มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์
ตอนที่ 49 : บทสนทนาแบบลับๆ
เวลา 19.01 นาฬิกา – ห้างสรรพสินค้าบาคัวร์, ทางเดินพนักงาน, ชั้นหนึ่ง
หลังจากที่ฆ่าฝูงซอมบี้ทั้งหมดภายในทางบันไดเรียบร้อย มาร์คก็เรียกเฟอร์นานและพนักงานหญิงอีกคนซึ่งมีชื่อเอลลา พวกเขาปิดประตูซึ่งเป็นประตูที่นําเข้าไปสู่ชั้นสองและอยู่เฝ้าป้องกันประตูที่ชั้นแรกเอาไว้
มาร์คและพอลลาเดินลอบเข้าไปในทางเดินพนักงานของชั้นหนึ่ง มาร์คคาดว่ายังมีฝูงซอมบี้ภายในทางเดิน แต่บริเวณนั้นก็มีพวกซอมบี้น้อยกว่าหากเทียบกับส่วนในบริเวณอื่นๆของห้าง ทางเดินนี้ให้แค่พนักงานเท่านั้นที่สามารถเข้ามาได้และยังมีผู้คนจํานวนมากที่ไม่รู้ว่าทางเดินนี้มีอยู่ในห้างสรรพสินค้า หลักฐานชิ้นสําคัญที่ทําให้มาร์คนั้นคิดแบบนั้นก็เพราะพวกซอมบี้ส่วนใหญ่ที่มีอยู่ตามทางเดินนั้นใส่ชุดทํางานของห้างสรรพสินค้า
ทั้งสองคนนั้นก็ได้เว้นระยะห่างจากพวกฝูงซอมบี้และค่อยๆใช้คันธนูและหน้าไม้ของพวกเขาอย่างเงียบเชียบที่สุด มาร์ครู้สึกดีอย่างมากกับการที่ได้เห็นพอลลานั้นฆ่าพวกซอมบี้โดยไม่มีความลังเล เธอเก่งกว่าแองเจในเรื่องนี้
เมื่อมาร์คไม่สามารถทําให้พวกซอมบี้ล้มเอนไปกับผนังได้ มันได้ตายลงไปกับพื้น มาร์คคาดคิดเอาไว้ว่าเสียงพวกนั้นมันจะทําให้ดึงดูดพวกฝูงซอมบี้เข้ามาทางเขาแม้ว่าจะเป็นจํานวนเล็กน้อยก็ตามระหว่างเวลาแบบนั้น โดยเฉพาะตัวที่เข้ามาจู่โจมจะเป็นซอมบี้นัก มาร์คจะเป็นคนนําและจัดการต่อสู้ปะลองกับมัน และพอลลาจะเป็นคนที่คอยช่วยเหลือจากข้างหลัง มาร์คปลาบปลื้มในความแม่นธนูของพอลลาอย่างมากเมื่อเธอนั้นเล็งลูกธนูทะลุเข้าหัวของพวกมันโดยไม่พลาดไปโดนเขาเลยสักครั้ง
ขณะที่พวกเขากําลังเคลียพื้นที่และเก็บลูกธนูและลูกศรจากซากร่างศพของพวกซอมบี้ พอลลาก็ได้เริ่มบทสนทนาอย่างเป็นทางการโดยใช้เสียงให้เบาให้มากที่สุด
“นายชอบเหมยหรอ”
“ทําไมอยู่ๆก็ถามอะไรแบบนี้ออกมา?”
“นายก็รู้ว่านายกับเหมยทําตัวเหมือนเป็นคู่รักกัน”
มาร์คถอนหายใจและยิงหน้าไม้เข้าไปที่ลูกตาด้านขวาของซอมบี้นักกระหายที่กําลังจะเข้ามา
“ฉันไม่สามารถพูดได้หรอกว่าฉันชอบเธอ ไม่มีอะไรมากไปกว่าการรู้จักความทุกข์ทรมานของกันและกัน และการให้ไปและการรับมาซึ่งเป็นสิ่งที่เราสองคนต่างต้องการจากกัน”
“แต่ฉันว่าเธอชอบนายนะ แล้วนายไม่คิดว่าเธอสวยหรอ? นายดูไม่ได้โดนเธอดึงดูดเลย”
พอลลาดึงสายธนูของเธอและยิงทะลุขมับด้านซ้ายของซอมบี้นักกัดที่กําลังโซเซเข้ามา
“ก็ใช่ เธอมีความรู้สึกชอบให้กับฉัน ฉันไม่ปฏิเสธเรื่องนี้ แต่ความรู้สึกเหล่านั้นส่วนใหญ่มันเป็นความรู้สึกมากกว่าคําว่าชอบและเธอก็สวยจริงๆ ใครๆก็ตามที่ไม่ตาบอดก็จะบอกแบบนั้น แต่อย่างไรก็ตามรสนิยมผู้หญิงของฉันไม่ได้ขึ้นอยู่ลักษณะภายนอกแต่เป็นภายในจิตใจต่างหาก ฉันยังต้องใครบางคนที่สามารถทําอาหาร ให้ฉันได้และทําความสะอาดบ้านให้ฉัน ฉันจะถามเธอนะ เจ้าหญิงน่ะทําอะไรแบบนั้นได้มั้ยล่ะ?”
พอลลานั้นได้สําลักจึงทําให้พลาดเป้าต่อไป โชคดีที่เสียงลูกธนูของเธอนั้นกระเด็นใส่กําแพงพอดี ทําให้ดึงความสนใจของพวกซอมบี้ออกไปจากพวกเขา
“ระวังหน่อยสิ”
“ความผิดใครกันล่ะ? เหมยกําลังจะมีเวลาที่ยากลําบากถ้าเธอตกหลุมรักนายนะ”
“ถ้าหากว่ามันเกิดขึ้นจริงๆมันก็จะเป็นประโยชน์ต่อเธออย่างมาก ถ้าเธอรู้สิ่งเหล่านั้นในสถานการณ์ที่เรากําลังเจออยู่”
พอลลายิ้มออกมาอย่างขมขึ้นภายใต้หมวกป้องกันของเธอเพราะเธอรู้สึกโต้แย้งในสิ่งที่มาร์คพูดออกมา
“ฉันนั้นไม่ได้เป็นคนที่มีเสน่ห์อะไร ฉันไม่ใช่คนช่างเลือก ถ้าเธอตกหลุมรักฉัน ถ้าอย่างนั้นฉันจะสองสิ่งที่เธอจําเป็นต้องรู้ให้กับเธอ”
พอลลามองไปที่เขาอย่างประหลาดใจ จริงๆแล้วเขายอมรับรักจากสาวสวยๆโดยการบอกว่า “ไม่ช่างเลือก” งั้นหรอ?
“อีกอย่างหนึ่ง นายสังเกตุอย่างไรว่าฉันสามารถบอกได้ว่าคนไหนโกหกหรือพูดความจริงอยู่?”
มาร์คมองไปที่พอลลาและตอบกลับไปป
“ก็… ฉันสังเกตได้ในเวลที่ฉันกําลังพูดโกหกนะ อารมณ์ของเธอจะแปรปรวนทุกๆครั้งที่ฉันโกหก เธอก็รู้ใช่มั้ย? ฉันก็พอสัมผัสได้นิดหน่อยและสรุปได้ว่าเธอมีความสามารถในการจับโกหกคนได้งั้นเธอจะเฉลยเรื่องนี้ให้มั้ยล่ะ? ”
พอลลาพยักหน้าพร้อมกับเล็งลูกธนูเข้าไปที่หัวของซอมบี้
“ฉันได้รับความมาสามารถนี้เป็นมรดกมาจากแม่ของฉัน ความสามารถเดียวที่ฉันมีคือการตรวจสอบได้ว่าคนตรงหน้าฉันนั้นโกหกฉันอยู่หรือไม่ ก็อย่างที่นายได้กล่าวไปก่อนหน้านี้ ฉันคือเครื่องจับเท็จไงล่ะ เหมือนกับแม่ของฉัน แม่ของฉันทํางานเป็นนักสืบเอกชน และเธอก็สําเร็จในหน้าที่การงานด้านนี้สะด้วย”
“นักสืบที่มาพร้อมกับความสามารถแบบนั้นจะประสบความเร็จเลยหรอ?”
“ฉันเดาว่านายคิดถูกสําหรับเรื่องนี้”
“แล้วก็ที่ฉันอยากรู้มากที่สุดก็คือเรื่องแองเจไลน์ เธอรู้จักศิลปะการต่อสู้และเห็นได้ชัดว่าเธอมีความสนใจเรื่องของปืน อาวุธและสิ่งต่างๆที่เป็นการปะลองการต่อสู้ นั่นไม่ใช่สิ่งที่พบได้จากเด็กสาวปกติทั่วไป”
“เธอได้รับงานอดิเรกพวกนี้มาจากพ่อของเธอ พ่อของเธอทํางานอยู่ในกองทัพทหาร”
“นั่นก็สามารถเข้าใจได้ แล้วพ่อของเธอมีตําแหน่งอะไรล่ะ?”
“พ่อของเธอเป็นทหารยศพลโทเลยล่ะ”
“เรื่องจริงหรอเนี่ย?”
พอลลาพยักหน้า
ทั้งสองคนนั้นก็ได้มาถึงจุดสิ้นสุดของมุมทางเดิน มาร์คมองไปที่สถานการณ์ผ่านมุมทางเดินโดยใช้กระจกขนาดกะทัดรัด ตรงนั้นยังมีฝูงซอมบี้อยู่แต่จํานวนของพวกมันก็ไม่น่ากลัวมากตราบใดที่ไม่ได้ดึงดูดพวกมันทั้งหมดมารวมตัวกัน
เขาหมอบอยู่ที่มุมทางเดินและยิงลูกศรเข้าไปยังหัวของซอมบี้ตัวที่อยู่ใกล้ที่สุดและฆ่ามันโดยทันที
“เมื่อมาคิดว่าเธอคือลูกสาวของทหารยศพลโท เราสามารถเรียกให้กองทัพทหารส่งผู้ช่วยว่าเร็วกว่านี้ก็ได้นะ”
“เธอหมายความว่าไง?”
สําหรับคําถามของพอลลา มาร์คก็ได้อธิบายวิธีการที่เขาติดต่อไปยังกองทัพและสถานการณ์ของการกู้ภัยในตอนนี้
“เมื่อรู้ว่านายได้ทําแบบนั้นไปแล้ว แต่นายก็ยังไม่ยอมบอกพวก เรา”
“ฉันขอโทษด้วย มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นจนฉันลืมไป”
“ถ้าเราสามารถติดต่อพ่อของแองเจได้ พวกเขาจะเข้ามาช่วยเราเร็วกว่านี้จริงๆ”
เมื่อมาร์คได้ยินเธอพูดออกมาว่า “พวกเรา” เขาก็ตัวแข็งที่อและยิ้มออกมาอย่างขบขันภายใต้หมวกรักษาความปลอดภัยของเขา
แน่นอนว่าพอลลาสังเกตได้ถึงการเปลี่ยนไปของท่าทางเขาจึงถามออกมา
“มีอะไรผิดงั้นหรอ?”
“ป่าว”
พอลลาขมวดคิ้วของเธอ เขากําลังโกหกอีกแล้ว เช่นกัน มาร์คก็ได้สังเกตุเห็นว่าอารมณ์ของเธอแปรปรวน
“เธอไม่จําเป็นต้องเป็นแบบนี้ มันไม่มีประโยชน์อะไรสําหรับตอนนี้ ก็ได้ ฉันจะถามเธอและขอความช่วยเหลือจากแองเจไลน์ในภายหลัง”
“นายจะไม่บอกฉันตอนนี้งั้นหรอ?”
“ไว้ทีหลัง เข้าใจนะ? ทีหลัง”
ทั้งสองคนก็ได้ดําเนินฆ่าฝูงซอมบี้ต่อไปและเดินอย่างระมัดระวังผ่านทางเดิน ร้านสินค้าที่ขายยาน่าจะเจอเจอได้ผ่านประตูสักบานตรงปลายทางสุดของทางเดิน
พวกเขาตกอยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอีกครั้ง เมื่อซอมบี้ที่พอลลายิงนั้นพลาดทําให้เกิดอุบัติเหตุลูกธนูกระแทกเข้ากับพื้นจนทําให้เกิดเสียงดังและดึงดูดซอมบี้นักกัดมาเป็นจํานวนที่เยอะพอสมควร มาร์คเกือบจะโดนพวกมันกัด แต่อย่างไรก็ตามเขาก็ใช้สกิลทั้งหมดที่มีกั้นปากของมันไว้ด้วยแขนของเขาที่มีที่ป้องกันอยู่แล้ว
เหตุการณ์นี้ทําให้พอลลารู้สึกหผิดอย่างมากสําหรับความวุ่นวายที่เธอก่อขึ้น
แต่จากนั้นมาร์คก็ส่งสัญญานให้พอลลาหยุดทําแบบนั้น
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ฉันรู้สึกได้ว่ามีคนอยู่สองคน”
“ว้าว นายนี่ช่างเหมือนได้ทํางานเป็นนักสืบเลยรู้มั้ย? นายเคยคิดที่จะเป็นอาสาสําหรับภารกิจการช่วยเหลืออย่างเช่นพวกแผ่นดินไหวอะไรแบบนี้มั่งมั้ย?”
“ไม่หรอก ฉันอาจจะตายไปกับสภาพจิตที่ห่อเหี่ยวและเหนื่อยหน่าย ถ้าฉันต้องอยู่ในสถานที่ที่น่าเศร้าแบบนั้น”
“ไหนล่ะคนที่นายรู้สึกว่ามีอยู่”
“อยู่ประตูถัดไปนะ”
พอลลามองไปที่มาร์ค
“นายอยากช่วยพวกเขามั้ย?”
“เธอคิดว่าฉันอยากหรอ?”
พอลลาก็ได้แต่ส่ายหัว เธอรู้ว่าในใจของชายคนนี้นั้นกําลังคิดอะไรอยู่ แต่เธอก็ต้องประหลาดใจกับคําถามต่อไปของเขา
“ก็ได้ เธอต้องการทําอะไรล่ะ ต้องการจะช่วยพวกเขาใช่มั้ย?”
“ฉันอยากช่วย แต่นายก็มีคําตอบในใจอยู่แล้ว”
“หืมมม ฉันจะยอมช่วยพวกเขา แต่เธอห้ามปฏิเสธการขอความช่วยเหลือจากฉันในครั้งหน้าละกัน ถ้าฉันขอไว้”
“นั่น…”
“ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันไม่ขอให้เธอทําอะไรที่เป็นไปไม่ได้ แล้วก็ถ้าพวกเขาสองคนที่เธออยากช่วยนั้นมันมีจุดมุ่งหมายที่ไม่ดีหรือคิดจะฆ่าพวกเรา ฉันจะฆ่าพวกเขาโอเคมั้ย?”
เมื่อรู้ว่ามาร์คสามารถทําแบบนั้นได้จริงๆ พอลลาก็พยักหน้า
เมื่อถึงด้านหน้าของประตู มาร์คก็เคาะประตูบานนั้นอย่างระมัดระวัง