มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์ (Mutagen) – ตอนที่ 47 : เหตุฉุกเฉิน

ตอนที่ 47 : เหตุฉุกเฉิน

 

ในขณะที่ทุกคนกําลังมองดูร่องรอยควันหลงการระเบิดของซอม บี้ร่างอ้วน คลื่นก๊าซเหม็นทําร้ายจมูกของพวกเขาทุกคนถอยออก ไปทันทีจนกระทั่งพวกเขาแทบไม่ได้กลิ่นเหม็นแล้ว

“ทุกคนเป็นไรมั้ย?”

 

เบอนาร์ดถามด้วยความเป็นห่วงพร้อมกับมองไปรอบๆ

“ฉันไม่เป็นไรแค่รู้สึกคลื่นไส้สะอิดสะเอียนนิดหน่อยน่ะ ”

หนึ่งในพนักงานตอบกลับมาตามด้วยพนักงานคนอื่นๆเช่นกัน ส่วนใหญ่พวกเขานั้นต่างก็รู้สึกขยักแขยงคลื่นไส้และบางคนก็ได้มี อาการไอออกมาอย่างหนัก แต่รวมๆแล้วทุกคนนั้นก็ไม่เป็นอะไร

มาก

 

พอลลาก็ได้พูดพร้อมไอออกมาพร้อมๆกัน

“นี่คล้ายกับซอมบี้ Boomer ในเกมส์ Left 4 dead เลย”

 

“ใช่เลย”

 

แองเจตอบกลับด้วยสีหน้าบูดเบี้ยว มาร์คก็ได้ประหลาดใจว่าเด็ กสาวสองคนนี้รู้อะไรแบบนี้ด้วยหรอมันหายากมากที่เจอเด็ กสาวในประเทศนี้ที่เล่นเกมส์ลักษณะแบบนั้น

 

“มันคล้ายตรงที่ร่างกายของมันระเบิดได้ แต่อย่างอื่นก็ไม่เหมี อนกันนะ อีกอย่างมันยังสามารถปล่อยก๊สมีเทนออกมาจากร่างกา ยมันได้ ลองคิดดูสิว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้ามีใครบางคนยิงมันด้วยปืน”

 

ทุกๆคนนั้นก็มีท่าทางจริงจังขึ้นมาทันทีเมื่อมาร์คกล่าวแบบนั้นอ อกไป เขาหันไปหาเหล่าพนักงานและมีคําสั่งกับพวกเขา

 

“คอยดูที่นี่ไว้ และอย่าปล่อยให้ใครใช้วัตถุไวไฟต่างๆในบริเวณนี้ เด็ดขาด รอจนกว่าก๊าสจะลดลง”

พนักงานทั้งหมดก็ทําตามคําสั่ง หลังจากนั้นมาร์คก็ได้หันหลัง และเดินจากไปพร้อมกับเด็กสาวทันใดนั้นเบอนาร์ดก็ได้เข้ามาพูด กับมาร์ค

 

“เดี๋ยว! เรห์ยาก็ตามหานายอยู่นะ ลูกสาวของเธอดูเหมือนจะมี ไข้ และก็เป็นไข้สูงด้วย”

 

“ พวกเรารู้”

 

จากนั้นมาร์คก็เดินออกไปปล่อยทิ้งให้เบอนาร์ดงุนงง พวกเขารู้ง นหรอ? เบอนาร์ดก็คิดไม่ตกว่าพวกเขานั้นไปรู้มาได้ยังไงกัน

 

ทั้งสี่คนก็กลับเข้าไปในข้างในโซนขายสินค้าไอทีทันทีและเข้า ไปยังร้านค้าที่เรห์ยาและลูกสาวของเธออยู่สิ่งที่พวกเขาเห็นนั้นเรห์ ยาคอยอยู่ข้างๆลูกสาวของเธอและกังวลกับอาการปวยซึ่งลูกสาวของเธอนั้นก็กําลังหลับอยู่ซึ่งมีผ้าเบียกวางไว้บนหน้าผากของเธอในขณะเดียวกันเธอก็ได้หายใจอย่างรุนแรงไปด้วย

 

เมื่อมาร์คไปถึงประตูหน้าร้านสินค้าเรห์ยาก็มองไปที่เขา เผย ให้เห็นถึงสีหน้าที่วิตกกังวลฉายออกมาโดยทันทีเธอยืนขึ้นและเข้าไปหามาร์คโดยทันที

 

“ขอบคุณพระเจ้า นายมาสักที”

 

“อาการไข้ของเธอเป็นยังไงบ้าง?”

 

มาร์คถามเรห์ยา เธอก็ได้มองกลับไปดูลูกสาวของเธอที่กําลังน อนหลับอยู่ก่อนจะหันไปหามาร์ค

 

“ไข้เธอสูงมาก เมื่อตอนที่ลูกสาวของฉันหลับไปเมื่อกลางวันนี้ อุณหภูมิร่างกายเธอก็เริ่มที่จะสูงขึ้นเรื่อยๆที่ละนิด พอหลังจากพระ ทิตย์ตก ฉันก็ไม่คิดว่าไข้จะสูงขึ้นมาถึงขนาดนี้ได้”

“เธอเป็นลูกคนแรกของเธอใช่มั้ย? ฉันไม่คิดว่าเธอจะกังวลขนาด นี้ถ้าไม่ใช่ลูกคนแรกของเธอ”

แรกของเธอ”

 

เรห์ยาพยักหน้าให้มาร์คอย่างกระดากอาย มาร์คเข้าไปในร้าน และจับไปที่คอของซาริยาโดยใช้หลังมือขวาของเขา

 

“มันปกติอยู่ที่ไข้จะขึ้นสูงในเวลากลางคืน ฉันว่าน่าจะเป็นผลก ระทบจากการที่เธอไม่ได้อยู่ในอ้อมแขนของเธอมาก่อนหน้านี้”

 

“เธอคิดว่าไง?”

แองเจถามในขณะที่พอลลาก็ได้สัมผัสอุณหภูมิร่างกายของซาริ ยา ซึ่งนั่นทําให้เธอตกใจเบิกตากว้างขึ้นว่าเดิมน้ําเสียงที่พอลลาพูด ออกก็ดูเป็นห่วงกังวล

 

“มันไม่อันตรายมากใช่มั้ย”

 

“อันตรายสิ ฉันว่าอุณหภูมิไข้สูงเกินกว่าที่เด็กอายุแค่นี้จะทน ไหว”

 

มาร์คตอบกลับไปและหันไปหาเรห์ยา

 

“เธอได้หายามาให้ลูกของเธอหรือยัง?”

 

“ฉันพยายามลองถามทุกๆคนแล้วแต่ไม่มีใครมียาสักคน และ ฉันก็ไม่คิดด้วยว่ายาสําหรับผู้ใหญ่นั้นจะเข้ากับเด็กที่อายุแค่นี้”

 

มาร์คพยักหน้า ดูเหมือนว่าเรห์ยานั้นเรียนรู้อะไรมาบ้างนิดหน่อ ยสําหรับเตรียมตัวที่จะเป็นแม่คนอย่างน้อยเธอก็ให้ความสําคัญกับ ลูกสาวของเธอ ในทุกวันนี้มันไม่แปลกเลยที่คนที่กลายมาเป็นแม่คนนั้นจะไม่รู้อะไรเลยในการเลี้ยงลูกให้เติบโตอย่างไร และไม่ขวน ขวายในการที่จะเรียนรู้ทั้งๆที่มีข้อมูลต่างๆให้อยู่บนอินเทอร์เน็ต เพื่อเป็นความรู้ให้กับพวกเขาแม่เด็กส่วนใหญ่ที่ขาดความรู้นั้นจะจบปัญหาด้วยการให้ยาสําหรับผู้ใหญ่ให้ลูกของพวกเธอไป ส่วนใหญ่ยาพวกนั้นไม่เหมาะกับเด็กที่มีไข้

 

พอลลาดูเคร่งขรึมขึ้นมา อุณหภูมิในร่างกายซาริยานั้นสูงเกินไป มันอาจจะทําให้เธอมีอาการที่รุนแรงเพิ่มขึ้นมาอีกถ้าไม่ได้ยาในเร็วๆนี้ เธอมองไปที่มาร์คเป็นการขอร้องให้เขาทําอะไรสักอย่าง

 

“พอลลา อาการมันแย่มากเลยหรอ?”

เมื่อเห็นสีหน้าท่าทางของพอลลา แองเจก็ทําอะไรไม่ได้นอกจาก เป็นกังวล

“ใช่ มันแย่มาก ถ้าอุณหภูมิร่างกายเธอยังคงเพิ่มสูงขึ้ นต่อไปเรื่อยๆแบบนี้ เธออาจจะ…”

 

พอลลาตอบแองเจไปแต่ก็ไม่กล้าพอที่จะพูดให้จบประโยคต่อห น้าเรห์ยา

 

“ดูเหมือนว่าพวกเราต้องไปชั้นล่างแล้วล่ะ”

 

มาร์คพูดด้วยน้ําเสียงที่จริงจัง จากนั้นมาร์คก็หันไปหาเรห์ยา

“ลูกสาวของเธออายุเท่าไหร่?”

“ซาริยาอายุได้สี่ปีห้าเดือนแล้ว”

 

เรห์ยาคิดคํานวนก่อนที่จะได้ตอบออกไป

“ถ้างั้นเธออยู่ที่นี่ดูแลลูกสาวของเธอ ฉันจะไปเตรียมตัวสัก หน่อยก่อนจะออกไปหายามาให้ลูกของเธอ”

เมื่อได้ยินมาร์คพูดออกมาแบบนั้น เรห์ยาก็ค่อยๆใจชื้นขึ้นมา วยความหวัง เธอจับไปที่แขนของมาร์คและเขย่าแขนของมาร์คเพื่อ เป็นการขอบคุณ

 

“ขอบคุณนะ! ขอบคุณจริงๆ! ฉันไม่รู้ว่าจะทํายังไงดีจริงๆ”

 

มาร์คพยักหน้าและค่อยๆดึงแขนเธอออกไปอย่างอ่อนโยน

 

“ฉันจะไปหาคนที่เอาน้ําสะอาดมาให้ แล้วเธอก็เช็ดตัวซาริยา เพื่อให้อุณหภูมิลดลงให้มากที่สุดเท่าที่จะทําได้”

“ได้เลยค่ะ!”

 

มาร์ค เหมย แองเจ และพอลลาออกไปยังร้านขายสินค้า งมาร์คที่กําลังเตรียมตัวอยู่และเห็นเจมส์ที่กําลังใช้แล็บท็อปที่อยู่ตร งหน้าเก้าอี้ เมื่อเจมส์เห็นมาร์คเขาก็ได้ยืนขึ้นทันทีและเรียกมาร์ค

 

“เจ้านาย!”

 

สิ่งที่เจมส์เรียกออกมาทําให้แองเจและพอลลาจ้องมองไปที่เขา ด้วยท่าทางที่ประหลาดใจเมื่อรู้ว่าเด็กสาวสองคนนี้กําลังรู้สึกอะไร เขาก็ทําได้เพียงแค่ถอนหายใจออกมา

“ฉันมีอะไรบางอย่างให้นายทํา”

 

“แค่บอกผมมา ผมจะทําให้เลยครับ”

ชายคนนี้มีพฤติกรรมที่เหมือนว่าตัวเขานั้นอยู่ใต้การบังคับ บัญชาของมาร์ค มาร์คได้แต่ส่ายหัวและใช้ให้เขาไปเอาน้ํามาให้เรห์ยาและซาริยา และบอกให้เขาไปผู้รอดชีวิตคนอื่นๆเผื่อว่าจะมีใครที่มีความรู้เกี่ยวกับชนิดยาที่ควรให้เด็กปวยอายุสี่ปี เจมส์ก็ได้วิ่งออกไปเพื่อทําตามคําสั่งของมาร์คโดยทันที

 

มาร์ครู้ว่ามันเป็นไปได้ที่จะหายาที่ซาริยาต้องการได้ แต่ถ้าหาก ว่ามีใครสามารถบอกเขาได้ว่าต้องใช้ยาอะไรมันอาจจะง่ายขึ้น

 

“พี่คะ พี่ต้องลงไปที่ชั้นล่างจริงๆหรอคะ? มันไม่อันตรายหรอ?”

 

“เราไม่มีทางเลือก ร้านขายยาแห่งเดียวที่มีที่นี่นั้นอยู่ชั้นล่าง”

“ฉันไปด้วยได้มั้ย”

เมื่อได้ยินคําถามของเหมยมาร์คก็สายหัว เขาดีใจมากที่เธอตั้งใจ ที่จะเข้ามาช่วย แต่ตอนนี้เธอนั้นก็ยังเดินได้ไม่ปกติอยู่เธอคงจะไม่ สามารถที่จะวิ่งได้ด้วยเช่นกัน

 

“ไม่ได้ เธอยังวิ่งไม่ได้เลยถูกมั้ย? แค่อยู่ที่นี่ก็พอ”

 

เหมยก็มีท่าทีที่เศร้าหมองลงในทันทีแต่เธอก็ได้พยักหน้าด้วย ความไม่เต็มใจ

 

“ถ้างั้นฉันไปกับนายนะ”

 

แองเจพูดออกมาพร้อมกับกํามือแน่น แต่เธอก็ต้องประหลาดใจ มาร์คนั้นส่ายหัวใส่เธอ

 

“เธอก็อยู่ที่นี่เช่นกัน พาเหมยไปหาคุณเรห์ยาและช่วยคุณเรห์ดู แลลูกสาวของเธอ”

มาร์คได้หันไปหาพอลลาและมองดูคันธนูที่แขวนอยู่ที่หลังของ

เธอ

 

“ครั้งนี้ฉันจะพาเธอไปด้วย”

เมื่อเห็นว่ามาร์คนั้นมองไปที่คันธนูของเธอ เธอก็รู้ว่ามาร์คคิดอะ ไรอยู่ เธอก็ได้พยักหน้า

 

“ทําไมกัน? พอลลาควรอยู่ดูแลคนอื่นๆมากกว่าฉันสะอีก!”

แองเจซึ่งไม่เข้าใจความหมายท่าทางของมาร์ค ก็เริ่มที่จะฉุน เฉียวขึ้นมา มาร์คก็ทําได้แค่ยักไหลใส่เธอกลับไป

 

“อย่างน้อยเธอก็รู้ว่าเธอทําไม่ได้”

 

แองเจรู้สึกงุนงงและโกรธขึ้นมา

 

“แองเจ ครั้งนี้เราต้องต่อสู้กันอย่างหลบๆซ่อนๆ มาร์คต้อ งการฉันเพื่อเป็นการสนับสนุนเขาเพราะฉันใช้ธนูเป็น ”

 

พอลลารู้ว่าเพื่อนของเธอนั้นกําลังถูกแกล้งแหย่อีกครั้ง เธอจึงพูด เหตุผลออกไป แองเจก็เริ่มสงบลงหลังจากได้รู้เหตุผลเหล่านั้น

“ถ้างั้นฉันจะให้เธออยู่ที่นี่เพื่อดูแลปกป้องเหมย เพราะแบบนั้น เธอจะไม่ได้ต้องกังวลถึงทักษะการดูแลผู้อื่นของเธอ”

 

“ทําไมล่ะ?”

 

“เธอไม่ต้องอยากรู้เหตุผลหรอก แค่ปกป้องเธอและอย่าทิ้ง ให้เธออยู่คนเดียว ตกลงมั้ย?”

 

มาร์คพูดออกมาด้วยท่าทางที่เคร่งขรึมเกินไปซึ่งทําให้แองเจตก ลงพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้

“แล้วก็ให้พอลลายืมเสื้อเกราะของเธอด้วย”

 

แองเจทําสีหน้าไม่เต็มใจเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า

 

แม้ว่าเธอจะแสดงสีหน้าแบบนั้นออกมามารคก็สัมผัสได้ว่าอา รมณ์ของแองเจตอนนี้นั้นแปรปรวน

 

“ฉันรู้แล้ว เสื้อเกราะนั่นมันสําคัญมากกว่าเพื่อนของเธอสินะ

หะ?”

 

“หะะะ! ไม่ใช่นะ! ฉัน! นายยยนี่นะ!!”

แองเจตอบกลับไปอย่างขายขี้หน้า แต่เธอก็เพิ่งรู้ตัว หลังจากเห็ นว่ามาร์คทําสีหน้าที่ยิ้มเยาะใส่เธอ

 

“นายแกล้งฉันอีกแล้ว!”

แองเจมองไปข้างๆและเห็นพอลลาซึ่งได้หันหลังไปและตัวสั่นระ ลิก พอลลาพยายามอย่างมากที่สุดที่จะเก็บซ่อนอาการเอาไว้แต่แองเจก็ยังเห็นว่าเพื่อนของเธอนั้นก็ได้หัวเราะเยาะกับการแส ดงออกของแองเจเช่นกัน

 

มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์

มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์

เรื่องย่อ เป็นเช้าอีกวันที่คล้ายจะปกติธรรมดาเหมือนในทุกๆวัน แต่ใครจะรู้ล่ะ วันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะ จุดกำเนิดเริ่มต้นของหายนะนั้นไม่ได้ถูกกำหนดเอาไว้ แต่หารู้ไม่ เชื้อหายนะนั้นเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่เกิดจักรวาลแห่งนี้ แต่นั่นก็แค่เกิดขึ้นบริเวณนอกบรรยากาศของโลกเพียงเท่านั้นเอง ผู้คนและสัตว์ต่างๆกลับฆ่าฟันและกินกันเอง จากนั้นค่อยๆกลายพันธุ์เป็นสัตว์ประหลาดที่ใครๆต่างก็รู้จักชื่อนี้ดี ‘ซอมบี้’ ในขณะที่บางคนนั้นโชคดีได้รับพลังและทักษะความสามารถที่จะต่อสู้กับมัน ทุกๆชีวิตในตอนนี้ที่ไม่ได้ ‘กลายร่าง’ ก็เริ่มพัฒนาหาวิธีทำลายล้างและหยุดเรื่องราวทั้งหมดนี้ในขณะที่โลกทั้งใบนี้กำลังติดเชื้อโดยสารก่อการกลายพันธุ์บางอย่าง มาร์ค ชายผู้เป็นโอตาคุ เกมเมอร์ และไม่ชอบออกไปสู่โลกภายนอก กลับติดแหงกอยู่ใจกลางแห่งความหายนะซึ่งดูเหนือธรรมชาติ การใช้ความคิด ความรู้ และความสามารถที่ไม่เหมือนใครและไม่เป็นไปตามแบบแผนของสังคมของเขานั้น จะทำให้เขามีชีวิตรอดไปอีกนานแค่ไหนกับหายนะที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดซอมบี้ การเปลี่ยนแปลงต่างๆ และผู้คนชั่วร้ายสารเลวในฐานะผู้ที่ยังรอดชีวิตอยู่ในประเทศบ้านเมืองที่มีประชากรล้นเหลือแบบนี้

Comment

Options

not work with dark mode
Reset