที่บางคนนั้นโชคดีได้รับพลังและทักษะความสามารถที่จะต่อสู้กับมัน ทุกๆชีวิตในตอนนี้ที่ไม่ได้ ‘กลายร่าง’ ก็เริ่มพัฒนาหาวิธีทำลายล้างและหยุดเรื่องราวทั้งหมดนี้ในขณะที่โลกทั้งใบนี้กำลังติดเชื้อโดยสารก่อการกลายพันธุ์บางอย่าง มาร์ค ชายผู้เป็นโอตาคุ เกมเมอร์ และไม่ชอบออกไปสู่โลกภายนอก กลับติดแหงกอยู่ใจกลางแห่งความหายนะซึ่งดูเหนือธรรมชาติ การใช้ความคิด ความรู้ และความสามารถที่ไม่เหมือนใครและไม่เป็นไปตามแบบแผนของสังคมของเขานั้น จะทำให้เขามีชีวิตรอดไปอีกนานแค่ไหนกับหายนะที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดซอมบี้ การเปลี่ยนแปลงต่างๆ และผู้คนชั่วร้ายสารเลวในฐานะผู้ที่ยังรอดชีวิตอยู่ในประเทศบ้านเมืองที่มีประชากรล้นเหลือแบบนี้

Comment

Options

not work with dark mode
Reset