มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์ (Mutagen) – ตอนที่ 52 : แทบสําลักเมื่อได้กลับมา

มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์ (Mutagen)

ตอนที่ 52 : แทบสําลักเมื่อได้กลับมา

 

เวลา 19.31 นาฬิกา – ห้างสรรพสินค้าบาคัวร์, ใจกลางห้าง,ชั้นแรก,ร้านขายยา Batsons

มาร์คเข้าไปข้างในห้องเก็บของร้านค้าพร้อมกับอุ้มแอ็บบีเกลเข้ามาด้วยและบิดล็อคประตูทันที

พอลลาและนักเรียนอีกสองคนต่างก็ตกใจจากการที่มาร์คอยู่ๆก็โผล่เข้ามาพอลลาต้องการถามมาร์คถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนแต่เธอไม่สามารถทันได้ถามออกไป เมื่อมาร์คโพล่งออกมาด้วยรวดเร็ว

“หายาเจอหรือยัง?”

“เจอแล้ว เกิดอะไรขึ้น?”

 

“ถ้างั้นก็ไปกันได้แล้ว พวกกลายพันธุ์แแบบใหม่ปรากฏขึ้นมาอีกแล้วและฉันไม่สามารถจัดการที่จะฆ่ามันได้”

“อะไรนะ?!”

 

พอลลานั้นก็ตกใจ เธอรีบแพ็คของทุกอย่างและเร่งรัดให้นักเรียนทั้งสองเข้ามาช่วย

 

“กลายพันธุ์งั้นหรอ? พวกนั้นมันคือตัวอะไร?”

 

แบรนดอนถามพอลาในขณะที่เขาได้ปิดประเป๋าที่มาร์คมอบให้

เขา

“ซอมบี้ที่มีพลังความสามารถเพิ่มขึ้นไปอีกระดับไง”

คําเหล่านั้นทําให้นักเรียนทั้งสองคนต่างเสียววูบ แค่ซอมบี้ที่พวกเขาเผชิญหน้ามาก่อนหน้านี้ก็ทําให้เขาเอาชีวิตรอดยากอยู่แล้วและยังมีตัวที่มีความสามารถเหนือระดับเพิ่มอีกงั้นหรอ?

“แล้วเด็กสาวคนนี้คือใคร?”

 

พอลลาถามมาร์คพร้อมกับมองไปที่เด็กสาวที่มาร์คอุ้มอยู่

 

“ฉันเจอเธออยู่ใต้เคาร์เตอร์ข้างนอก”

“นี่ใช่ที่นาย…”

บึง! ปัง!

พอลลายังไม่ทันได้พูดเสร็จจนจบคําถามของเธอ ก็ได้มีเสียงทุบประตูมาจากประตูที่มาร์คเพิ่งได้ปิดไป

“ไปเร็ว!”

 

มาร์คได้เร่งพวกเขาทั้งสามคนและออกมาจากห้องเก้บของเพื่อไปยังทางเดิน หลังจากนั้นสายตาที่อยู่ภายใต้หมวกป้องกันนั้นก็ต้องเบิกกว้างขึ้น

“อะไรวะเนี่ย! เร็วเข้าวิ่งเร็ว!”

 

มาร์คตะโกนไปที่พวกเขาทั้งสามคน พวกเขาได้ยินเสียงที่มาร์คตะโกนออกมาและชําเลืองไปยังทางที่มาร์คนั้นมองดูและพวกเขาเห็นซอมบี้หญิงขนาดใหญ่กําลังวิ่งมาทางพวกเขาเมื่อได้เห็นซอมบี้ นั้นเด็กนักเรียนทั้งสองคนก็ได้วิ่งหนีโดยทันทีพอลลาและมาร์คก็ได้ ถลาถอยหนี

ซอมบี้กลายพันธุ์ร่างยักษ์อีกตัว!

มาร์คก็ไม่ลังเลอีกต่อไป

 

“ถือนี้ไว้!”

 

มาร์คโยนหน้าไม้ของเขาให้กับพอลลาและดึงปืนสั้นที่เก็บไว้ข้างลําตัวของเขาออกมา

 

“แอ็บบีเกล ปิดหูเธอสะ”

 

เมื่อได้ยินมาร์คกล่าวออกมา เด็กสาวตัวเล็กๆก็ได้ปิดหูทั้งสองข้างของเธอและแนบศรีษะของเธอไว้บนไหล่ซ้ายของมาร์ค

 

ปัง!

 

หลังจากที่ซอมบี้ร่างยักษ์หญิงตัวนั้นผ่านเข้ามายังร้านขายยาที่พวกเขาเพิ่งออกมา มาร์คก็ได้ยิงไปที่ขาของมัน

เหมือนวิธีเดียวกับการที่เขาจัดการซอมบี้ร่างยักษ์ตัวก่อนหน้าเขาตัดสินใจใช้ซอมบี้ร่างยักษ์ตัวนี้กีดขวางพวกฝูงซอมบี้ที่อาจ จะออกมาจากร้านขายยาถ้าหากพวกมันพังประตูออกมาได้

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากเสียงปืนสั้นที่ดังออกมา ฝูงซอมบี้จากอีกฝั่งของทางเดินก็เริ่มบุกกันเข้ามาหาพวกเขา

ขณะที่มาร์คนั้นวิ่งหนีอยู่ เขาก็ได้นําวิทยุพกพาที่เจมส์ให้ออกมา

“แองเจไลน์อยู่มั้ย! แองเจไลน์!”

(พี่คะ?]

 

“เหมย? ทําไมวิทยุมาอยู่กับเธอ? แองเจไลน์ไปไหน?”

 

(พี่คะ เธออยู่ตรงทางเข้าของร้านค้า เธอได้รับบาดเจ็บค่ะ]

“ถ้างั้นไอคนนั้นมันทําร้ายเธอจริงๆใช่มั้ย? เธอเป็นอะไรมา กมั้ย?”

ใช่ค่ะ เขาทําร้ายเธอ แองไจไลน์ไม่เป็นอะไรมาก ]

“โอเค ฉันจะไปจัดการมันที่หลัง พวกเรากําลังกลับไป บอกแองเจไลน์ให้ส่งคนมาที่ทางบันไดและหาของมาไว้กั้นประตูด้วย!พวกเรากําลังถูกพวกฝูงซอมบี้วิ่งไล่ตามอยู่ตอนนี้!”

โอเค! พี่คะ! ระวังตัวด้วย!]

“ได้เลย ไปเร็ว!”

มาร์คเก็บวิทยุพกพากลับเข้าไปที่เข็มขัดด้วยสีหน้าที่ดุดัน เขาปลดปล่อยความน่ากลัวของตัวเองออกมา จนแม้กระทั่งพอลลาและเด็กนักเรียนสองคนนั้นกลัวจนตัวสั่น

เมื่อเสียงวิทยุดังออกมา พอลลาก็ได้ยินในสิ่งที่เหมยพูดและสีหน้าของเธอก็เปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมขึ้น

มาร์คต้องการปลดปล่อยความโกรธของเขาออกมาตอนนี้ ถ้าเขาไม่ต้องอุ้มแอ็บบีเกล เขาอาจจะหยุดและหันไปฆ่าพวกซอมบี้ที่อยู่ข้างหลังเขาได้

จากนั้นเขาก็เห็นตู้กดน้ําที่อยู่ข้างทางเดิน เขากระตุ้นอะดรีนารีนออกมาโดยไม่รู้ตัวและเตะตู้กดน้ํา

ตู้ถูกกระแทกไปด้านหลังประมาณสองเมตรและถังน้ํา ด้านบนก็ล้มลงน้ําจากถังหกกระจายไปทั่วพื้น ซึ่งทําให้พวกซอมบี้นักกัดล้มลื่นไถลไปกับพื้น

ทั้งสามคนนั้นต่างก็ถึงกับวิธีที่มาร์คใช้จัดการกับพวกฝูงซอมบี้แต่เมื่อเห็นตู้กดน้ําขนาดหนักนั้นล้มลงไป พวกเขาก็ต้องสงสัยว่ามาร์คนั้นแข็งแรงแค่ไหนถึงจะทําแบบนั้นได้?

มาร์คเริ่มสงบอารมณ์ลงและรู้สึกถึงความเจ็บปวดไปที่เท้ามาร์คยังรู้สึกได้อีกว่าแขนของแอ็บบีเกลนั้นกอดรัดที่คอเขาแน่นกว่าเดิมเมื่อเวลาใดที่เขารู้สึกโมโห และตอนนี้เขานั้นสงบอารมณ์ลงแอ็บบีเกลก็ได้กอดรัดไปที่คอของเขาอย่างเบาลง

เขานั้นรู้สึกปลื้มกับเด็กสาวคนนี้

 

เนื่องจากมาร์คและพอลลาได้ป้องกันพื้นที่บริเวณนี้มาก่อน พวกเขาไม่สามารถเผชิญหน้ากับความอันตรายได้มากกว่านี้แล้วพวกเขาได้วิ่งหนีและมาถึงประตูที่นําไปสู่ห้องบันได

เฟอร์นานและเอลล่าเปิดประตูให้พวกเขาเข้าไป และมาร์ครีบบอกให้สองคนนั้นรีบบิดประตู ทั้งสองนั้นก็ได้ตกใจเนื่องจากมาร์คและพอลลากลับมาด้วยคนอีกสามคน อย่างไรก็ตามพวกเขาก็ได้ยินน้ําเสียงของมาร์คที่เร่งรีบ ทั้งสองคนก็รีบปิดประตูโดยทันที

 

หลังจากนั้นพนักงานหลายๆคนก็ได้ลงมาจากชั้นสามซึ่งถือสิ่งของขนาดหนักต่างๆเพื่อใช้เป็นสิ่งกีดกั้นประตูตามคําสั่งของมาร์ค

 

เมื่อกลับมาข้างในยังโซนขายสินค้า พอลลาก็ได้ตรงดิ่งไปหาเรห์ยาเพื่อที่จะนํายาไปให้ชาริยา ในขณะที่มาร์คนั้นที่อุ้มแอ็บบีเกลอยู่ก็ไปหาแองเจและเหมย แบรนดอนและจูลีนั้นกอดซึ่งกันและกันด้วยความดีใจที่พวกเขาสามารถรอดชีวิตมาได้และอยู่ในพื้นที่บริ เวณที่ปลอดภัย

มาร์คเจอเหมยและแองเจที่ร้านสินค้าที่เรห์ยาและลูกสาวของเธออยู่ข้างในสิ่งที่เขาเห็นภายในร้านที่แองเจและเหมยได้อยู่ก่อนหน้านี้คือมีชายคนหนึ่งที่ถูกมัดไว้ซึ่งถูกพวกพนักงานคุ้มกันเขารู้สึกว่ายังไม่อยากจัดการกับชายคนนั้นใตอนนี้เขาได้เข้าไปหาเรห์ยาและซาลิยา

เมื่อมาร์คเข้าไปในร้าน เรห์ยาเข้าไปหามาร์คด้วยความรู้สึกขอบคุณซึ่งมาร์คปฏิเสธที่จะรับไว้ตอนนี้ เมื่อซาริยาเพิ่งถูกป้อนด้วยยาและมันยังไม่ออกฤทธิ์ใดๆ

มาร์คได้มองไปที่แองเจซึ่งแขนของเธอนั้นถูกพันด้วยผ้าพันแผลใช่เธอโดนมีดบาดเป็นแผลยาวที่ฝ่ามือของเธอ

 

ในขณะที่เหมยต้องการที่จะกอดมาร์ค เมื่อเห็นว่าเขากลับมาถึงแต่ก็ต้องกลับกลายเป็นว่าไม่สามารถทําได้เพราะว่ามาร์คนั้นยังอุ้มแอ็บบีเกลอยู่ในอ้อมแขน

 

พอลลาก็ได้รู้สึกสับสนและถามออกมาในที่สุด

 

“ทําไมนายไม่วางเธอลงล่ะ?”

เมื่อได้ยินคําถามของเธอ มาร์คก็ได้ถอดหมวกป้องกันออกด้วยแขนที่อิสระของเขา และวางหมวกลงบนเคาร์เตอร์

“ฉันก็หวังว่าฉันจะทําได้”

ทุกคนต่างก็งุนงง

 

แองเจก็เกิดความคิดและยืนขึ้นเดินไปหาที่ด้านหลังมาร์คและมองเข้าไปที่ใบหน้าของแอ็บบีเกลจากนั้นเธอก็พูดออกมา

“เด็กคนนี้กําลังหลับอยู่”

 

พวกเขาทุกคนนั้นก็ได้ตกใจและแปลกใจอย่างมาก โดยเฉพาะพอลลาเธอคิดว่าเด็กสาวที่ถูกอุ้มนี้โดนมาร์คสั่งให้เงียบในเวลาที่เธอโดนมาร์คอุ้มเธอไม่ได้คาดคิดเลยว่าเด็กสาวคนนี้จะหลับลงไป

“เธอหลับไปตอนไหน?”

พอลลาถาม

“หลังจากตอนที่ฉันเตะตู้กดน้ํา”

“ตอนนั้นเราก็วิ่งหนีกันอยู่ไม่ใช่หรอ?”

“ก็ใช่นะ”

 

มาร์คก็ได้มองลงไปที่เด็กเจ้าปัญหานี้

“ถ้างั้นก็วางเธอลงเถอะ เธอจะได้หลับในที่ที่สบายกว่านี้”

แองเจแนะนํา มาร์คก็ได้มองไปที่แองเจ

 

“ทําไมเธอไม่ลงพยายามแกะแขนของเธอออกให้หน่อยล่ะ?”

แองเจยิ่งสับสนุนงงมากกว่าเดิมหลังจากได้ยินที่มาร์คกล่าวจากนั้นเธอจึงได้จับแขนทั้งสองข้างของเธอที่ล็อคคอมาร์คอยู่และพยายามแกะแขนของเธอออกแต่แองเจก็ต้องตกใจ

 

เธอไม่สามารถแกะแขนของเด็กสาวออกจากคอมาร์คได้!ช่างเป็นเด็กสาวที่แข็งแรงอะไรขนาดนี้

เด็กสาวคนนี้ดูอายุเพียงแค่ห้าถึงหกขวบ แต่แม้กระทั่งแองเจที่แข็งแรงและสั่งสมประสบการณ์การต่อสู้มาพอสมควรนั้นยังไม่สามารถดึงแขนจากมือเธอออกจากคอมาร์คได้

อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าเธอถูกปลุกขึ้นมา เด็กสาวตื่นหาวขี้นมาภายใต้สายตาที่ประหลาดใจของผู้หญิงที่อยู่รอบๆมาร์ค แอ็บบีเกลมองไปรอบๆและเพิกเฉยสายตาเหล่านั้นจากนั้นเธอก็ได้มองไปที่มาร์คและพูดออกมา

 

“ปะปา หนูหิว”

 

แค่ก! แค่ก!

 

มาร์คถึงกับต้องสําลักน้ําลายของเขา

 

มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์

มหาวิบัติสงครามการกลายพันธุ์

Status: Ongoing
เรื่องย่อ เป็นเช้าอีกวันที่คล้ายจะปกติธรรมดาเหมือนในทุกๆวัน แต่ใครจะรู้ล่ะ วันนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของหายนะ จุดกำเนิดเริ่มต้นของหายนะนั้นไม่ได้ถูกกำหนดเอาไว้ แต่หารู้ไม่ เชื้อหายนะนั้นเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่เกิดจักรวาลแห่งนี้ แต่นั่นก็แค่เกิดขึ้นบริเวณนอกบรรยากาศของโลกเพียงเท่านั้นเอง ผู้คนและสัตว์ต่างๆกลับฆ่าฟันและกินกันเอง จากนั้นค่อยๆกลายพันธุ์เป็นสัตว์ประหลาดที่ใครๆต่างก็รู้จักชื่อนี้ดี ‘ซอมบี้’ ในขณะที่บางคนนั้นโชคดีได้รับพลังและทักษะความสามารถที่จะต่อสู้กับมัน ทุกๆชีวิตในตอนนี้ที่ไม่ได้ ‘กลายร่าง’ ก็เริ่มพัฒนาหาวิธีทำลายล้างและหยุดเรื่องราวทั้งหมดนี้ในขณะที่โลกทั้งใบนี้กำลังติดเชื้อโดยสารก่อการกลายพันธุ์บางอย่าง มาร์ค ชายผู้เป็นโอตาคุ เกมเมอร์ และไม่ชอบออกไปสู่โลกภายนอก กลับติดแหงกอยู่ใจกลางแห่งความหายนะซึ่งดูเหนือธรรมชาติ การใช้ความคิด ความรู้ และความสามารถที่ไม่เหมือนใครและไม่เป็นไปตามแบบแผนของสังคมของเขานั้น จะทำให้เขามีชีวิตรอดไปอีกนานแค่ไหนกับหายนะที่เต็มไปด้วยสัตว์ประหลาดซอมบี้ การเปลี่ยนแปลงต่างๆ และผู้คนชั่วร้ายสารเลวในฐานะผู้ที่ยังรอดชีวิตอยู่ในประเทศบ้านเมืองที่มีประชากรล้นเหลือแบบนี้

Comment

Options

not work with dark mode
Reset